วินัยนักธรรมโท46
»ÑËÒáÅÐà©ÅÂÇÔªÒÇԹѺÑÑµÔ ¹Ñ¡¸ÃÃÁªÑé¹â·
Êͺã¹Ê¹ÒÁËÅǧ
ÇѹÍÒ·ÔµÂì ·Õè óð ¾ÄȨԡÒ¹ ¾.È. òõôö
*********
๑. | ๑.๑ | สิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์ เรียกว่าอะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ? |
| ๑.๒ | ภิกษุล่วงละเมิดสิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์นั้น ต้องอาบัติโดยตรงอย่างไรบ้าง ? |
๑. | ๑.๑ | เรียกว่าอภิสมาจาร ฯมี ๒ อย่าง คือ เป็นข้อห้าม ๑ เป็นข้ออนุญาต ๑ ฯ |
| ๑.๒ | ต้องอาบัติโดยตรง ๒ อย่าง คือ ถุลลัจจัย ๑ ทุกกฏ ๑ ฯ |
๒. | บริขารต่อไปนี้ได้แก่อะไรบ้าง ? | |
| ๒.๑ | บริขารเครื่องบริโภค |
| ๒.๒ | บริขารเครื่องอุปโภค |
๒. | ๒.๑ | ได้แก่ ไตรจีวร ผ้าปูนอน ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก ผ้านิสีทนะ บาตร ฯ |
| ๒.๒ | ได้แก่ กล่องเข็ม เครื่องกรองน้ำ มีดโกนพร้อมทั้งฝัก หินสำหรับลับ กับเครื่องสะบัด ร่ม รองเท้า ฯ |
๓. | ๓.๑ | การแสดงความเคารพได้แก่กิริยาเช่นไร ? |
| ๓.๒ | ภิกษุควรงดทำความเคารพกันในเวลาใดบ้าง ? จงตอบมา ๕ ข้อ |
๓. | ๓.๑ | ได้แก่ การกราบไหว้ การลุกรับ การทำอัญชลี การทำสามีจิกรรม ฯ |
| ๓.๒ | ในเวลาดังต่อไปนี้ (ตอบมา ๕ ข้อ) ๑) ในเวลาประพฤติวุฏฐานวิธี คือ อยู่กรรมเพื่อออกจากอาบัติสังฆาทิเสส ๒) ในเวลาถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม ๓) ในเวลาเปลือยกาย ๔) ในเวลาเข้าบ้านหรือเดินอยู่ตามทาง ๕) ในเวลาอยู่ในที่มืดแลไม่เห็นกัน ๖) ในเวลาที่ท่านไม่รู้ ๗) ในเวลาขบฉันอาหาร ๘) ในเวลาถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ฯ |
๔. | ๔.๑ | ท่านห้ามไม่ให้จำพรรษาตลอด ๔ เดือนฤดูฝนนั้น เพราะเหตุไร ? |
| ๔.๒ | อีก ๗ วันจะถึงวันปวารณา ภิกษุทำสัตตาหกรณียะไปปวารณาที่วัดอื่น เธอจะได้รับอานิสงส์การจำพรรษาหรือไม่ ? เพราะเหตุไร ? |
๔. | ๔.๑ | เพราะต้องการเดือนท้ายฤดูฝนไว้เป็นจีวรกาล คราวแสวงหาจีวร คราวทำจีวร เพื่อผลัด ผ้าไตรจีวรเดิม ฯ |
| ๔.๒ | ได้รับอานิสงส์การจำพรรษาเหมือนกัน เพราะวันสุดท้ายแห่งวันจำพรรษาตกอยู่ในวันที่ ๗ ในที่อื่นบ่งให้กลับใน ๗ วันนั้นเพราะยังไม่สิ้นกำหนดวันจำพรรษา ฯ |
๕. | ๕.๑ | ภิกษุพึงประชุมกันสวดพระปาฏิโมกข์ในวันเช่นไรบ้าง ? |
| ๕.๒ | กำลังสวดพระปาฏิโมกข์ค้างอยู่ หากมีภิกษุอื่นมาถึงเข้าจะปฏิบัติอย่างไร ? |
๕. | ๕.๑ | ในวันพระจันทร์เพ็ญ (ดิถีขึ้น ๑๕ ค่ำ) วันพระจันทร์ดับ (ดิถีแรม ๑๕ ค่ำ หรือ ๑๔ ค่ำ) และวันสามัคคี ฯ |
| ๕.๒ | ปฏิบัติอย่างนี้ คือ ถ้าภิกษุผู้เข้ามาใหม่มากกว่าภิกษุผู้ชุมนุม ต้องสวดตั้งต้นใหม่ ถ้าเท่ากัน หรือน้อยกว่า ส่วนที่สวดไปแล้วก็ให้เป็นอันสวดแล้ว ให้เธอผู้มาใหม่ฟัง ส่วนที่ยังเหลือต่อไป ฯ |
๖. | ๖.๑ | สังฆปวารณา คืออะไร ? |
| ๖.๒ | คำบอกปาริสุทธิว่าอย่างไร ? |
๖. | ๖.๑ | คือ ปวารณาเป็นการสงฆ์ มีภิกษุประชุมตั้งแต่ ๕ รูปขึ้นไป ฯ |
| ๖.๒ | ว่าดังนี้ สำหรับผู้แก่พรรษากว่าว่า “ปริสุทฺโธ อหํ อาวุโส ปริสุทฺโธติ มํ ธาเรหิ” ว่า ๓ หน สำหรับผู้อ่อนพรรษากว่าว่า “ปริสุทฺโธ อหํ ภนฺเต ปริสุทฺโธติ มํ ธาเรถ” ว่า ๓ หน ฯ |
๗. | ความประพฤติต่อไปนี้ จัดเข้าในอุปปถกิริยาข้อไหน ? | |
| ๗.๑ | ชอบเล่นคะนอง ร้องรำทำเพลง |
| ๗.๒ | ชอบด่าว่า เสียดสี เปรียบเปรยเขา ยุยงให้เขาแตกกัน |
๗. | ๗.๑ | จัดเข้าในข้ออนาจาร ความประพฤติไม่ดีไม่งาม ฯ |
| ๗.๒ | จัดเข้าในข้อปาปสมาจาร ความประพฤติเลวทราม ฯ |
๘. | ๘.๑ | อุททิสมังสะ ได้แก่เนื้อเช่นไร ? |
| ๘.๒ | ภิกษุฉันเนื้องู เนื้อมนุษย์ ต้องอาบัติอะไร ? |
๘. | ๘.๑ | อุททิสมังสะ ได้แก่เนื้อที่เป็นกัปปิยะโดยกำเนิดและเขาทำให้สุกแล้ว แต่เป็นของที่เขาฆ่าเพื่อทำเป็นอาหารถวายพระภิกษุโดยตรง ฯ |
| ๘.๒ | ภิกษุฉันเนื้องู ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ ฉันเนื้อมนุษย์ ต้องอาบัติถุลลัจจัย ฯ |
๙. | ๙.๑ | วินัยกรรม คืออะไร ? มีกี่อย่าง อะไรบ้าง ? |
| ๙.๒ | การทำวินัยกรรมมีจำกัดบุคคลหรือสถานที่ไว้อย่างไรบ้าง ? |
๙. | ๙.๑ | คือ การทำกิจตามพระวินัย ฯมี ๓ อย่าง คือ๑) การแสดงอาบัติ๒) การอธิษฐาน ๓) การวิกัป ฯ |
| ๙.๒ | มีจำกัดบุคคลหรือสถานที่ดังนี้๑) แสดงอาบัติต้องแสดงแก่ภิกษุผู้มีสังวาสเสมอกัน๒) อธิษฐานต้องทำเอง ๓) วิกัปต้องทำแก่สหธรรมิกทั้ง ๕ คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี รูปใดรูปหนึ่ง ฯ ส่วนสถานที่ห้ามไม่ให้ทำ ในที่มืด แต่ในที่นอกสีมา ก็ทำได้ ฯ |
๑๐. | ๑๐.๑ | วิบัติของภิกษุในทางพระวินัยมีเท่าไร ? อะไรบ้าง ? |
| ๑๐.๒ | จงให้ความหมายของวิบัติแต่ละอย่างนั้นพอได้ใจความ |
๑๐. | ๑๐.๑ | มี ๔ คือ๑) สีลวิบัติ๒) อาจารวิบัติ๓) ทิฏฐิวิบัติ ๔) อาชีววิบัติ ฯ |
| ๑๐.๒ | ความเสียแห่งศีล ชื่อว่าสีลวิบัติความเสียมารยาท ชื่อว่าอาจารวิบัติความเห็นผิดธรรมผิดวินัย ชื่อว่าทิฏฐิวิบัติความเสียแห่งการเลี้ยงชีพ ชื่อว่าอาชีววิบัติ ฯ |
ผู้ออกข้อสอบ | : | ๑. พระธรรมเมธาจารย์ | วัดบุรณศิริมาตยาราม |
| | ๒. พระเทพปริยัติเมธี | วัดชลประทานรังสฤษฎ์ |
| | ๓. พระศรีปริยัติเมธี | วัดเทพธิดาราม |
ตรวจ/ปรับปรุง | : | สนามหลวงแผนกธรรม | |