พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ หน้า 211-215

                                                            หน้าที่ ๒๑๑

                ๑๒. .... มีจำนวนน้อยกว่า ....
                ๑๓. .... บริษัทลุกไปหมดแล้ว ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า.
ภิกษุเหล่านั้นต้องสวดปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ๑๔. .... ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๑๕. .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว. พวกภิกษุผู้มาทีหลัง
พึงบอกปาริสุทธิในสำนักพวกเธอ. พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                                                ทำอุโบสถเป็นหมู่สำคัญว่าพร้อมกัน ๑๕ ข้อ จบ.
                                                                มีความสงสัยทำอุโบสถ ๑๕ ข้อ
                [๑๙๓] ๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอรู้อยู่ว่า ยังมีภิกษุ
เจ้าถิ่นพวกอื่นที่ยังไม่มา และมีความสงสัยว่า พวกเราควรทำอุโบสถหรือไม่ควรหนอ ดังนี้ แล้ว
ยังขืนทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์. เมื่อพวกเธอกำลังสวดปาติโมกข์ ขณะนั้น  มีภิกษุเจ้าถิ่น
พวกอื่นมาถึงมีจำนวนมากกว่า ภิกษุเหล่านั้นต้องสวดปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุผู้สวด ต้อง
อาบัติทุกกฏ.
                ๒. .... ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๓. .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว พวกภิกษุผู้มา
ทีหลัง  พึงฟังส่วนที่เหลือต่อไป.  พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง  ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้
มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอรู้อยู่ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่น
ที่ยังไม่มา และมีความสงสัยว่า พวกเราควรทำอุโบสถหรือไม่ควรหนอ ดังนี้ แล้วยังขืนทำ
อุโบสถ สวดปาติโมกข์. พอพวกเธอสวดปาติโมกข์จบ ขณะนั้นมีภิกษุ .... มีจำนวนมากกว่า ....
                ๕. .... มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๖. .... มีจำนวนน้อยกว่า ....
                ๗. .... บริษัทยังไม่ทันลุกไป .... มีจำนวนมากกว่า ....


                                                            หน้าที่ ๒๑๒

                ๘. .... มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๙. .... มีจำนวนน้อยกว่า ....
                ๑๐. .... บริษัทบางพวกลุกไปแล้ว .... มีจำนวนมากกว่า ....
                ๑๑. .... มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๑๒. .... มีจำนวนน้อยกว่า ....
                ๑๓. .... บริษัทลุกไปหมดแล้ว ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า.
ภิกษุเหล่านั้นต้องสวดปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ๑๔. .... ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๑๕. .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว. พวกภิกษุผู้มา
ทีหลัง พึงบอกปาริสุทธิในสำนักพวกเธอ. พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                                                มีความสงสัยทำอุโบสถ ๑๕ ข้อ จบ.
                                                                ฝืนใจทำอุโบสถ ๑๕ ข้อ
                [๑๙๔] ๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นมากรูป
ด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอรู้อยู่ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นที่ยังไม่มา.
แต่ฝืนใจทำอุโบสถ สวดปาติโมกข์ด้วยเข้าใจว่า พวกเราควรทำอุโบสถแท้ มิใช่ไม่ควร.  เมื่อพวก
เธอกำลังสวดปาติโมกข์ ขณะนั้น  มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า.  ภิกษุเหล่านั้น
ต้องสวดปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ๒. .... ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๓. .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้ว ก็เป็นอันสวดดีแล้ว. พวกภิกษุที่มา
ทีหลัง  พึงฟังส่วนที่เหลือต่อไป.  พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง  ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้
มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอรู้อยู่ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่นพวก
อื่นที่ยังไม่มา. แต่ฝืนใจทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์ด้วยเข้าใจว่า พวกเราควรทำอุโบสถแท้ มิใช่
ไม่ควร. พอพวกเธอสวดปาติโมกข์จบ ขณะนั้นมีภิกษุ .... มีจำนวนมากกว่า ....
                ๕. .... มีจำนวนเท่ากัน ....


                                                            หน้าที่ ๒๑๓

                ๖. .... มีจำนวนน้อยกว่า ....
                ๗. .... บริษัทยังไม่ทันลุกไป .... มีจำนวนมากกว่า ....
                ๘. .... มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๙. .... มีจำนวนน้อยกว่า ....
                ๑๐. .... บริษัทบางพวกลุกไปแล้ว .... มีจำนวนมากกว่า ....
                ๑๑. .... มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๑๒. .... มีจำนวนน้อยกว่า ....
                ๑๓. .... บริษัทลุกไปหมดแล้ว ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า.
ภิกษุเหล่านั้นต้องสวดปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ๑๔. .... ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๑๕. .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว. พวกภิกษุผู้มา
ทีหลัง พึงบอกปาริสุทธิในสำนักพวกเธอ. พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                                                                ฝืนใจทำอุโบสถ ๑๕ ข้อ  จบ.
                                                มุ่งความแตกร้าวทำอุโบสถ ๑๕ ข้อ
                [๑๙๕] ๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่น
ในศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอรู้อยู่ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่น
พวกอื่นที่ยังไม่มาและมุ่งความแตกร้าวว่า ขอภิกษุเหล่านั้นเสื่อมสูญ  ขอภิกษุเหล่านั้นจงพินาศ
จะประโยชน์อะไรด้วยภิกษุเหล่านั้น ดังนี้ จึงทำอุโบสถ สวดปาติโมกข์. เมื่อพวกเธอกำลัง
สวดปาติโมกข์ ขณะนั้นมีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า  ภิกษุเหล่านั้นต้องสวด
ปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
                ๒. .... ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๓. .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้ว ก็เป็นอันสวดดีแล้ว. พวกภิกษุ
ที่มาทีหลัง  พึงฟังส่วนที่เหลือต่อไป.  พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
                ๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง  ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอรู้อยู่ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่น


                                                            หน้าที่ ๒๑๔

พวกอื่นที่ยังไม่มาและมุ่งความแตกร้าวว่า ขอภิกษุเหล่านั้นจงเสื่อมสูญ ขอภิกษุเหล่านั้นจงพินาศ
จะประโยชน์อะไรด้วยภิกษุเหล่านั้น  ดังนี้ จึงทำอุโบสถ สวดปาติโมกข์. พอพวกเธอสวด
ปาติโมกข์จบ ขณะนั้น  มีภิกษุ .... มีจำนวนมากกว่า ....
                ๕. .... มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๖. .... มีจำนวนน้อยกว่า ....
                ๗. .... บริษัทยังไม่ทันลุกไป .... มีจำนวนมากกว่า ....
                ๘. .... มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๙. .... มีจำนวนน้อยกว่า ....
                ๑๐. .... บริษัทบางพวกลุกไปแล้ว .... มีจำนวนมากกว่า ....
                ๑๑. .... มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๑๒. .... มีจำนวนน้อยกว่า ....
                ๑๓. .... บริษัทลุกไปหมดแล้ว ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า.
ภิกษุเหล่านั้นต้องสวดปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
                ๑๔. .... ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๑๕. .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้ว  ก็เป็นอันสวดดีแล้ว. พวกภิกษุ
ผู้มาทีหลัง  พึงบอกปาริสุทธิในสำนักพวกเธอ. พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
                                                มุ่งความแตกร้าวทำอุโบสถ ๑๕ ข้อ จบ.
                                                                การทำอุโบสถ ๒๕ ติกะ จบ
                                                                ________________


                                                            หน้าที่ ๒๑๕

                                                                เปยยาลมุข ๗๐๐ ติกะ
                [๑๙๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่น
ในศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่น
พวกอื่นกำลังเข้ามาภายในสีมา ....
                .... พวกเธอไม่รู้ว่า มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นเข้ามาภายในสีมาแล้ว ....
                .... พวกเธอไม่เห็นภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นที่กำลังเข้ามาภายในสีมา ....
                .... พวกเธอไม่เห็นภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นที่เข้ามาภายในสีมาแล้ว ....
                .... พวกเธอไม่ได้ยินว่า มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นกำลังเข้ามาภายในสีมา ....
                .... พวกเธอไม่ได้ยินว่า มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นเข้ามาภายในสีมาแล้ว ....
                โดยนัย ๑๗๕ ติกะ  ภิกษุเจ้าถิ่นกับภิกษุเจ้าถิ่น ภิกษุอาคันตุกะกับภิกษุเจ้าถิ่น ภิกษุ
เจ้าถิ่นกับภิกษุอาคันตุกะ ภิกษุอาคันตุกะกับภิกษุอาคันตุกะ รวมเป็น ๗๐๐ ติกะ โดยเปยยาลมุข.
                                                                วันอุโบสถต่างกัน
                [๑๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็วันอุโบสถของพวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ เป็นวัน ๑๔ ค่ำ
ของพวกภิกษุอาคันตุกะ เป็นวัน ๑๕ ค่ำ. ถ้าพวกภิกษุเจ้าถิ่นมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุอาคันตุกะ
พึงอนุวัตตามพวกภิกษุเจ้าถิ่น.  ถ้ามีจำนวนเท่ากัน  พวกภิกษุอาคันตุกะพึงอนุวัตตามพวกภิกษุ
เจ้าถิ่น.  ถ้าพวกภิกษุอาคันตุกะมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุเจ้าถิ่นพึงอนุวัตตามพวกภิกษุอาคันตุกะ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง วันอุโบสถของพวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ เป็นวัน ๑๕ ค่ำ
ของพวกภิกษุอาคันตุกะ เป็นวัน ๑๔ ค่ำ. ถ้าพวกภิกษุเจ้าถิ่นมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุอาคันตุกะ
พึงอนุวัตตามพวกภิกษุเจ้าถิ่น.  ถ้ามีจำนวนเท่ากัน  พวกภิกษุอาคันตุกะพึงอนุวัตตามพวกภิกษุ
เจ้าถิ่น.  ถ้าพวกภิกษุอาคันตุกะมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุเจ้าถิ่นพึงอนุวัตตามพวกภิกษุอาคันตุกะ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง  วันอุโบสถของพวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ เป็นวัน ๑ ค่ำ
ของพวกภิกษุอาคันตุกะ เป็นวัน ๑๕ ค่ำ. ถ้าพวกภิกษุเจ้าถิ่นมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุเจ้าถิ่น
ไม่ปรารถนาก็ไม่ต้องให้ความสามัคคีแก่พวกภิกษุอาคันตุกะ  พวกภิกษุอาคันตุกะพึงไปนอกสีมา
แล้วทำอุโบสถเถิด. ถ้ามีจำนวนเท่ากัน พวกภิกษุเจ้าถิ่นไม่ปรารถนา ก็ไม่ต้องให้ความสามัคคี

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘