[469] ก้าวแรกของการพูดภาษาอังกฤษ

สวัสดีครับวันหนึ่งผมนั่งรถเมล์เจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง คุยด้วยแล้วได้ความว่าเพิ่งกลับจากเมืองนอกซึ่งไปขายแรงงาน เห็นแกถือหนังสือประเภทฝึกพูดภาษาอังกฤษเท่านั้นเท่านี้ชั่วโมงที่มีขายตาม ร้านหนังสือ ผมเข้าใจจากการพูดคุยว่าแกคงเรียนจบไม่สูงและไม่ค่อยรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษ จึงตามแกว่า “แล้วพี่จำได้หมดหรือนี่ เล่มออกโตอย่างนี้?” แกก็ตอบผมตรง ๆ ว่า “ก็ไม่ต้องไปจำให้มันหมดหรอก ประโยคไหนใช้บ่อยก็ท่องเอา” - - ขอบคุณพี่มากครับ หูตาผมสว่างขึ้นเยอะเลย

เท่า ที่สังเกตน้องบางคนในที่ทำงาน ใน 4 ทักษะภาษาอังกฤษ คือ ฟัง – พูด – อ่าน – เขียน รู้สึกว่าคนที่ชอบทำงานโดยพูดภาษาอังกฤษติดต่อผู้คนมีไม่มากนัก ผมถามตัวเองว่า “ทำไมไม่ชอบพูดภาษาอังกฤษ?” ตอบว่า “พูดไม่ค่อยคล่องเลยไม่ชอบพูด” ถามว่า “ทำไมพูดไม่คล่อง?” ตอบว่า “เพราะไม่ค่อยมีโอกาสฝึกพูดมากพอ ส่วนใหญ่เรียนแต่ reading กับ grammar” และข้อสอบสารพัดอย่างจากชั้นประถม – มัธยม – มหาวิทยาลัย ก็มีแต่ reading, grammar หรือ writing นิดหน่อย ส่วน speaking มีน้อย นักเรียนนักศึกษาแม้ไม่ต้องขวนขวายเพื่อให้พูดได้ ก็สอบได้วุฒิการศึกษาอยู่นั่นเอง คนก็เลยพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ และไม่อยากพูด และ... ไม่อยากฝึกที่จะพูด ทั้งหมดนี้ผมวิเคราะห์ผิดความจริงหรือเปล่า ท่านผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ

แต่ปัญหาที่คนเรียนจบแล้วหลายคนพบก็คือ เมื่อ ได้งานทำ งานบังคับให้เราต้องพูดภาษาอังกฤษ การต่อว่าครูและโรงเรียนว่าสอนไม่ได้เรื่องเราจึงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เป็น ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นและไม่มีใครฟัง ผมเคยมีผู้บังคับบัญชาคนหนึ่ง แกจบปริญญาเมืองนอก แต่ทุกครั้งที่แกต้องต้อนรับชาวต่างประเทศซึ่งมาเยี่ยมที่ทำงาน แกจะพูดอยู่ประโยคเดียวตอนยื่นมือ shake hand กับแขกว่า “Nice to meet you.” ประโยคเดียว net ๆ สุทธิถ้วน ๆ จริง ๆ, ส่วนที่เหลือก็ให้ลูกน้องลำดับต่อไปพุดต่อ

ปัญหา ในที่ทำงานหาคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรือพูดได้น้อยมากนี้ เป็นปัญหาจริง ๆ นะครับไม่ใช่พูดเล่น ๆ ผมเคยได้ยินเพื่อนบางคนในหน่วยงานอื่นเล่าให้ฟังว่า พอมีฝรั่งมาเยี่ยมสักทีโกลาหลมาก ตำแหน่งใหญ่อันดับ 1 พูดไม่ได้มอบอันดับ 2, อันดับ 2 มอบอันดับ 3, อันดับ 3 มอบอันดับ 4, ผมยั้งปากไม่ได้ถามว่า ถ้าทุกอันดับไม่มีใครพูดฝรั่งได้เลย ต้องเชิญ รปภ.มาพูดแทนหรือเปล่าถ้ามี รปภ.คนไหนพูดภาษาอังกฤษได้

เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วผมไปร่วมงาน นานาชาติแห่งหนึ่งที่เมืองชิซึโอกะซึ่งตั้งอยู่ที่เชิงเขาฟูจิที่ญี่ปุ่น ผมปวดหัวมากที่จะต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าภาพแต่พูด ภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย และที่พูดได้ก็มาเจอตอนหลังว่า เขาพยักหน้าพร้อมกับพูด “ไฮ้” แสดงว่าเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เข้าใจ ผมนึกเปรียบเทียบกับคนไทย ฉับพลันก็รู้สึกชื่นชมคนไทยขึ้นมาว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคนญี่ปุ่นที่ผมไปพบ คนไทยนี่พูดภาษาอังกฤษเก่งจริง ๆ

แต่คนไทยพูดภาษาอังกฤษเก่งจริงหรือ? ตลอดช่วงที่ผมทำ Blog นี้มาก็ได้รับคำถามทำนองนี้บ่อย ๆ ว่าทำอย่างไรจึงจะพูดภาษาอังกฤษได้?

ในเรื่องนี้ ผมได้รวบรวมเว็บไซต์มากพอสมควรที่ช่วยในการพัฒนา speaking skill ที่นี่ครับ: การพูด การสนทนา การออกเสียง

แต่ เรื่องที่ต้องไม่ลืมก็คือ speaking skill นี่นะครับมันเป็น active skill คือ ต้องมี action, ไม่เหมือน reading หรือ listening ซึ่งเป็น passive skill ไม่ต้องมี action ให้คนเห็น

เมื่อหลายวันก่อนผมดูหนังสารคดี เขาพูดถึงจีนซึ่งเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกส์ และอย่างหนึ่งที่เขาเตรียมคือฝึก staff คนจีนให้พูดภาษาอังกฤษ วิธีที่เขาทำก็คือครูจะสอนให้ผู้เรียนพูดภาษาอังกฤษดัง ๆ, ดัง ๆ จนเกือบจะเป็นตะโกน เขาบอกว่าฝึกอย่างนี้จะทำให้ผู้เรียนมีความมั่นใจที่จะพูดภาษาอังกฤษเมื่อ ถึงเวลาที่จะต้องเจอแขกต่างประเทศจริง ๆ ผมไม่แน่ใจว่าการฝึกตะโกนพูดภาษาอังกฤษนี่เป็นวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่า รู้แต่ว่าการฝึก speaking skill โดยการพูดในใจตามวิธีที่คนไทยหลายคนชอบฝึก ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องแน่นอนในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ

ขอย้อนไปพูดถึงพี่ ผู้หญิงที่ผมเจอบนรถเมล์ ซึ่งแกบอกว่า “ก็ไม่ต้องไปจำให้มันหมดหรอก ประโยคไหนใช้บ่อยก็ท่องเอา” ผมก็เลยหาไฟล์ประโยคหรือวลีที่ใช้บ่อยมาให้ท่านดาวน์โหลดข้างล่างนี้ ถ้าท่าน print ออกมา, ใส่กระเป๋าถือติดตัวไป, มีเวลาก็ดึงออกมา จะพูดกับเพื่อนก็ดีครับถ้ามีเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ ถ้าอยู่คนเดียวก็พูดให้ตัวเองได้ยิน

ผมนึกย้อนถึงตัวเอง หลายปีที่แล้วได้ไปฝึกอบรมที่ประเทศเยอรมันนานเดือนครึ่ง ตอนนั้นก่อนไปพูดภาษาอังกฤษได้กระท่อนกระแท่นมาก พออยู่กับเพื่อนจากประเทศอื่นกว่า 10 ประเทศ ผมตั้งวินัยบังคับตัวเองว่า ถ้ามีอะไรดีที่ต้องการสื่อสาร เมื่อคิดอยู่ในใจแล้วจะต้องพูดออกไปให้ได้ เหมือนเป็นหวัดขี้มูกแน่นจมูกต้องหาทิชชู่มารอและสั่งออกไปให้ได้ นับเป็นการเข้ารับการอบรมหลักสูตรนานาชาติที่ทุลักทุเลเต็มทีครับ แต่ก็คุ้มค่า

เมื่อกลับเมืองไทย ผมจึงได้กลับมายังข้อสรุปง่าย ๆ แต่มักลืมมอง ก็คือว่า แม้เราจะอ่านอะไรได้เยอะ, reading skill จะดี, แต่เราอาจจะพูดได้ไม่ดีเลย ถ้าเราไม่ได้ฝึกพูดให้มีเสียงออกมาจากปาก ให้มีคนได้ยินเสียงที่เราพูด หรือถ้าไม่มีคนอยู่ตรงนั้น ก็พูดให้ตัวเองนั่นแหละได้ยิน

เขียนมายืดยาวนี้ ต้องการสรุปจากประสบการณ์ของตัวเองเพียงประโยคเดียวเท่านั้นแหละครับ ว่า:-
ถ้า ไม่ฝึกให้สามารถพูดประโยคพื้นฐานได้คล่อง เลิกหวังเลยครับที่จะพูดเป็นงานเป็นการ, พูดแสดงความคิดเห็น, หรือ present งานต่อหน้าคนเยอะ ๆ ได้

เชิญดาวน์โหลดไฟล์ฝึกพูดประโยคพื้นฐานได้ข้างล่างนี้ครับ:

ไฟล์ WORD1. 50_Basic_English_Questions_Answers.pdf
2. Basic_English_Conversations.pdf
3. Thai_Phrases_and_Sentences.pdf

ไฟล์ PDF
1. 50_Basic_English_Questions_Answers.doc
2. Basic_English_Conversations.doc
3. Thai_Phrases_and_Sentences.doc

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘