12ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล
ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล
(Florence Nightingale)
ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล เป็นผู้ประกอบไปด้วยความเสียสละ เป็นผู้หญิงคนแรกที่สร้างวิชาพยาบาลขึ้นเป็นวิชาชีพแขนงหนึ่งของวิชาแพทย์
ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1820 ในเมืองฟลอเรนซ์ประเทศอิตาลี เป็นผู้หญิงที่เกิดในตระกูลสูง เธอเป็นเด็กฉลาด ปัญญาดีมาก ไม่ว่าจะเรียนในวิชาใด อาจารย์ที่สอนจะต้องออกปากชมว่าเรียนเก่งมาก จนเป็นความหวังของบิดามารดาว่าลูกสาวคนนี้จะเป็นผู้นำชื่อเสียงเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูล
เมื่อฟลอเรสซ์โตเป็นสาว ความงามและความรู้ทำให้เธอมีชื่อไปทั่วดินแดนยุโรป บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายต่างพากันยินยอมที่จะหมอบแทบเท้า แต่แล้วไม่มีใครสามารถที่จะเอาชนะใจของเธอได้ ฟลอเรสซ์กลับเป็นฝ่ายนิ่งเฉย คิดเพียงแต่จะบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่มวลชนทั่วไป เธออยากเรียนรู้ชีวิตที่แท้จริง ชีวิตที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดเพราะโรคร้ายต่าง ๆ ซึ่งเธอเคยอ่านพบในหนังสือของพ่อ ฟลอเรนซ์สนใจในโรงเรียนสอนการพยาบาลตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วยการเล่นพยาบาลตุ๊กตา และรักษาพยาบาลสัตว์เลี่ยงที่อยู่ในสวนแอบเบย์เสมอ เมื่ออายุ 18 ระหว่างเดินเล่นกับเพื่อน ฟลอเรนซ์ถามเพื่อนว่า “รู้ไหมว่าฉันชอบมองหน้าต่างแถว ๆ นั้นทำไม ฉันมองเพราะฉันคิดว่าทำอย่างไรดีนะ จึงจะเปลี่ยนให้เป็นโรงพยาบาลได้ แล้วจะตั้งเตียงอย่างไรดี”
ฟลอเรนซ์มีความคิดต้องการที่จะพยาบาลคนป่วยเสียจริง ๆ เป็นความใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังเด็ก จิตใจก็ครุ่นคิดหาทางทำให้สำเร็จ เมื่ออายุ 24 ปีเป็นต้นมา ฟลอเรนซ์หาโอกาสไปเที่ยวตามสถานพยาบาลต่าง ๆ พร้อมทั้งศึกษาหาความรู้ในด้านการพยาบาลมากขึ้น ครั้งหนึ่งมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ประเทศเยอรมนี ฟลอเรสซ์ไม่ลืมที่จะไปเยี่ยมโรงเรียนสอนการพยาบาลฟลีดเนอร์ที่ได้อ่านพบในหนังสือ เธออยู่ที่นั่น 2 สัปดาห์ เพื่อดูการพยาบาลของโรงเรียนแห่งนั้นและขอฝึกงานแฮร์ฟลีดเนอร์เจ้าของไม่ยอมเชื่อว่าผู้หญิงที่มีความงามและมีเกียรติสูงส่งจะยอมลดตัวลงมาทำงาน ในสมัยนั้นถือกันว่าเป็นงานชั้นต่ำที่สุดในบรรดางานต่ำ ๆ ทั้งหมด ในที่สุดก็ต้องเชื่อ
งานพยาบาลนี้จะหามีผู้มาสมัครเองไม่ได้ ผู้ที่จะทำงานชนิดนี้จะมีก็แต่ผู้หญิงขายตัวที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับมา แต่แทนที่จะจำคุกเป็นการลงโทษ ก็มักจะส่งตัวมาทำงานพยาบาลตามสถานพยาบาลต่าง ๆ ดังนั้นเมื่องฟลอเรนซ์แสดงเจตนาต่อบิดามารดาว่าจะเป็นนางพยาบาล บิดามารดาถึงกับช็อก และเข้าใจว่าลูกสาวของตนเองเสียสติไปแล้ว ความหวังของบิดามารดาก็พังทลาย ฟลอเรนซ์ดูการฝึกงานอยู่ในโรงเรียนพยาบาลประเทศเยอรมนีทำให้คนทั้งหลายเห็นว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นนางพยาบาล กลับมาได้ไม่นาน ฟลอเรนซ์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสตรีผู้ทุพพลภาพคนแรกในปี ค.ศ. 1853
ปี ค.ศ. 1854 ประเทศอังกฤษยังมีสงครามที่เรียกว่า Cnimcan War อยู่ทหารที่บาดเจ็บจากการสู้รบ และป่วยเป็นโรคต่างพากันล้มตายเป็นจำนวนมาก เมื่อข่าวนี้ทราบไปถึงกระทรวงกลาโหม หนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ขอให้รัฐบาลแก้ปัญหานี้ มีหนังสือพิมพ็บางฉบับเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากฟลอเรนซ์
จากเสียงเรียกร้องทำให้ฟลอเรนซ์ตัดสินใจที่จะช่วยชีวิตของเหล่าทหาร เธอรวบรวมอาสาสมัครขึ้นในตอนแรกเพียง 38 คน ฟลอเรนซ์วิ่งเต้นจนสุดความสามารถ ทั้ง ๆ ที่ทางการไม่เห็นด้วยในการใช้ผู้หญิงไปพยาบาลผู้ชายแต่ก็ต้องอนุญาต เพราะพวกเขาเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ที่พร้อมที่จะเสียสละชีวิตและร่างกายของตนต่อเพื่อมนุษย์ด้วยกัน ฟลอเรนซ์และเพื่อนอาสาสมัครได้ออกเดินทางอย่างแสนยากลำบาก
เมื่อมาถึงแล้วก็มีนายทหารคอยขัดขวางอยู่เสมออ้างว่าไม่ต้องการให้ผู้หญิงมายุ่งเกี่ยวกับกิจการทหาร แต่ฟลอเรนซ์ก็ไม่ละความพยายาม เธอพยายามที่จะเอาอกเอาใจนายทหารเหล่านั้น พร้อมทั้งชี้แจงและแก้ไขสิ่งที่บกพร่องต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้ดีขึ้นทำให้สถิติการตายของทหารลดลงเป็นจำนวนมากพวกทหารที่เจ็บป่วยต่างพากันสรรเสริญในความกรุณาปราณีของฟลอเรนซ์เป็นอย่างมาก เธอพยาบาลคนไข้ทุกวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เวลานี้ไม่มีใครเกลียดฟลอเรนซ์ ไม่ว่าจะไปทางใดก็มีแต่คนรักใคร่นับถือ ทหารบางคนถึงกับจูบเงาของเธอ
ฟลอเรนซ์กลับบ้านเมื่อปี ค.ศ. 1856 เป็นระยะสุดท้ายของสงคราม เธอกลับมาในสภาพของคนพิการเดินไม่ได้ แต่ความคิดที่จะสร้างสถานพยาบาลก็ไม่ได้หยุดยั้งไปด้วย เธอคิดตลอดมาว่าจะทำให้สถานพยาบาลทุกแห่งทั้งโลกพยาบาลคนไข้อย่างดี มีระเบียบ ปีค.ศ. 1857 ฟลอเรนซ์มอบบ้านของตนเองให้เป็นสถานที่ฝึกหัดวิชานางพยาบาลและทำการสอนวิชาพยาบาลต่าง ๆ ตามแบบอย่างที่เธอเคยพยาบาลมา ประชาชนต่างพากันสรรเสริญน้ำใจของเธอ ค.ศ. 1858 ฟลอเรสซ์เขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง เรียกว่า “หัวข้อการพยาบาล” ให้ความรู้ในกิจการพยาบาลเป็นอย่างดี ระหว่าง ค.ศ. 1862 – 1890 ฟลอเรนซ์ให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ในการเปิดโรงเรียนสอนวิชานางพยาบาลตามสถานที่ต่าง ๆ อีกหลายแห่ง
เมื่อเธออายุ 87 ปี ได้รับเหรียญ The Other of Merit เป็นเกียรติอย่างสูง ไม่ว่าครั้งใดที่เธอมีโอกาสนั่งรถเที่ยวเล่นในสวน ผู้คนที่พบเห็นจะพากันแสดงความยินดี วิ่งมาล้อมรถของนางไว้ เพื่อแสดงความเคารพและเทอดทูนเธออย่างจริงใจ ไม่ว่านางจะมีอายุเข้าวัยชราก็ตาม ก็ยังไม่ยอมที่จะหยุดทำงาน ทุกวันจะนั่งคิดวาดโครงการว่าจะสร้างโรงพยาบาลแบบใดดี สร้างโบสถ์แบบไหน ตลอดจนคิดจะให้โลกเป็นอย่างไรจึงจะทำให้ชีวิตทุกชีวิตมีความสุขกัน ถ้วนหน้า ฟลอเรนซ์ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1910 อายุประมาณ 90 ปี
นับว่าฟลอเรนซ์เป็นสตรีผู้เต็มไปด้วยความเมตตากรุณาเป็นผู้เสียสละแล้วทุกสิ่งของชีวิตไม่ว่าจะเป็นความรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ตลอดจนสมบัติพัสถาน เพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์เป็นสตรีตัวอย่าง ยากที่จะมีผู้ใดเสมอเหมือน ทุกท่านที่ทราบเรื่องราว ก็อดที่ยกย่องนับถือไม่ได้ นางจึงเปรียบดังนางฟ้าบนสวรรค์ที่ลงมาโปรดมนุษย์โลก.
(Florence Nightingale)
ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล เป็นผู้ประกอบไปด้วยความเสียสละ เป็นผู้หญิงคนแรกที่สร้างวิชาพยาบาลขึ้นเป็นวิชาชีพแขนงหนึ่งของวิชาแพทย์
ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1820 ในเมืองฟลอเรนซ์ประเทศอิตาลี เป็นผู้หญิงที่เกิดในตระกูลสูง เธอเป็นเด็กฉลาด ปัญญาดีมาก ไม่ว่าจะเรียนในวิชาใด อาจารย์ที่สอนจะต้องออกปากชมว่าเรียนเก่งมาก จนเป็นความหวังของบิดามารดาว่าลูกสาวคนนี้จะเป็นผู้นำชื่อเสียงเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูล
เมื่อฟลอเรสซ์โตเป็นสาว ความงามและความรู้ทำให้เธอมีชื่อไปทั่วดินแดนยุโรป บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายต่างพากันยินยอมที่จะหมอบแทบเท้า แต่แล้วไม่มีใครสามารถที่จะเอาชนะใจของเธอได้ ฟลอเรสซ์กลับเป็นฝ่ายนิ่งเฉย คิดเพียงแต่จะบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่มวลชนทั่วไป เธออยากเรียนรู้ชีวิตที่แท้จริง ชีวิตที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดเพราะโรคร้ายต่าง ๆ ซึ่งเธอเคยอ่านพบในหนังสือของพ่อ ฟลอเรนซ์สนใจในโรงเรียนสอนการพยาบาลตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วยการเล่นพยาบาลตุ๊กตา และรักษาพยาบาลสัตว์เลี่ยงที่อยู่ในสวนแอบเบย์เสมอ เมื่ออายุ 18 ระหว่างเดินเล่นกับเพื่อน ฟลอเรนซ์ถามเพื่อนว่า “รู้ไหมว่าฉันชอบมองหน้าต่างแถว ๆ นั้นทำไม ฉันมองเพราะฉันคิดว่าทำอย่างไรดีนะ จึงจะเปลี่ยนให้เป็นโรงพยาบาลได้ แล้วจะตั้งเตียงอย่างไรดี”
ฟลอเรนซ์มีความคิดต้องการที่จะพยาบาลคนป่วยเสียจริง ๆ เป็นความใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังเด็ก จิตใจก็ครุ่นคิดหาทางทำให้สำเร็จ เมื่ออายุ 24 ปีเป็นต้นมา ฟลอเรนซ์หาโอกาสไปเที่ยวตามสถานพยาบาลต่าง ๆ พร้อมทั้งศึกษาหาความรู้ในด้านการพยาบาลมากขึ้น ครั้งหนึ่งมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ประเทศเยอรมนี ฟลอเรสซ์ไม่ลืมที่จะไปเยี่ยมโรงเรียนสอนการพยาบาลฟลีดเนอร์ที่ได้อ่านพบในหนังสือ เธออยู่ที่นั่น 2 สัปดาห์ เพื่อดูการพยาบาลของโรงเรียนแห่งนั้นและขอฝึกงานแฮร์ฟลีดเนอร์เจ้าของไม่ยอมเชื่อว่าผู้หญิงที่มีความงามและมีเกียรติสูงส่งจะยอมลดตัวลงมาทำงาน ในสมัยนั้นถือกันว่าเป็นงานชั้นต่ำที่สุดในบรรดางานต่ำ ๆ ทั้งหมด ในที่สุดก็ต้องเชื่อ
งานพยาบาลนี้จะหามีผู้มาสมัครเองไม่ได้ ผู้ที่จะทำงานชนิดนี้จะมีก็แต่ผู้หญิงขายตัวที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับมา แต่แทนที่จะจำคุกเป็นการลงโทษ ก็มักจะส่งตัวมาทำงานพยาบาลตามสถานพยาบาลต่าง ๆ ดังนั้นเมื่องฟลอเรนซ์แสดงเจตนาต่อบิดามารดาว่าจะเป็นนางพยาบาล บิดามารดาถึงกับช็อก และเข้าใจว่าลูกสาวของตนเองเสียสติไปแล้ว ความหวังของบิดามารดาก็พังทลาย ฟลอเรนซ์ดูการฝึกงานอยู่ในโรงเรียนพยาบาลประเทศเยอรมนีทำให้คนทั้งหลายเห็นว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นนางพยาบาล กลับมาได้ไม่นาน ฟลอเรนซ์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสตรีผู้ทุพพลภาพคนแรกในปี ค.ศ. 1853
ปี ค.ศ. 1854 ประเทศอังกฤษยังมีสงครามที่เรียกว่า Cnimcan War อยู่ทหารที่บาดเจ็บจากการสู้รบ และป่วยเป็นโรคต่างพากันล้มตายเป็นจำนวนมาก เมื่อข่าวนี้ทราบไปถึงกระทรวงกลาโหม หนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ขอให้รัฐบาลแก้ปัญหานี้ มีหนังสือพิมพ็บางฉบับเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากฟลอเรนซ์
จากเสียงเรียกร้องทำให้ฟลอเรนซ์ตัดสินใจที่จะช่วยชีวิตของเหล่าทหาร เธอรวบรวมอาสาสมัครขึ้นในตอนแรกเพียง 38 คน ฟลอเรนซ์วิ่งเต้นจนสุดความสามารถ ทั้ง ๆ ที่ทางการไม่เห็นด้วยในการใช้ผู้หญิงไปพยาบาลผู้ชายแต่ก็ต้องอนุญาต เพราะพวกเขาเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ที่พร้อมที่จะเสียสละชีวิตและร่างกายของตนต่อเพื่อมนุษย์ด้วยกัน ฟลอเรนซ์และเพื่อนอาสาสมัครได้ออกเดินทางอย่างแสนยากลำบาก
เมื่อมาถึงแล้วก็มีนายทหารคอยขัดขวางอยู่เสมออ้างว่าไม่ต้องการให้ผู้หญิงมายุ่งเกี่ยวกับกิจการทหาร แต่ฟลอเรนซ์ก็ไม่ละความพยายาม เธอพยายามที่จะเอาอกเอาใจนายทหารเหล่านั้น พร้อมทั้งชี้แจงและแก้ไขสิ่งที่บกพร่องต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้ดีขึ้นทำให้สถิติการตายของทหารลดลงเป็นจำนวนมากพวกทหารที่เจ็บป่วยต่างพากันสรรเสริญในความกรุณาปราณีของฟลอเรนซ์เป็นอย่างมาก เธอพยาบาลคนไข้ทุกวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เวลานี้ไม่มีใครเกลียดฟลอเรนซ์ ไม่ว่าจะไปทางใดก็มีแต่คนรักใคร่นับถือ ทหารบางคนถึงกับจูบเงาของเธอ
ฟลอเรนซ์กลับบ้านเมื่อปี ค.ศ. 1856 เป็นระยะสุดท้ายของสงคราม เธอกลับมาในสภาพของคนพิการเดินไม่ได้ แต่ความคิดที่จะสร้างสถานพยาบาลก็ไม่ได้หยุดยั้งไปด้วย เธอคิดตลอดมาว่าจะทำให้สถานพยาบาลทุกแห่งทั้งโลกพยาบาลคนไข้อย่างดี มีระเบียบ ปีค.ศ. 1857 ฟลอเรนซ์มอบบ้านของตนเองให้เป็นสถานที่ฝึกหัดวิชานางพยาบาลและทำการสอนวิชาพยาบาลต่าง ๆ ตามแบบอย่างที่เธอเคยพยาบาลมา ประชาชนต่างพากันสรรเสริญน้ำใจของเธอ ค.ศ. 1858 ฟลอเรสซ์เขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง เรียกว่า “หัวข้อการพยาบาล” ให้ความรู้ในกิจการพยาบาลเป็นอย่างดี ระหว่าง ค.ศ. 1862 – 1890 ฟลอเรนซ์ให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ในการเปิดโรงเรียนสอนวิชานางพยาบาลตามสถานที่ต่าง ๆ อีกหลายแห่ง
เมื่อเธออายุ 87 ปี ได้รับเหรียญ The Other of Merit เป็นเกียรติอย่างสูง ไม่ว่าครั้งใดที่เธอมีโอกาสนั่งรถเที่ยวเล่นในสวน ผู้คนที่พบเห็นจะพากันแสดงความยินดี วิ่งมาล้อมรถของนางไว้ เพื่อแสดงความเคารพและเทอดทูนเธออย่างจริงใจ ไม่ว่านางจะมีอายุเข้าวัยชราก็ตาม ก็ยังไม่ยอมที่จะหยุดทำงาน ทุกวันจะนั่งคิดวาดโครงการว่าจะสร้างโรงพยาบาลแบบใดดี สร้างโบสถ์แบบไหน ตลอดจนคิดจะให้โลกเป็นอย่างไรจึงจะทำให้ชีวิตทุกชีวิตมีความสุขกัน ถ้วนหน้า ฟลอเรนซ์ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1910 อายุประมาณ 90 ปี
นับว่าฟลอเรนซ์เป็นสตรีผู้เต็มไปด้วยความเมตตากรุณาเป็นผู้เสียสละแล้วทุกสิ่งของชีวิตไม่ว่าจะเป็นความรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ตลอดจนสมบัติพัสถาน เพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์เป็นสตรีตัวอย่าง ยากที่จะมีผู้ใดเสมอเหมือน ทุกท่านที่ทราบเรื่องราว ก็อดที่ยกย่องนับถือไม่ได้ นางจึงเปรียบดังนางฟ้าบนสวรรค์ที่ลงมาโปรดมนุษย์โลก.