พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ หน้า 241-245

                                                            หน้าที่ ๒๔๑

แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเธอส่งทูตมา  พึง
ไปด้วยตั้งใจว่า จักถาม หรือจักบอก แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง สามเณรในศาสนานี้เป็นผู้ใคร่จะอุปสมบท.  ถ้าเธอจะพึงส่งทูต
ไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า กระผมเองใคร่จะอุปสมบท ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา กระผม
ปรารถนาการมาของภิกษุทั้งหลาย.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วย
สัตตาหกรณียะได้  จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเธอส่งทูตมา  พึงไปด้วยตั้งใจว่า จักทำการขวนขวาย
ให้อุปสมบท  จักช่วยสวด หรือจักเป็นคณะปูรกะ แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
                                                สัตตาหกรณียะเนื่องด้วยสามเณรี
                ๕. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ก็สามเณรีในศาสนานี้อาพาธ.  ถ้าเธอจะพึงส่งทูตไปในสำนัก
ภิกษุทั้งหลายว่า ดิฉันเองอาพาธ ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาการมาของ
พระคุณเจ้า. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา  ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้อง
กล่าวไปไยเมื่อเธอส่งทูตมา  พึงไปด้วยตั้งใจว่า จักแสวงหาคิลานภัต คิลานุปัฐากภัต  คิลาน
เภสัช  จักถามอาการ หรือจักพยาบาล แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ความกระสันบังเกิดแก่สามเณรีในศาสนานี้ ....
                .... ความรำคาญบังเกิด ....
                .... ความเห็นผิดบังเกิด ....
                .... สามเณรีเป็นผู้ใคร่จะถามปี ....
                สามเณรีเป็นผู้ใคร่จะสมาทานสิกขา.   ถ้าเธอจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ดิฉัน
เองใคร่จะสมาทานสิกขา  ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา  ดิฉันปรารถนาการมาของพระ-
คุณเจ้า.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้อง
กล่าวไปไยเมื่อเธอส่งทูตมา  พึงไปด้วยตั้งใจว่า จักทำการขวนขวายให้สมาทานสิกขา แต่ต้อง
กลับใน ๗ วัน.
                [๒๑๒] ก็โดยสมัยนั้นแล มารดาของภิกษุรูปหนึ่งได้ป่วยไข้.  นางส่งทูตไปในสำนัก
ภิกษุผู้เป็นบุตรว่า ดิฉันเองป่วยไข้ ดิฉันปรารถนาการมาของบุตร จึงภิกษุนั้นได้ดำริว่า พระผู้มี


                                                            หน้าที่ ๒๔๒

พระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า เมื่อบุคคล ๗ จำพวกส่งทูตมา ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขา
ไม่ส่งทูตมา จะไปไม่ได้ สำหรับสหธรรมิก ๕ แม้มิได้ส่งทูตมาก็ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะ
ต้องกล่าวไปไยเมื่อเขาส่งทูตมา ก็นี่มารดาของเรากำลังป่วยไข้ และท่านก็มิใช่อุบาสิกา  เราจะ
พึงปฏิบัติอย่างไรหนอ. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.  พระผู้มีพระภาคตรัส
อนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เมื่อบุคคล ๗ จำพวก แม้มิได้ส่งทูตมา  เรา
อนุญาตให้ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเขาส่งทูตมา  บุคคล ๗ จำพวก  คือ
ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี มารดาและบิดา ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เมื่อบุคคล ๗
จำพวกนี้  แม้มิได้ส่งทูตมา เราอนุญาตให้ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเขา
ส่งทูตมา แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มารดาของภิกษุในศาสนานี้ป่วยไข้. ถ้าเขาจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุ
ผู้เป็นบุตรว่า ดิฉันเองป่วยไข้ ขอบุตรของดิฉันจงมา ดิฉันปรารถนาการมาของบุตร.  ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย แม้เมื่อนางมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไย เมื่อนาง
ส่งทูตมา  พึงไปด้วยตั้งใจว่า จักแสวงหาคิลานภัต  คิลานุปัฐากภัต คิลานเภสัช จักถามอาการ
หรือจักพยาบาล แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง บิดาของภิกษุในศาสนานี้ป่วยไข้. ถ้าเขาจะพึงส่งทูตไปในสำนัก
ภิกษุผู้เป็นบุตรว่า   ฉันเองป่วยไข้ ขอบุตรของฉันจงมา ฉันปรารถนาการมาของบุตร.  ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย แม้เมื่อเขามิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไย เมื่อเขา
ส่งทูตมา พึงไปด้วยตั้งใจว่า จักแสวงหาคิลานภัต คิลานุปัฐากภัต คิลานเภสัช จักถามอาการ
หรือจักพยาบาล แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พี่ชายน้องชายของภิกษุในศาสนานี้ป่วยไข้.  ถ้าเขาจะพึงส่งทูต
ไปในสำนักภิกษุผู้พี่ชายน้องชายว่า กระผมเองป่วยไข้ ขอพี่ชายน้องชายของกระผมจงมา กระผม
ปรารถนาการมาของพี่ชายน้องชาย.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เมื่อเขาส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะ
ได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่งทูตมา ก็ไม่พึงไป แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พี่หญิงน้องหญิงของภิกษุในศาสนานี้ป่วยไข้. ถ้าเขาจะพึงส่ง
ทูตไปในสำนักภิกษุว่า ดิฉันเองป่วยไข้  ขอพี่ชายน้องชายของดิฉันจงมา ดิฉันปรารถนาการมา


                                                            หน้าที่ ๒๔๓

ของพี่ชายน้องชาย.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขาส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อ
เขาไม่ส่งทูตมา ก็ไม่พึงไป แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ญาติของภิกษุในศาสนานี้ป่วยไข้. ถ้าเขาจะพึงส่งทูตไปสำนัก
ภิกษุว่า กระผมเองป่วยไข้ ขอพระคุณเจ้าจงมา กระผมปรารถนาการมาของพระคุณเจ้า. ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เมื่อเขาส่งทูตมา  ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่งทูตมา ก็ไม่พึงไป
แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง บุรุษผู้ภักดีต่อภิกษุในศาสนานี้ป่วยไข้.  ถ้าเขาจะพึงส่งทูตไปใน
สำนักภิกษุว่า กระผมเองป่วยไข้ ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมปรารถนาการมาของภิกษุ
ทั้งหลาย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เมื่อเขาส่งทูตมาก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่ง
ทูตมา ก็ไม่พึงไป แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
                                                ทรงอนุญาตสัตตาหกรณียะเพราะกิจของสงฆ์
                [๒๑๓] ก็โดยสมัยนั้นแล มหาวิหารของสงฆ์ชำรุดลง อุบาสกคนหนึ่งได้ให้ตัดเครื่อง
ทัพพสัมภาระไว้ในป่า. เขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ถ้าพระคุณเจ้าทั้งหลาย จะพึงขน
เครื่องทัพพสัมภาระนั้นไปได้  กระผมขอถวายเครื่องทัพพสัมภาระนั้น.  ภิกษุทั้งหลายกราบทูล
เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.  พระผู้มีพระภาคตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้ไปได้เพราะกรณียะของสงฆ์ แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
                                                เรื่องทรงอนุญาตสัตตาหกรณียะ จบ.
                                                                วัสสาวาสภาณวารที่ ๑ จบ
                                                                ________________


                                                            หน้าที่ ๒๔๔

                                                                อันตรายของภิกษุผู้จำพรรษา
                                                                ถูกสัตว์ร้ายเบียดเบียนเป็นต้น
                [๒๑๔] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในอาวาสแห่งหนึ่งในโกศลชนบท ถูก
เหล่าสัตว์ร้ายเบียดเบียน  มันจับเอาไปได้บ้าง หนีมันรอดมาได้บ้าง. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่อง
นั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:-
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้วถูกสัตว์ร้ายเบียดเบียน มัน
จับเอาไปได้บ้าง หนีมันรอดมาได้บ้าง.  พวกเธอพึงหลีกไปด้วยความสำคัญว่า นั่นแลอันตราย
ไม่ต้องอาบัติ แต่พรรษาขาด.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้ว ถูกงูเบียดเบียน มัน
ขบกัดเอาบ้าง หนีมันรอดมาได้บ้าง.  พวกเธอพึงหลีกไปด้วยสำคัญว่า นั่นแลอันตราย ไม่ต้อง
อาบัติ แต่พรรษาขาด.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้ว พวกโจรเบียดเบียน มัน
ปล้นบ้าง รุมตีบ้าง. พวกเธอพึงหลีกไปด้วยสำคัญว่า นั่นแลอันตราย ไม่ต้องอาบัติ แต่พรรษาขาด.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้ว ถูกพวกปิศาจรบกวน
มันเข้าสิงบ้าง พาเอาไปบ้าง. พวกเธอพึงหลีกไปด้วยสำคัญว่า  นั่นแลอันตราย ไม่ต้องอาบัติ
แต่พรรษาขาด.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง เมื่อภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้ว หมู่บ้านประสบ
อัคคีภัย. ภิกษุทั้งหลายลำบากด้วยบิณฑบาต. พวกเธอพึงหลีกไปด้วยสำคัญว่า นั่นแลอันตราย
ไม่ต้องอาบัติ แต่พรรษาขาด.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง เมื่อภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้ว เสนาสนะถูกไฟไหม้.
ภิกษุทั้งหลายเดือดร้อนด้วยเสนาสนะ.  พวกเธอพึงหลีกไปด้วยสำคัญว่า นั่นแลอันตราย ไม่
ต้องอาบัติ แต่พรรษาขาด.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง เมื่อภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้ว หมู่บ้านประสบ
อุทกภัย. ภิกษุทั้งหลายลำบากด้วยบิณฑบาต. พวกเธอพึงหลีกไปด้วยสำคัญว่า นั่นแลอันตราย
ไม่ต้องอาบัติ แต่พรรษาขาด.


                                                            หน้าที่ ๒๔๕

                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง เมื่อภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้ว เสนาสนะถูก
น้ำท่วม. ภิกษุทั้งหลายเดือดร้อนด้วยเสนาสนะ. พวกเธอพึงหลีกไปด้วยสำคัญว่า นั่นแลอันตราย
ไม่ต้องอาบัติ แต่พรรษาขาด.
                [๒๑๕] ก็โดยสมัยนั้นแล  เมื่อภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในอาวาสแห่งหนึ่ง ชาวบ้าน
อพยพไปเพราะพวกโจรภัย.  ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.  พระผู้มีพระภาค
รับสั่งว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ไปตามชาวบ้าน.  ชาวบ้านแยกกันเป็นสองพวก.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.  พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้ไปตามชาวบ้านที่มากกว่า.  ชาวบ้านที่มากกว่าเป็นผู้ไม่มีศรัทธา  ไม่เลื่อมใส.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระพุทธเจ้า.  พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้ไปตามชาวบ้านที่มีศรัทธาเลื่อมใส.
                [๒๑๖] ก็โดยสมัยนั้นแล  ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในอาวาสแห่งหนึ่งในโกศลชนบท
ไม่ได้โภชนาหารอันเศร้าหมองหรือประณีต บริบูรณ์ตามต้องการ  จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี
พระภาค.  พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:-
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ก็ภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้ว  ไม่ได้โภชนาหารอัน
เศร้าหมองหรือประณีต บริบูรณ์ตามต้องการ. พวกเธอพึงหลีกไปด้วยสำคัญว่า นั่นแลอันตราย
ไม่ต้องอาบัติ แต่พรรษาขาด.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้ว  ได้โภชนาหารอัน
เศร้าหมองหรือประณีต บริบูรณ์ตามต้องการ แต่ไม่ได้โภชนาหารอันเป็นที่สบาย  พวกเธอ
พึงหลีกไปด้วยสำคัญว่า นั่นแลอันตราย ไม่ต้องอาบัติ แต่พรรษาขาด.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้ว  ได้โภชนาหารอัน
เศร้าหมองหรือประณีต บริบูรณ์ตามต้องการ  และได้โภชนาหารอันเป็นที่สบาย  แต่ไม่ได้เภสัช
อันเป็นที่สบาย  พวกเธอพึงหลีกไปด้วยสำคัญว่า นั่นแลอันตราย  ไม่ต้องอาบัติ แต่พรรษาขาด.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จำพรรษาแล้ว  ได้โภชนาหารอัน
เศร้าหมองหรือประณีต บริบูรณ์ตามต้องการ ได้โภชนาหารอันเป็นที่สบาย  ได้เภสัชอันเป็นที่สบาย
แต่ไม่ได้อุปัฏฐากที่สมควร  พวกเธอพึงหลีกไปด้วยสำคัญว่า นั่นแลอันตราย ไม่ต้องอาบัติ
แต่พรรษาขาด.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘