คุณนิรมล เมธีสุวกุล บุคคลที่ข้าพเจ้าชื่นชม

คุณนิรมล เมธีสุวกุล บุคคลที่ข้าพเจ้าชื่นชม
    ภาพรายการหนึ่งทางโทรทัศน์ที่มีเด็กๆอยู่ร่วมกับธรรมชาติคงจะเป็นที่พบเห็นแก่คนทั่วไปจนชินตา และเกิดความสะดุดตาสะดุดใจกันบ้าง  เนื่องจากเป็นรายการแนวใหม่ที่แสดงความผูกพันธ์ของเด็กๆที่มีต่อธรรมชาติ เพื่อกระตุ้นเตือนให้คนในสังคมเกิดความรู้สึกรักหวงแหนป่าไม้ แม่น้ำ แผ่นดิน ตลอดจนตลอดจนทรัพยากรต่างๆมากขึ้น และรายการนี้เองที่ทำให้ใครหลายต่อหลายคนได้รู้จักบทบาทของผู้หญิงร่างเล็ก แต่มากด้วยความสามารถที่ไม่แพ้ผู้ชายเลย นั่นก็คือ คุณ นิรมล เมธีสุวกุล ที่ดิฉันมักถือวิสาสะเรียกเธอว่า พี่นก
    เชื่อว่าหลายต่อหลายคนคงคุ้นเคยสาวน้อยคนนี้จากสื่อต่างๆ เพราะพี่นกเป็นสื่อมวลชนที่ฝากผลงานไว้มากมาย  ทั้งการทำข่าวโทรทัศน์ ข่าวหนังสือพิมพ์ และที่รู้จักกันดีที่สุดคือ รายการทุ่งแสงตะวัน ที่พี่นกทำหน้าที่เป็นพิธีกร
    ดิฉันเองก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้เห็นพี่นกในรายการทุ่งแสงตะวัน และรู้สึกประทับใจภาพที่เห็นเธอเดินย่ำโคลนไปตามทุ่งนา เลาะพื้นดินที่ชื้นแฉะเพื่อหามุมสงบๆนั่งคุกกับเด็กๆ เรื่องธรรมชาติ ความเป็นอยู่ ดินฟ้าอากาศ ของเด็กๆในชนบท ซึ่งในตอนหลังได้มารู้ว่า พี่นกที่เห็นในโทรทัศน์นั้นเป็นอดีตนิตสิตสาวที่จบจากรั้วจามจุรีที่มี ชื่อก็แปลกใจว่า ทำไมนะเธอคนนี้ถึงได้มีลักษณะที่ลุยแหลก ผิดกับภาพสาวงามจามจุรีที่เคยได้ยินมา และยิ่งนานกวันเข้าก็ยิ่งทึ่งในความสามารถของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อะไรเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของผู้หญิงคนนี้นะ?
    พี่นกถือกำเนิดมาในจังหวัดสุพรรณบุรี แต่มาเริ่มต้นชีวิตวัยเด็กที่ยังพอจำความได้ที่ อำเภอ แม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังจากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่ อำเภอ แม่จัน และเข้ามาใช้ชีวิตนักเรียนมัธยมต้นที่กรุงเทพฯ ตามลำดับ พี่นกจบการศึกษาด้านนิเทศศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในภาควิชาหนังสือพิมพ์ สถานภาพปัจจุบันนั้นได้สมรสกับคุณ สุริวงศ์  เอื้อปฏิภาณ มีชีวิตครอบครัวที่สงบและเรียบง่าย ซึ่งทั้งหมดนี้พี่นกได้กล่าวไว้ว่าเป็นส่วนผลักดันให้เธอประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่สำหรับดิฉันแล้วคิดว่า แนวทางในการดำเนินชีวิตที่ดีของพี่นกต่างหากที่ทำให้เธอเป็น นิรมล ผู้เก่งกาจได้อย่างทุกวันนี้
    จากที่ได้อ่านหนังสือ บนทางชีวิต นิรมล เมธีสุวกุล ซึ่งเป็นประวัติชีวิตและงานของพี่นก ทำให้พอมองออกว่าแนวทางในการดำเนินชีวิตของพี่นกมีอะไรบ้าง ซึ่งจะขอกล่าวโดยแยกเป็นหัวข้อดังนี้
    ประการแรก
    พี่นกเป็นคนที่มีความอดทน นับตั้งแต่วัยเด็กแล้ว เธอต้องอดทนกับความลำบากทางกาย เพราะฐานะความเป็นอยู่ของครอบคัวที่ไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้า ออกจะฐานะปานกลางค่อนข้างไปทางจนซะด้วยซํ้า ในวัยเด็กเล็กของพี่นกนั้น บ้านของเธอเป็นเพียงกระท่อมไม้ไผ่หลังเล็กๆเท่านั้น และแน่นอนแม้ว่ากระท่อมนี้จะเต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นก็ตามที แต่กระท่อมน้อยย่อมไม่อาจให้ความสะดวกสะบายทางกายได้มากเท่าใดนัก ทุกครั้งที่ลมหนาวมาเยือนไม่ว่าจะหนาวเหน็บและลำบากสักเท่าไรเธอก็จะยิ้มสู้ความหนาวเหน็บที่สุดแสนจะทรมานในอำเภอ แม่จัน จังหวัดเชียงรายได้โดยไม่ปริปากบ่นเลย
    เมื่อเติบโตขึ้นชีวิตในการทำงานของพี่นกก็เต็มไปด้วยความลำบากอีก ต้องพบเจออุปสรรคมากมาย เช่นบางครั้งขัดแย้งกับคนในองค์กร ขัดแย้งกับเจ้านาย หรือแม้แต่ปัญหาทางการเงิน หลายครั้งที่พี่นกต้องเปลี่ยนงาน เจอมรสุมชีวิตที่ทำให้แทบล้มทั้งยืน แต่เธอก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยความอดทน
    จนเมื่อถึงวัยที่จะมีความรัก การงานและหน้าที่ในชีวิตก็บังคับให้พี่นกต้องห่างจากคนรักเป็นเวลาหลายปี แต่นั่นก็เป็นการอดทนรอคอยที่คุ้มค่าเราะเป็นการรอเวลาที่เหมาะสม และเมื่อถึงเวลาอันสมควรแล้ว เธอจึงได้สัมผัสกับความอบอุ่นของความรักโดยไม่มีการชิงสุกก่อนห่าม ให้เกิดเป็นปัญหาชีวิตและสังคมต่อมา
    พี่นกบอกเล่าเรื่องราวทัศนคติต่อความรักของเธอว่า
    ช้า ช้าได้พร้าเล่มงาม  ความรักของฉันไม่รวดเร็วหวือหวา แต่เกิดขึ้นช้าๆ จากความสัมพันธ์ฉันเพื่อน เรียนรู้รสนิยม อุปนิสัย พฤตสิกรรม ความคิด ความเชื่อของกันและกัน
    ทั้งหมดนี้เป็นความอดทนที่ล้วนมีส่วนผลักดันให้พี่นกประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เพราะหากว่าไม่มีความอดทนแล้ว พี่นกก็คงไม่สามารถประคับประคองชีวิตผ่านมรสุมลูกแล้วลูกเล่า และกิเลสยั่วยุต่างๆ จนมีชีวิตที่สวยงามได้อย่างทุกวันนี้
    ประการที่สอง
    พี่นกเป็นคนที่ใฝ่ดี คือมีความทะเยอทะยานฝักใฝ่ในทางที่ดี ในวัยเรียนพี่นกก็เรียนเต็มที่เต็มกำลังความสามารถ ทำให้สิ่งมุ่งหวังตั้งใจไม่ไกลเกินเอื้อม ซึ่งพี่นกบอกว่า
    เวลาว่างของเด็กยุคใหม่ที่หมดไปกับการเดินเล่น หรือการช็อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้า ฉันนั่งค้นคว้าอยู่ในห้องสมุด และในเวลาดึกทีหลายคนยังเริงร่าอยู่ตามสถานราตรี ฉันทำตัวเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ด้วยการเขียนจดหมายรายงานความประพฤติทุกอาทิตย์ ด้วยประโยค อย่าทำให้พ่อแม่ผิดหวังยังคงดังก้องอยู่ในหู
    แม้แต่ในการคบหากับเพื่อนชาย พี่นกก็วางตัวได้เหมาะสม เป็นตัวอย่างที่ดี คือไม่ผูกมัดกันจนเกินไปต่างฝ่ายต่างเปิดโอกาสให้กันและกันได้พัฒนาตน พัฒนางาน สร้างความก้าวหน้าให้กับชีวิต โดยไม่ผูกติดว่าต้องทำงานที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา(ซึ่งในส่วนนี้ดิฉันชื่นชมมาก และจะจดจำไว้เป็นแบบอย่าง) ดังนั้นจึงเป็นระยะเวลาหลายปีที่ต้องห่างกันและไม่ได้เจอกันเป็นเดือนๆ แต่พี่นกกลับบอกว่า
    ในความรักที่แท้การที่เราเสียสละ พยายามทำสิ่งต่างๆเพื่อความเจริญเติบโตของคนที่เรารักนั้น จะมีผลในขณะเดียวกันคือ ทําให้ตัวเราเจริญเติบโตได้เท่าเทียมกันหรือมากกว่าด้วย
    ดิฉันเชื่อว่าความใฝ่ดีของพี่นกเป็นสิ่งดีงามและถูกต้อง เพราะหากว่าคนเราไร้ซึ่งความใฝ่ดีแล้ว           กิจกรรมการงานที่ทำอยู่แม้จะทำด้วยความอดทน พยายามแค่ไหน ก็ย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ผู้คนรอบข้าง และสังคมได้แน่นอน
    ประการที่สาม
    พี่นกเป็นคนมุ่งมั่นมีอุดมการณ์ในการทำงานที่แน่วแน่ ครั้งหนึ่งที่พี่นกเคยเป็นคนว่างงาน จึงถูก
คุณ ชวน หลีกภัย ชวนให้ไปลงสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส ที่จังหวัด เชียงราย โดยให้เหตุผลกับพี่นกว่า การเป็น ส.ส จะทำให้สามารถช่วยเหลือคนในสังคมได้เต็มที่ แต่พี่นกกลับปฏิเสธ เพราะเธอเห็นว่าการเป็นนักสื่อสารมวลชนที่ดีก็สามารถช่วยสร้างประโยชน์ให้สังคมได้ไม่น้อยไปกวว่ากัน จึงได้ตอบ คุณ ชวน ไปว่า
    คุณชวนอยากเป็นนักการเมืองตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วก็ต่อสู้เพื่อการเมืองมาจนทุกวันนี้ นกก็อยากเป็นนักสื่อสารมวลชนมาตั้งแต่ยังเป็นนิสิตจุฬาฯ แล้วตอนนี้นกก็คิดว่านกยังทำได้ไม่ดีพอ
    ฉันเลือกทางเดินของชีวิตไว้แล้ว และจะไม่เปลี่ยนเส้นทางง่ายๆ ตราบใดที่ยังเดินไปไม่ถึง
    นี่แหละคือ นิรมลที่แน่วแน่ในงานที่ตนทำ หากว่าคนเราเปลี่ยนเส้นทางเดินของชีวิตอยู่เรื่อยไป ก็คงไม่สามารถไปถึงสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
    ประการที่สี่
รู้เท่าทันความเป็นไปของโลก คือพี่นกจะเป็นคนที่เข้าใจธรรมชาติของคนและสังคมได้ดี ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้พี่นกสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆในชีวิตที่เข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าได้ ทุกครั้งที่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น พี่นกจะนั่งกลับมาคิด ทบทวน พิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า จะจัดการกับปัญหานั้นๆอย่างไร มรสุมของชีวิตที่โยนมาลูกแล้วลูกเล่า แท้จริงแล้วเพียงเพื่อทดสอบความเข้มแข็งของมนุษย์เท่านั้น ข้อนี้เป็นสิ่งที่พี่นกระลึกอยู่ในใจเสมอ เพราะฉะนั้นเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในชีวิต ก็จะไม่ทำให้ตื่นตระหนกกังวลกับมันมากจนขาดสติที่จะควบคุมเหตุการณ์นั้นๆได้
และเมือถึงทางตันของปัญหา พี่นกก็รู้จักที่จะปล่อยวาง ไม่ยึดติดกับมัน ซึ่งส่วนนี้เธอได้ให้แง่คิดกับผู้อ่านไว้ว่า
ศิลปะของการดำเนินชีวิตอยู่ตรงนี้เอง ตรงที่หยุดเมื่อควรจะหยุด ถอยเมื่อถูกรุก และเดินหน้าเมื่อถึงเวลา
    ประการสุดท้าย
    พี่นกเป็นผู้มีความกตัญญูเป็นคุณธรรมประจำตัวอย่างหนึ่ง สำหรับข้อนี้พี่นกอาจไม่ได้กล่าวหรือเบล่าเรื่องราวให้ผู้ฟังได้รับรู้โดยตรง แต่ในความคิดของดิฉันแล้วเชื่อว่า ความกตัญญูเป็นคุณสมบัติของคนดี เพราะในการดำเนินชีวิตของคนทั่วไปนั้น คนที่มีนความกตัญญูจะไม่กล้าทำชั่ว พูดชั่ว เพราะเกรงว่าจะทำให้บุคคลที่เป็นบุพการี หรือ ผู้มีพระคูณเสียใจ เพราะฉะนั้นในการจะกระทำกิจกรรมใดๆ ก็จะระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอันเป็นเหตุให้ผู้มีพระคุณต้องเสียน้ำตา
    พี่นกก็เช่นกัน คำพูดสั่งของพ่อที่บอกว่า อย่าทำให้พ่อกับแม่เสียใจ เป็นที่ยึดเหนี่ยวให้พี่นก ประพฤติปฏิบัติตนในทางที่เหมาะสมตลอดเวลาโดยที่ไม่ต้องไปวางกรอบกติกาอะไรให้กับชีวิต และการดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้องนี้เองที่ถือเป็นส่วนสำคญที่สุดที่ผลักดันให้พี่นกประสบความสำเร็จทั้งในด้านการงานและการดำรงชีวิต เช่นในทุกวันนี้
    แม้เรื่องราวชีวิตจริงของพี่นก นิรมล เมธีสุวกุลจะยังไม่จบเพียงเท่านี้ แต่ตราบใดที่ผู้หญิงคนนี้ยังคงมีแนวทางในการดำเนินชีวิตเช่นนี้อยู่ เธอย่อมจะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในทุกด้านได้แน่นอน
    และแม้ว่าหนังสือบนทางชีวิต นิรมล เมธีสุวกุลจะบรรจุเรื่องราวของพี่นกไว้ได้เพียงบางส่วนแต่ในเสี้ยวชีวิตของเธอนั้นเชื่อว่าทุกคนย่อมได้แนวคิดในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องและสามารถนํษไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากมาย
    แต่อย่างไรก็ตามการที่จะดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้นั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่จะลืมไม่ได้เลยนั่นก็คือ สติ ซึ่งจะเป็นตัวกำกับให้แต่ละคนดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องได้นั่นเอง

                      จาก หนังสือบนทางชีวิต นิรมล เมธีสุวกุล

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘