ธรรมนักธรรมเอก46
»ÑËÒáÅÐà©ÅÂÇÔªÒ¸ÃÃÁ ¹Ñ¡¸ÃÃÁªÑé¹àÍ¡
Êͺã¹Ê¹ÒÁËÅǧ
ÇѹÈØ¡Ãì ·Õè òø ¾ÄȨԡÒ¹ ¾.È. òõôö
*********
๑. | บาลีแสดงปฏิปทาแห่งนิพพิทาว่า เย จิตฺตํ สญฺเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา ผู้ใดสำรวมจิต ผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงแห่งมาร | |
| ๑.๑ | คำว่า “ บ่วงแห่งมาร ” ได้แก่อะไร ? |
| ๑.๒ | อาการสำรวมจิต คืออย่างไร ? |
๑. | ๑.๑ | ได้แก่วัตถุกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันน่าใคร่ น่าปรารถนา น่าชอบใจ ฯ |
| ๑.๒ | อาการสำรวมจิตมี ๓ ประการ คือ ๑) สำรวมอินทรีย์มิให้ความยินดีครอบงำ ในเมื่อเห็นรูป ฟังเสียง ดม กลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนา ๒) มนสิการกัมมัฏฐานอันเป็นปฏิปักษ์ต่อกามฉันท์ คือ อสุภและ กายคตาสติ หรืออันยังจิตให้สลด คือมรณสติ ๓) เจริญวิปัสสนา คือพิจารณาสังขารแยกออกเป็นขันธ์ สันนิษฐาน เห็นเป็นสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯ |
๒. | ๒.๑ | นิพัทธทุกข์ หมายถึงทุกข์อย่างไร ? |
| ๒.๒ | ในทุกข์ ๑๐ อย่าง ความร้อนใจ หรือความถูกลงอาชญา จัดเป็นทุกข์เช่นไร ? |
๒. | ๒.๑ | หมายถึง ทุกข์เนืองนิตย์ หรือทุกข์เป็นเจ้าเรือน ได้แก่ หนาว ร้อน หิว ระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ ฯ |
| ๒.๒ | จัดเป็นวิปากทุกข์ ฯ |
๓. | ๓.๑ | ในวิมุตติ ๕ อย่างไหนเป็นโลกิยะ อย่างไหนเป็นโลกุตตระ ? |
| ๓.๒ | พระบาลีว่า “ ปญฺาย ปริสุชฺฌติ บุคคลย่อมหมดจดด้วยปัญญา ” มีอธิบายอย่างไร ? |
๓. | ๓.๑ | ตทังควิมุตติ วิกขัมภนวิมุตติ เป็นโลกิยะ สมุจเฉทวิมุตติ ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ นิสสรณวิมุตติ เป็นโลกุตตระ ฯ |
| ๓.๒ | มีอธิบายว่า บุคคลทำบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง ไม่ทำบาปเอง ย่อมหมดจดเอง ความหมดจดและความเศร้าหมองเป็นของเฉพาะตน คนอื่นยังคนอื่นให้หมดจดหาได้ไม่ ฯ |
๔. | เนื้อความในภารสูตรว่า “ ปลงภาระอันหนักเสียแล้ว ไม่ถือเอาภาระอันอื่น ” ถามว่า | |
| ๔.๑ | คำว่า “ ภาระอันหนัก ” ได้แก่อะไร ? |
| ๔.๒ | การถือและการปลงภาระอันหนักนั้น หมายถึงอะไร ? |
๔. | ๔.๑ | ได้แก่ ปัญจขันธ์ ฯ |
| ๔.๒ | การถือ หมายถึง การถือด้วยอุปาทาน การปลง หมายถึง การถอนอุปาทาน ฯ |
๕. | ๕.๑ | คติ คือภูมิเป็นที่ไปของสัตว์ผู้ตายแล้ว เป็นอย่างไร ? |
| ๕.๒ | มีบาลีแสดงอุทเทสเกี่ยวกับคตินั้น ว่าอย่างไร ? |
๕. | ๕.๑ | เป็น ๒ คือ ทุคติ ภูมิเป็นที่ไปข้างชั่ว ๑ สุคติ ภูมิเป็นที่ไปข้างดี ๑ ฯ |
| ๕.๒ | มีบาลีแสดงอุทเทสว่า ดังนี้ ๑) จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันต้องหวัง ๒) จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเ สุคติ ปาฏิกงฺขา เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นอันหวังได้ ฯ |
๖. | ๖.๑ | พระบรมศาสดาทรงชักนำบุคคลให้บำเพ็ญสมาธิ เพราะทรงเห็นประโยชน์อย่างไร ? |
| ๖.๒ | พระพุทธจรรยาแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการทรงแสดงธรรมเร้าใจนั้น ด้วยอาการอย่างไรบ้าง ? |
๖. | ๖.๑ | เพราะทรงเห็นว่า จิตใจของบุคคลเมื่อได้อบรมดีแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ใหญ่ ย่อมรู้เห็นตามเป็นจริง ดังพระบาลีว่า สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ ผู้มีจิตเป็นสมาธิแล้ว ย่อมรู้ตามเป็นจริง ฯ |
| ๖.๒ | ด้วยอาการ ๔ คือ ๑. สนฺทสฺสนา อธิบายให้เห็นแจ่มแจ้ง ให้เข้าใจชัด ๒. สมาทปนา ชวนให้มีแก่ใจสมาทาน คือทำตาม ๓. สมุตฺเตชนา ชักนำให้เกิดอุตสาหะอาจหาญเพื่อจะทำ ๔. สมฺปหํสนา พยุงให้ร่าเริงในอันทำ ฯ |
๗. | ๗.๑ | บุคคลในโลกนี้ เมื่อจัดตามจริต มีกี่ประเภท ? อะไรบ้าง ? |
| ๗.๒ | นิวรณ์ ๕ อย่างไหนสงเคราะห์เข้าในจริตอะไร ? |
๗. | ๗.๑ | มี ๖ ประเภท คือ คนราคจริต ๑ คนโทสจริต ๑ คนโมหจริต ๑ คนสัทธาจริต ๑ คนพุทธิจริต ๑ คนวิตักกจริต ๑ ฯ |
| ๗.๒ | กามฉันท์ สงเคราะห์เข้าในราคจริต พยาบาท สงเคราะห์เข้าในโทสจริต ถีนมิทธะ สงเคราะห์เข้าในโมหจริต อุทธัจจกุกกุจจะ สงเคราะห์เข้าในวิตักกจริต วิจิกิจฉา สงเคราะห์เข้าในโมหจริต ฯ |
๘. | ๘.๑ | ปริยัติธรรม หมายถึงอะไร ? ที่ได้ชื่ออย่างนั้นเพราะเหตุไร ? |
| ๘.๒ | ธรรมทั้งปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ มีคุณโดยย่ออย่างไร ? |
๘. | ๘.๑ | หมายถึง พุทธวจนะทั้งสิ้น ฯ ที่ได้ชื่อว่าปริยัติธรรม เพราะเป็นธรรมต้อง เล่าเรียนศึกษาให้รู้รอบคอบด้วยดี ฯ |
| ๘.๒ | มีคุณโดยย่ออย่างนี้ ปริยัติธรรม มีคุณคือ ให้รู้วิธีบำเพ็ญ ศีล สมาธิ ปัญญา ปฏิบัติธรรม มีคุณคือ ทำกาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์จนบรรลุ มรรค ผล นิพพาน ปฏิเวธธรรม คือ มรรค ผล นิพพาน มรรคผลนั้น มีคุณคือ ละกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน ส่วนนิพพาน มีคุณคือ ดับเพลิงกิเลสและกองทุกข์ได้ทั้งหมด ฯ |
๙. | ๙.๑ | ความกำหนดรู้อย่างไร จัดเป็นลักษณะของวิปัสสนาภาวนา ? |
| ๙.๒ | ผู้เจริญวิปัสสนาภาวนา พึงรู้ฐานะทั้ง ๖ ก่อน ฐานะทั้ง ๖ นั้น คืออะไรบ้าง ? |
๙. | ๙.๑ | ความกำหนดรู้ว่า สังขารทั้งปวงเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา เป็นลักษณะของวิปัสสนาภาวนา ฯ |
| ๙.๒ | ฐานะทั้ง ๖ คือ อนิจจะ ของไม่เที่ยง ๑ อนิจจลักษณะ เครื่องหมายที่จะกำหนดรู้ว่าไม่เที่ยง ๑ ทุกขะ ของที่สัตว์ทนยาก ๑ ทุกขลักษณะ เครื่องหมายที่จะให้กำหนดรู้ว่าเป็นทุกข์ ๑ อนัตตา สภาวะมิใช่ตัวมิใช่ตน ๑ อนัตตลักษณะ เครื่องหมายที่จะให้กำหนดรู้ว่าเป็นอนัตตา ๑ ฯ |
๑๐. | ๑๐.๑ | พระคิริมานนท์หายจากอาพาธหนัก เพราะฟังธรรมอะไร ? ใครเป็นผู้แสดง ? |
| ๑๐.๒ | ข้อว่า “ สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจสญฺา ความจำหมายความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง ” มีใจความว่าอย่างไร ? |
๑๐. | ๑๐.๑ | เพราะฟังคิริมานนทสูตร ฯ พระอานนทเถระ เป็นผู้แสดง ฯ |
| ๑๐.๒ | มีใจความว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเบื่อหน่าย ย่อมระอา ย่อมเกลียดชัง แต่สังขารทั้งปวง ฯ |
ผู้ออกข้อสอบ | : | ๑. พระธรรมธีรราชมหามุนี | วัดปากน้ำ |
| | ๒. พระเทพวรคุณ | วัดป่าแสงอรุณ |
| | ๓. พระราชปริยัติกวี | วัดจุกเฌอ |
ตรวจ/ปรับปรุง | : | สนามหลวงแผนกธรรม | |