พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ หน้า 256-260

                                                            หน้าที่ ๒๕๖

                                                พระราโชวาทของพระเจ้าทีฆีติโกศลราช
                พระเจ้าทีฆีติโกศลราช ได้ทอดพระเนตรเห็นทีฆาวุกุมารเสด็จพระดำเนินมาแต่ไกลเทียว
ครั้นแล้วได้ตรัสพระบรมราชโอวาทนี้แก่ทีฆาวุกุมารว่า พ่อทีฆาวุ เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว เจ้าอย่า
เห็นแก่สั้น เวรทั้งหลายย่อมไม่ระงับเพราะเวรเลย แต่ย่อมระงับได้เพราะไม่จองเวร
                เมื่อท้าวเธอตรัสอย่างนี้แล้ว เจ้าพนักงานเหล่านั้นได้ทูลคำนี้แด่ท้าวเธอว่า พระเจ้า
ทีฆีติโกศลราชนี้เป็นผู้วิกลจริตจึงบ่นเพ้ออยู่ ทีฆาวุของพระองค์คือใคร พระองค์ตรัสอย่างนี้
กะใครว่า พ่อทีฆาวุ เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว เจ้าอย่าเห็นแก่สั้น เวรทั้งหลายย่อมไม่ระงับเพราะ
เวรเลย แต่ย่อมระงับได้เพราะไม่จองเวร
                พระเจ้าทีฆีติโกศลราชตรัสว่า พนาย เราไม่ได้เสียจริตบ่นเพ้ออยู่ แต่ผู้ใดรู้เรื่อง ผู้นั้น
จักเข้าใจ
                พระเจ้าทีฆีติโกศลราช ได้ตรัสพระบรมราโชวาทนี้แก่ทีฆาวุราชกุมารเป็นคำรบสองว่า ....
                พระเจ้าทีฆีติโกศลราช ได้ตรัสพระบรมราโชวาทนี้แก่ทีฆาวุราชกุมารเป็นคำรบที่สามว่า
พ่อทีฆาวุ เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว เจ้าอย่าเห็นแก่สั้น เวรทั้งหลายย่อมไม่ระงับเพราะเวรเลย
แต่ย่อมระงับได้เพราะไม่จองเวร
                เจ้าพนักงานเหล่านั้น ได้ทูลคำนี้แด่พระเจ้าทีฆีติโกศลราชเป็นคำรบสามว่า เจ้าทีฆีติ
โกศลราชนี้เป็นผู้วิกลจริต จึงบ่นเพ้ออยู่ ทีฆาวุของพระองค์คือใคร พระองค์ตรัสกะใครอย่าง
นี้ว่า เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว เจ้าอย่าเห็นแก่สั้น เวรทั้งหลายย่อมไม่ระงับเพราะเวรเลย แต่ย่อม
ระงับได้เพราะไม่จองเวร
                พระเจ้าทีฆีติโกศลราชตรัสว่า พนาย เราไม่ได้เสียจริตบ่นเพ้ออยู่ แต่ผู้ใดรู้เรื่อง
ผู้นั้นจักเข้าใจ
                จึงพนักงานเหล่านั้น ได้นำพระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมกับพระมเหสีไปตามถนน
ตามตรอกทั่วทุกแห่ง แล้วให้ออกไปทางประตูด้านทักษิณ บั่นพระกายเป็น ๔ ท่อน วางเรียง
ไว้ในหลุม ๔ ทิศ ด้านทักษิณแห่งพระนคร วางยามคอยระวังเหตุการณ์ไว้แล้วกลับไป ครั้งนั้น
ทีฆาวุราชกุมาร เข้าไปสู่พระนครพาราณสี นำสุรามาเลี้ยงพวกเจ้าหน้าที่อยู่ยาม เมื่อเวลาที่คน
เหล่านั้นเมาฟุบลง ทีฆาวุราชกุมารจึงจัดหาฟืนมาวางเรียงกันไว้ ยกพระบรมศพของพระชนกชนนี


                                                            หน้าที่ ๒๕๗

ขึ้นสู่พระจิตกาธาร ถวายพระเพลิง แล้วประนมพระหัตถ์ทำประทักษิณพระจิตกาธาร ๓ รอบ
ขณะนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช ประทับอยู่ชั้นบนแห่งปราสาทอันประเสริฐได้ทอดพระเนตร
เห็นทีฆาวุราชกุมาร กำลังทรงประนมพระหัตถ์ทำประทักษิณพระจิตกาธาร ๓ รอบ ครั้นแล้ว
ได้ทรงพระดำริแน่ในพระทัยว่า เจ้าคนนั้นคงเป็นญาติหรือสายโลหิต ของพระเจ้าทีฆีติโกศลราช
แน่นอน น่ากลัวจะก่อความฉิบหายแก่เรา ช่างไม่มีใครบอกเราเลย.
                ครั้งนั้น ทีฆาวุราชกุมารเสด็จหลบเข้าป่าไป ทรงกันแสงร่ำไห้ จนพอแก่เหตุ ทรงซับ
น้ำพระเนตร แล้วเสด็จเข้าพระนครพาราณสี ไปถึงโรงช้างใกล้พระบรมมหาราชวัง แล้วได้ตรัส
คำนี้แก่นายหัตถาจารย์ว่า ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าปรารถนาจะศึกษาศิลปะ
                นายหัตถาจารย์ตอบว่า ถ้ากระนั้น เชิญมาศึกษาเถิดพ่อหนุ่มน้อย อยู่มาวันหนึ่ง
ทีฆาวุราชกุมาร ทรงตื่นบรรทมตอนปัจจุสสมัยแห่งราตรีแล้วทรงขับร้องและดีดพิณคลอเสียง
เจื้อยแจ้วอยู่ที่โรงช้าง.
                พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช ทรงตื่นบรรทมเวลาปัจจุสสมัยแห่งราตรี ได้ทรงสดับ
เสียงเพลงและเสียงพิณที่ดีดคลอเสียงอันเจื้อยแจ้วดังแว่วมาทางโรงมงคลหัตถี จึงมีพระดำรัสถาม
พวกมหาดเล็กว่า แน่พนาย ใครตื่นในเวลาเช้ามืดแห่งราตรีแล้ว ขับร้องและดีดพิณแว่วมาทาง
โรงช้าง?
                พวกมหาดเล็กกราบทูลว่า ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ชายหนุ่ม
ศิษย์ของนายหัตถาจารย์ชื่อโน้น ตื่นในเวลาเช้ามืดแห่งราตรีแล้ว ขับร้องและดีดพิณคลอเสียง
อันเจื้อยแจ้วดังที่โรงช้าง พระพุทธเจ้าข้า.
                พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชตรัสว่า พนาย ถ้ากระนั้น จงพาชายหนุ่มมาเฝ้า พวกเขา
ทูลรับสนองพระบรมราชโองการแล้ว พาทีฆาวุราชกุมารมาเฝ้า จึงพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช
ได้ตรัสถามทีฆาวุราชกุมารว่า พ่อนายชายหนุ่ม เจ้าตื่นในเวลาเช้าแห่งราตรีแล้ว ขับร้องและ
ดีดพิณคลอเสียงอันเจื้อยแจ้วดังทางโรงช้างหรือ?
                ทีฆาวุราชกุมารทูลรับว่า เป็นดังพระกระแสรับสั่ง พระพุทธเจ้าข้า.


                                                            หน้าที่ ๒๕๘

                พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชตรัสว่า พ่อนายชายหนุ่ม ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงขับร้องและดีดพิณไป
                ทีฆาวุราชกุมารทูลรับสนองพระบรมราชโองการว่า เป็นดังพระกระแสรับสั่ง พระพุทธ-
เจ้าข้า ดังนั้น แล้วประสงค์จะให้ทรงโปรดปราน จึงขับร้องและดีดพิณด้วยเสียงอันไพเราะ
                ทีนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชตรัสว่า พ่อนายชายหนุ่ม เจ้าจงอยู่รับใช้เราเถิด
                ทีฆาวุราชกุมารทูลรับสนองพระบรมราชโองการว่า เป็นดังพระกระแสรับสั่ง พระพุทธ-
เจ้าข้า ดังนั้น แล้วจึงประพฤติทำนองตื่นก่อนนอนทีหลัง คอยเฝ้าฟังพระราชดำรัสใช้ ประพฤติ
ให้ถูกพระอัธยาศัย เจรจาถ้อยคำไพเราะ ต่อพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช ครั้นต่อมาไม่นานนัก
ท้าวเธอทรงแต่งตั้งทีฆาวุราชกุมาร ไว้ในตำแหน่งผู้ไว้วางพระราชหฤทัย ใกล้ชิดสนิทภายใน
อยู่มาวันหนึ่ง ท้าวเธอได้ตรัสคำนี้แก่ทีฆาวุราชกุมารว่า พ่อนายชายหนุ่ม ถ้ากระนั้น เจ้าจงเทียมรถ
พวกเราจักไปล่าเนื้อ
                ทีฆาวุราชกุมารทูลรับสนองพระบรมราชโองการว่า เป็นดังพระราชกระแสรับสั่ง
พระพุทธเจ้าข้า แล้วจัดเทียมรถไว้เสร็จ ได้กราบทูลคำนี้แด่พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชว่า ขอเดชะ
รถพระที่นั่งเทียมเสร็จแล้ว พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้ ขอจงทรงพระกรุณาโปรดทราบกาลอันควรเถิด
พระพุทธเจ้าข้า.
                ลำดับนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช เสด็จขึ้นราชรถ ทีฆาวุราชกุมารขับราชรถไป
แต่ขับราชรถไปโดยวิธีที่หมู่เสนาได้แยกไปทางหนึ่ง ราชรถได้แยกไปทางหนึ่ง ครั้งนั้น พระเจ้า-
พรหมทัตกาสิกราชเสด็จไปไกล แล้วได้ตรัสคำนี้แก่ทีฆาวุราชกุมารว่า พ่อนายชายหนุ่ม ถ้ากระนั้น
เจ้าจงจอดรถ เราเหนื่อยอ่อนจักนอนพัก.
                ทีฆาวุราชกุมารทูลรับสนองพระบรมราชโองการว่า เป็นดังพระราชกระแสรับสั่ง
พระพุทธเจ้าข้า ดังนั้นแล้วจอดราชรถนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้นดิน จึงพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช
ทรงพาดพระเศียรบรรทมอยู่บนตักของทีฆาวุราชกุมาร เมื่อท้าวเธอทรงเหน็ดเหนื่อยมา เพียง
ครู่เดียวก็บรรทมหลับ.
                ขณะนั้น ทีฆาวุราชกุมารคิดถึงความหลังว่า พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชนี้แล ทรงก่อ
ความฉิบหายแก่พวกเรามากมาย ท้าวเธอทรงช่วงชิงรี้พล ราชพาหนะชนบท คลังศัสตราวุธ


                                                            หน้าที่ ๒๕๙

ยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหารของพวกเราไป และยังได้ปลงพระชนมชีพพระชนกชนนีของเรา
เสียด้วย เวลานี้เป็นเวลาที่เราพบคู่เวร ดังนี้จึงชักพระแสงขรรค์ออกจากฝัก แต่เจ้าชายได้ทรง
ยั้งพระทัยไว้ได้ในทันทีว่า พระชนกได้ทรงสั่งเราไว้เมื่อใกล้สวรรคตว่า พ่อทีฆาวุ เจ้าอย่าเห็น
แก่ยาว เจ้าอย่าเห็นแก่สั้น เวรทั้งหลายย่อมไม่ระงับเพราะเวรเลย แต่ย่อมระงับได้เพราะไม่
จองเวร การที่เราจะละเมิดพระดำรัสสั่งของพระชนกนั้น ไม่สมควรแก่เราเลย ดังนี้ แล้วสอด
พระขรรค์เข้าไว้ในฝัก
                ทีฆาวุราชกุมาร ได้ทรงคิดถึงความหลังเป็นคำรบสองว่า ....
                ทีฆาวุราชกุมาร ได้ทรงคิดถึงความหลังเป็นคำรบสามว่า พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชนี้แล
ทรงก่อความฉิบหายแก่พวกเรามากมาย ท้าวเธอทรงช่วงชิงรี้พลราชพาหนะ ชนบท คลังศัสตราวุธ
ยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหารของพวกเราไป และยังได้ปลงพระชนมชีพพระชนกชนนีของเรา
เสียด้วย เวลานี้เป็นเวลาที่เราพบคู่เวร ดังนี้ จึงชักพระแสงขรรค์ออกจากฝัก แต่ก็ทรงยั้ง
พระทัยไว้ได้ทันที เป็นคำรบสามว่า พระชนกได้ตรัสสั่งไว้เมื่อใกล้สวรรคตว่า พ่อทีฆาวุ เจ้าอย่า
เห็นแก่ยาว เจ้าอย่าเห็นแก่สั้น เวรทั้งหลายย่อมไม่ระงับเพราะเวรเลย แต่ย่อมระงับได้เพราะ
ไม่จองเวร การที่เราจะละเมิดพระดำรัสสั่งของพระชนกนั้น ไม่สมควรแก่เราเลย ดังนี้ แล้ว
ทรงสอดพระแสงขรรค์เข้าไว้ในฝักตามเดิม.
                ขณะนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช ทรงกลัว หวั่นหวาด สะดุ้งพระทัยรีบเสด็จลุกขึ้น
ทีฆาวุราชกุมารได้กราบทูลคำนี้แด่พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชในทันทีว่า ขอเดชะ เพราะอะไรหรือ
พระองค์จึงทรงกลัว หวั่นหวาด สะดุ้งพระทัยรีบเสด็จลุกขึ้นพระพุทธเจ้าข้า
                พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชตรัสตอบว่า พ่อนายชายหนุ่ม ฉันฝันว่าทีฆาวุราชกุมาร
โอรสของพระเจ้าทีฆีติโกศลราชฟาดฟันฉันด้วยพระแสงขรรค์ ณ ที่นี้ เพราะเหตุนั้น ฉันจึงกลัว
หวั่นหวาด ตกใจรีบลุกขึ้น
                ทันใดนั้น ทีฆาวุราชกุมารจับพระเศียรของพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชด้วยพระหัตถ์ซ้าย
ชักพระแสงขรรค์ด้วยพระหัตถ์ขวา แล้วได้กล่าวคำขู่แก่พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชว่า ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า คือ ทีฆาวุราชกุมาร โอรสของพระเจ้าทีฆีติโกศลราชคนนั้น พระองค์ทรงก่อความ


                                                            หน้าที่ ๒๖๐

ฉิบหายแก่พวกข้าพระพุทธเจ้ามากมาย คือ ทรงช่วงชิงรี้พล ราชพาหนะ ชนบท คลังศัสตราวุธ
ยุทธภัณฑ์ และคลังธัญญาหาร ของข้าพระพุทธเจ้าไป มิหนำซ้ำยังปลงพระชนมชีพพระชนกชนนี
ของข้าพระพุทธเจ้าเสียด้วย เวลานี้เป็นเวลาที่ข้าพระพุทธเจ้าพบคู่เวรละ
                จึงพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช ซบพระเศียรลงแทบยุคลบาทของทีฆาวุราชกุมาร แล้วได้
ตรัสคำวิงวอนแก่เจ้าชายว่า พ่อทีฆาวุ พ่อจงให้ชีวิตแก่ฉัน พ่อทีฆาวุ พ่อจงให้ชีวิตแก่ฉัน
ด้วยเถิด
                เจ้าชายกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าหรือจะเอื้อมอาจทูลเกล้าถวายชีวิตแก่พระองค์ พระองค์
ต่างหากควรพระราชทานชีวิตแก่พระพุทธเจ้า
                พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชตรัสว่า พ่อทีฆาวุ ถ้าเช่นนั้นพ่อจงให้ชีวิตแก่ฉัน และฉัน
ก็ให้ชีวิตแก่พ่อ.
                ครั้งนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช และทีฆาวุราชกุมาร ต่างได้ให้ชีวิตแก่กันและกัน
ได้จับพระหัตถ์กัน และได้ทำการสบถ เพื่อไม่ทำร้ายกัน จึงพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชได้ตรัส
คำนี้แก่ทีฆาวุราชกุมารว่า พ่อทีฆาวุ ถ้ากระนั้นพ่อจงเทียมรถไปกันเถอะ.
                ทีฆาวุราชกุมารทูลรับสนองพระบรมราชโองการว่า เป็นดังพระกระแสรับสั่ง พระพุทธ-
เจ้าข้า ดังนั้น แล้วเทียมรถ ได้กราบทูลพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชว่า รถพระที่นั่งเทียมเสร็จแล้ว
พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้ ขอพระองค์โปรดทรงทราบกาลอันควรเถิด พระพุทธเจ้าข้า.
                จึงพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชเสด็จขึ้นรถทรงแล้ว ทีฆาวุราชกุมารขับรถไป ได้ขับรถไป
โดยวิธีไม่นานนักก็มาพบกองทหาร ครั้นพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช เสด็จเข้าสู่พระนครพาราณสี
แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดให้เรียกประชุมหมู่อำมาตย์ราชบริษัท ได้ตรัสถามความเห็นข้อนี้ว่า
พ่อนายทั้งหลาย ถ้าพวกท่านพบทีฆาวุราชกุมารโอรสของพระเจ้าทีฆีติโกศลราช จะพึงทำอะไร
แก่เขา.
                อำมาตย์บางพวกกราบทูลอย่างนี้ว่า ขอเดชะ พวกข้าพระพุทธเจ้า จะพึงตัดมือ จะพึง
ตัดเท้า จะพึงตัดทั้งมือและเท้า จะพึงตัดหู จะพึงตัดจมูก จะพึงตัดทั้งหูและจมูก จะพึงตัดศีรษะ
พระพุทธเจ้าข้า.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘