วิชาการพูด 10
นักพูดที่ประทับใจ
หากจะกล่าวถึงนักพูดที่ประทับใจ ผมเชื่อว่าเพื่อนๆแต่ละคนก็คงจะมีนักพูดในดวงใจของเพื่อนๆเองอยู่แล้ว เพื่อนๆบางคนอาจจะชอบลีลาการพูด ตลกแบบมีสาระในแบบฉบับของอาจารย์ จตุพล ชมภูนิช หรือ อาจารย์ อภิชาต ดำดี บางคนอาจจะชอบลีลาการพูดที่สะใจ ใช้คำ “ โดนใจ ” อย่างอาจารย์ สุนีย์ สินธุเดชะ หรือที่เป็นที่รู้จักกันในนาม อาจารย์แม่ของเรานั่นเอง หรือบางคนที่ชอบดูรายการ Talk Show ก็คงจะมีหลายๆคนที่ติดใจลีลาการพูดของ คุณ อุดม แต้พาณิชย์ ซึ่งก็แน่นอนว่า การที่เพื่อนๆจะประทับใจนักพูดท่านใดนั้น นั่นย่อมหมายความว่า นักพูดท่านนั้น มีลักษณะ บุคลิก รวมถึงลีลาการพูดที่ตรงกับความต้องการและสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเพื่อนๆได้
สำหรับผมก็เช่นกันครับ ผมเองก็มีนักพูดที่ผมประทับใจอยู่ท่านหนึ่ง นักพูดของผมท่านนี้นอกจากบทบาทการเป็นนักพูดที่มีคุณภาพแล้ว ในอีกบทบาทชีวิตของท่าน ท่านเป็นเหมือนเทียนที่ช่วยจุดความสว่างไสวแห่งปัญญาให้แก่เหล่านิสิตนักศึกษา ท่านมีประสบการณ์ในแง่ของการบริหารหลายระดับ ท่านเคยดำรงตำแหน่งเป็น คณบดี อธิการบดี และในปัจจุบัน ท่านเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้วยชีวิต 55 ปีแห่งการเป็นอาจารย์ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ ความสามารถและคุณภาพ จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่า เหตุใดท่านจึงเป็นที่เคารพรักของเหล่านิสิตนักศึกษาและบุคคลในหลายๆอาชีพ หลายวงการ ถึงตรงนี้เพื่อนๆหลายคนอาจจะทราบแล้วนะครับว่านักพูดที่ผมประทับใจคือใคร ครับ! ท่านคือสุภาพบุรุษนักพูดแห่งวงการ ซึ่งมีรูปลักษณ์ภายนอกคำภีรภาพสมนาม อาจารย์ สุขุม นวลสกุล
ลักษณะโดดเด่นของท่านที่ทำให้ผมประทับใจและยึดถือเป็นแบบอย่างนั่นคือ ความหนักแน่นของน้ำเสียงและแววตาที่แสดงถึงความเชื่อมั่นยามเอ่ยข้อความ ซึ่งลักษณะแบบนี้ผมคิดว่าเป็นลักษณะของการเป็นผู้นำที่ดี และเป็นลักษณะที่นักพูดควรจะมีในตนเอง เพื่อใช้ในการเสริมสร้างความมั่นใจและแสดงออกซึ่งความเป็นตัวตนของตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด ในการพูดของอาจารย์แต่ละครั้ง ท่านจะนำเสนอมุมมองประเด็นในการพูดที่แตกต่างไปจากคนอื่น ทั้งตัวอย่างที่ท่านนำมาหยิบยกเพื่อประกอบการพูดก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งนี่ก็เป็นเอกลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับของท่านที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความที่ท่านเป็นนักวิชาการจึงทำให้การพูดของท่านดู จริงจัง จริงใจ และมีสาระ แต่ถึงกระนั้นท่านก็ได้แฝงไปด้วยอารมณ์ขันซึ่งมีอยู่เต็มเปี่ยมในตัวของท่าน ท่านอาจารย์สุขุมสามารถมองเรื่องที่เครียดในแง่มุมที่น่าหัวเราะได้ ซึ่งก็เป็นวิธีการสร้างอารมณ์ขันที่เป็นแบบของท่านเอง การพูดของท่านแต่ละครั้งจึงไม่น่าเบื่อแม้บางครั้งเรื่องที่ท่านต้องพูดจะเป็นเรื่องในเชิงวิชาการก็ตาม
และในวันนี้ ผมจึงขอถือโอกาสนี้เพื่อพูดถึงหลักการเป็นนักพูดที่ดีของท่านอาจารย์สุขุม นวลสกุล ให้เพื่อนๆได้รับฟังซึ่งหลักการเป็นนักพูดที่ดีของท่านมีเพียง 5 ข้อเท่านั้นแต่เป็นหลักการที่ผมคิดว่า ผู้ที่คิดจะเป็นนักพูดอย่างพวกเราควรจะพึงมีและพึงทำ
1. นักพูดที่ดีต้องมีเรื่องที่จะพูด มีเรื่องที่จะบอก คือ เวลาไปพูดที่ไหนเราต้องคิดว่า เอ…วันนี้เราจะบอกคนฟังเรื่องอะไร สมมติว่าเราอยากจะบอกคนฟังว่า ความขยันเป็นสิ่งดี คนเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ต้องมีความขยัน จากนั้นเราก็มานึกเรื่อง ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ทำให้คนเห็นชัดว่าขยันแล้วจะนำสู่สิ่งดี สรุปคือ ต้องเตรียมตัวว่าวันนี้จะพูดเรื่องอะไร เราอยากจะบอกคนฟังเกี่ยวกับหัวข้อนี้ว่าอย่างไร จากนั้นก็ไปหาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้วนำมาใช้
2. นักพูดที่ดีต้องชอบการแสดงออก คือ ต้องชอบที่จะพูดให้คนอื่นฟัง รักที่จะพูดแล้วถ่ายทอดความรักนั้นให้แก่ผู้ฟัง บางคนชอบที่จะพูดแต่ไม่กล้า ก็ต้องฝึกพูดบ่อยๆ การไปพูดในหลายๆเวทีจะเป็นแบบฝึกหัดสู่การเป็นนักพูดที่ดีได้ เรียนรู้ข้อบกพร่องที่ตัวเองทำไปแล้วนำมาปรับปรุงให้การพูดครั้งต่อไปสมบูรณ์แบบมากขึ้น
3. นักพูดที่ดีต้องทำให้คนฟังรู้สึกว่าไม่เสียเวลาฟัง คือ ต้องให้คนฟังรู้สึกว่าได้อะไรกลับไปบ้าง เท่านั้นก็ถือว่าการพูดของเราประสบความสำเร็จแล้วในขั้นหนึ่ง แม้คนฟังอาจจะไม่ขำเลยแม้แต่ครั้งเดียวก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น การพูดของคุณ ชวน หลีกภัย ซึ่งพูดทีไรไม่ขำเลยแต่ทำไมคนฟังนั่นเพราะคนฟังรู้สึกว่าฟังแล้วคุ้มค่า ฟังแล้วมีแง่มุมอะไรต่างๆที่แปลกๆ ดังนั้นจึงไม่ควรปักใจอยู่กับอารมณ์ขันอย่างเดียวแต่ถ้าพัฒนาออกมาได้ก็จะช่วยให้การพูดของเราสมบูรณ์ขึ้น เพราะเราต้องเข้าใจว่า พื้นฐานทุกคนต้องการอารมณ์ขัน ต้องการความรู้สึกที่ผ่อนคลาย
4. นักพูดที่ดีต้องมีลีลาการพูดที่เป็นเฉพาะตัว คือ มีจุดเด่นที่เป็นของตัวเอง เราถนัดอย่างไรก็ใช้จุดนั้นมาเป็นจุดเด่นของเรา ดึงความเป็นตัวของตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุดเพราะนี่คือสิ่งแรกที่เลียนแบบกันไม่ได้ “ อย่าคิดพูดเลียนแบบใคร คุณพูดเลียนแบบใครคุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จเหมือนคนนั้นได้ เพราะอย่างเก่งคุณก็แค่เหมือนเขา แล้วเราไปเลือกฟังที่ต้นแบบเลยไม่ดีกว่าหรือ? ”
5. นักพูดที่ดีจำเป็นต้องเป็นนักวิชาการ คือ ต้องเป็นผู้ที่อ่านมากๆ คนที่มีเรื่องราวมาพูดเยอะๆก็ต้องมีประสบการณ์ชีวิตมากมาย หรือบางทีไม่ต้องมีประสบการณ์ชีวิตมากแต่เราต้องรู้จักอ่าน รู้จักค้นคว้าเพราะ การอ่านเป็นการเรียนประสบการณ์ทางลัด ถ้านักพูดเป็นนักวิชาการด้วยแล้วจะช่วยให้คนฟังได้อะไรมากขึ้น คนฟังจะเป็นผู้ได้รับ ถ้าเราอยากให้เขาหัวเราะ เราก็สามารถทำให้เขาหัวเราะและในขณะเดียวกันได้สาระด้วยมันไม่ดีกว่าหรือ ?
นอกจากหลักการเป็นนักพูดที่ดีทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว ผมเชื่อว่า เวลาที่เพื่อนๆต้องออกมาพูด ความรู้สึกหนึ่งที่ต้องเกิดกับเพื่อนๆ นั่นคือ ความประหม่า ท่านอาจารย์สุขุม ก็ได้ให้หลักในการแก้ความประหม่าไว้อย่างน่าสนใจทีเดียว คือ ต้องใช้วิธีทักคนฟังให้เกิดความรู้สึกเป็นกันเองทำให้เขายิ้มแย้มให้กับเรา กล่าวคือ เมื่อไรที่เรารู้สึกว่าคนฟังเป็นพวกเดียวกับเรา เอาใจช่วยเรา เมื่อนั้นความรู้สึกตื่นเต้นของเราจะหายไป เราต้องทำให้ผู้ฟังเป็นพวกเดียวกับเราก่อน ต้องทักทายแบบหาจุดเด่นจุดหัวเราะ อาจารย์ได้ยกตัวอย่างว่า ถ้าวันนั้นเราต้องไปพูดให้พยาบาลฟัง ก็ทักว่า “ โอ้โฮ…วันนี้ผมมาอยู่ท่ามกลางผู้มีจิตใจกรุณาปราณี ” รับรองว่าเราต้องได้รับเสียงปรบมืออย่างแน่นอนเพราะถูกใจเขา ความประหม่าที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากความกลัว คือ กลัวเขาจะไม่ฟังเราพูด กลัวเขาไม่รับเรื่องที่เราบอก ดังนั้นทีเด็ดของนักพูดพอขึ้นเวที สิ่งแรกคือ เสียงปรบมือหรือเสียงหัวเราะสักหน่อยก็พอแล้ว
และทั้งหมดนี้ก็คือเกร็ดเล็กๆน้อยๆ ที่ผมหยิบนำมาเล่าให้กับเพื่อนๆได้ฟังกันในวันนี้ เพื่อนๆครับ ผมอยากให้เพื่อนๆได้ลองนำข้อคิดหลักการการเป็นนักพูดของอาจารย์ สุขุม นวลสกุลไปใช้เพื่อพัฒนาการเป็นนักพูดของเพื่อนๆเองนะครับ ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จโดยไม่พบกับความผิดหวังมาก่อน เรียนรู้ความผิดหวังแล้วนำมาเป็นบทเรียนของเราเพื่อความเป็นนักพูดที่ยิ่งใหญ่ ขอบคุณครับ
หากจะกล่าวถึงนักพูดที่ประทับใจ ผมเชื่อว่าเพื่อนๆแต่ละคนก็คงจะมีนักพูดในดวงใจของเพื่อนๆเองอยู่แล้ว เพื่อนๆบางคนอาจจะชอบลีลาการพูด ตลกแบบมีสาระในแบบฉบับของอาจารย์ จตุพล ชมภูนิช หรือ อาจารย์ อภิชาต ดำดี บางคนอาจจะชอบลีลาการพูดที่สะใจ ใช้คำ “ โดนใจ ” อย่างอาจารย์ สุนีย์ สินธุเดชะ หรือที่เป็นที่รู้จักกันในนาม อาจารย์แม่ของเรานั่นเอง หรือบางคนที่ชอบดูรายการ Talk Show ก็คงจะมีหลายๆคนที่ติดใจลีลาการพูดของ คุณ อุดม แต้พาณิชย์ ซึ่งก็แน่นอนว่า การที่เพื่อนๆจะประทับใจนักพูดท่านใดนั้น นั่นย่อมหมายความว่า นักพูดท่านนั้น มีลักษณะ บุคลิก รวมถึงลีลาการพูดที่ตรงกับความต้องการและสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเพื่อนๆได้
สำหรับผมก็เช่นกันครับ ผมเองก็มีนักพูดที่ผมประทับใจอยู่ท่านหนึ่ง นักพูดของผมท่านนี้นอกจากบทบาทการเป็นนักพูดที่มีคุณภาพแล้ว ในอีกบทบาทชีวิตของท่าน ท่านเป็นเหมือนเทียนที่ช่วยจุดความสว่างไสวแห่งปัญญาให้แก่เหล่านิสิตนักศึกษา ท่านมีประสบการณ์ในแง่ของการบริหารหลายระดับ ท่านเคยดำรงตำแหน่งเป็น คณบดี อธิการบดี และในปัจจุบัน ท่านเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้วยชีวิต 55 ปีแห่งการเป็นอาจารย์ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ ความสามารถและคุณภาพ จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่า เหตุใดท่านจึงเป็นที่เคารพรักของเหล่านิสิตนักศึกษาและบุคคลในหลายๆอาชีพ หลายวงการ ถึงตรงนี้เพื่อนๆหลายคนอาจจะทราบแล้วนะครับว่านักพูดที่ผมประทับใจคือใคร ครับ! ท่านคือสุภาพบุรุษนักพูดแห่งวงการ ซึ่งมีรูปลักษณ์ภายนอกคำภีรภาพสมนาม อาจารย์ สุขุม นวลสกุล
ลักษณะโดดเด่นของท่านที่ทำให้ผมประทับใจและยึดถือเป็นแบบอย่างนั่นคือ ความหนักแน่นของน้ำเสียงและแววตาที่แสดงถึงความเชื่อมั่นยามเอ่ยข้อความ ซึ่งลักษณะแบบนี้ผมคิดว่าเป็นลักษณะของการเป็นผู้นำที่ดี และเป็นลักษณะที่นักพูดควรจะมีในตนเอง เพื่อใช้ในการเสริมสร้างความมั่นใจและแสดงออกซึ่งความเป็นตัวตนของตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด ในการพูดของอาจารย์แต่ละครั้ง ท่านจะนำเสนอมุมมองประเด็นในการพูดที่แตกต่างไปจากคนอื่น ทั้งตัวอย่างที่ท่านนำมาหยิบยกเพื่อประกอบการพูดก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งนี่ก็เป็นเอกลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับของท่านที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความที่ท่านเป็นนักวิชาการจึงทำให้การพูดของท่านดู จริงจัง จริงใจ และมีสาระ แต่ถึงกระนั้นท่านก็ได้แฝงไปด้วยอารมณ์ขันซึ่งมีอยู่เต็มเปี่ยมในตัวของท่าน ท่านอาจารย์สุขุมสามารถมองเรื่องที่เครียดในแง่มุมที่น่าหัวเราะได้ ซึ่งก็เป็นวิธีการสร้างอารมณ์ขันที่เป็นแบบของท่านเอง การพูดของท่านแต่ละครั้งจึงไม่น่าเบื่อแม้บางครั้งเรื่องที่ท่านต้องพูดจะเป็นเรื่องในเชิงวิชาการก็ตาม
และในวันนี้ ผมจึงขอถือโอกาสนี้เพื่อพูดถึงหลักการเป็นนักพูดที่ดีของท่านอาจารย์สุขุม นวลสกุล ให้เพื่อนๆได้รับฟังซึ่งหลักการเป็นนักพูดที่ดีของท่านมีเพียง 5 ข้อเท่านั้นแต่เป็นหลักการที่ผมคิดว่า ผู้ที่คิดจะเป็นนักพูดอย่างพวกเราควรจะพึงมีและพึงทำ
1. นักพูดที่ดีต้องมีเรื่องที่จะพูด มีเรื่องที่จะบอก คือ เวลาไปพูดที่ไหนเราต้องคิดว่า เอ…วันนี้เราจะบอกคนฟังเรื่องอะไร สมมติว่าเราอยากจะบอกคนฟังว่า ความขยันเป็นสิ่งดี คนเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ต้องมีความขยัน จากนั้นเราก็มานึกเรื่อง ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ทำให้คนเห็นชัดว่าขยันแล้วจะนำสู่สิ่งดี สรุปคือ ต้องเตรียมตัวว่าวันนี้จะพูดเรื่องอะไร เราอยากจะบอกคนฟังเกี่ยวกับหัวข้อนี้ว่าอย่างไร จากนั้นก็ไปหาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้วนำมาใช้
2. นักพูดที่ดีต้องชอบการแสดงออก คือ ต้องชอบที่จะพูดให้คนอื่นฟัง รักที่จะพูดแล้วถ่ายทอดความรักนั้นให้แก่ผู้ฟัง บางคนชอบที่จะพูดแต่ไม่กล้า ก็ต้องฝึกพูดบ่อยๆ การไปพูดในหลายๆเวทีจะเป็นแบบฝึกหัดสู่การเป็นนักพูดที่ดีได้ เรียนรู้ข้อบกพร่องที่ตัวเองทำไปแล้วนำมาปรับปรุงให้การพูดครั้งต่อไปสมบูรณ์แบบมากขึ้น
3. นักพูดที่ดีต้องทำให้คนฟังรู้สึกว่าไม่เสียเวลาฟัง คือ ต้องให้คนฟังรู้สึกว่าได้อะไรกลับไปบ้าง เท่านั้นก็ถือว่าการพูดของเราประสบความสำเร็จแล้วในขั้นหนึ่ง แม้คนฟังอาจจะไม่ขำเลยแม้แต่ครั้งเดียวก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น การพูดของคุณ ชวน หลีกภัย ซึ่งพูดทีไรไม่ขำเลยแต่ทำไมคนฟังนั่นเพราะคนฟังรู้สึกว่าฟังแล้วคุ้มค่า ฟังแล้วมีแง่มุมอะไรต่างๆที่แปลกๆ ดังนั้นจึงไม่ควรปักใจอยู่กับอารมณ์ขันอย่างเดียวแต่ถ้าพัฒนาออกมาได้ก็จะช่วยให้การพูดของเราสมบูรณ์ขึ้น เพราะเราต้องเข้าใจว่า พื้นฐานทุกคนต้องการอารมณ์ขัน ต้องการความรู้สึกที่ผ่อนคลาย
4. นักพูดที่ดีต้องมีลีลาการพูดที่เป็นเฉพาะตัว คือ มีจุดเด่นที่เป็นของตัวเอง เราถนัดอย่างไรก็ใช้จุดนั้นมาเป็นจุดเด่นของเรา ดึงความเป็นตัวของตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุดเพราะนี่คือสิ่งแรกที่เลียนแบบกันไม่ได้ “ อย่าคิดพูดเลียนแบบใคร คุณพูดเลียนแบบใครคุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จเหมือนคนนั้นได้ เพราะอย่างเก่งคุณก็แค่เหมือนเขา แล้วเราไปเลือกฟังที่ต้นแบบเลยไม่ดีกว่าหรือ? ”
5. นักพูดที่ดีจำเป็นต้องเป็นนักวิชาการ คือ ต้องเป็นผู้ที่อ่านมากๆ คนที่มีเรื่องราวมาพูดเยอะๆก็ต้องมีประสบการณ์ชีวิตมากมาย หรือบางทีไม่ต้องมีประสบการณ์ชีวิตมากแต่เราต้องรู้จักอ่าน รู้จักค้นคว้าเพราะ การอ่านเป็นการเรียนประสบการณ์ทางลัด ถ้านักพูดเป็นนักวิชาการด้วยแล้วจะช่วยให้คนฟังได้อะไรมากขึ้น คนฟังจะเป็นผู้ได้รับ ถ้าเราอยากให้เขาหัวเราะ เราก็สามารถทำให้เขาหัวเราะและในขณะเดียวกันได้สาระด้วยมันไม่ดีกว่าหรือ ?
นอกจากหลักการเป็นนักพูดที่ดีทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว ผมเชื่อว่า เวลาที่เพื่อนๆต้องออกมาพูด ความรู้สึกหนึ่งที่ต้องเกิดกับเพื่อนๆ นั่นคือ ความประหม่า ท่านอาจารย์สุขุม ก็ได้ให้หลักในการแก้ความประหม่าไว้อย่างน่าสนใจทีเดียว คือ ต้องใช้วิธีทักคนฟังให้เกิดความรู้สึกเป็นกันเองทำให้เขายิ้มแย้มให้กับเรา กล่าวคือ เมื่อไรที่เรารู้สึกว่าคนฟังเป็นพวกเดียวกับเรา เอาใจช่วยเรา เมื่อนั้นความรู้สึกตื่นเต้นของเราจะหายไป เราต้องทำให้ผู้ฟังเป็นพวกเดียวกับเราก่อน ต้องทักทายแบบหาจุดเด่นจุดหัวเราะ อาจารย์ได้ยกตัวอย่างว่า ถ้าวันนั้นเราต้องไปพูดให้พยาบาลฟัง ก็ทักว่า “ โอ้โฮ…วันนี้ผมมาอยู่ท่ามกลางผู้มีจิตใจกรุณาปราณี ” รับรองว่าเราต้องได้รับเสียงปรบมืออย่างแน่นอนเพราะถูกใจเขา ความประหม่าที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากความกลัว คือ กลัวเขาจะไม่ฟังเราพูด กลัวเขาไม่รับเรื่องที่เราบอก ดังนั้นทีเด็ดของนักพูดพอขึ้นเวที สิ่งแรกคือ เสียงปรบมือหรือเสียงหัวเราะสักหน่อยก็พอแล้ว
และทั้งหมดนี้ก็คือเกร็ดเล็กๆน้อยๆ ที่ผมหยิบนำมาเล่าให้กับเพื่อนๆได้ฟังกันในวันนี้ เพื่อนๆครับ ผมอยากให้เพื่อนๆได้ลองนำข้อคิดหลักการการเป็นนักพูดของอาจารย์ สุขุม นวลสกุลไปใช้เพื่อพัฒนาการเป็นนักพูดของเพื่อนๆเองนะครับ ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จโดยไม่พบกับความผิดหวังมาก่อน เรียนรู้ความผิดหวังแล้วนำมาเป็นบทเรียนของเราเพื่อความเป็นนักพูดที่ยิ่งใหญ่ ขอบคุณครับ