อยากกินอะไรก็ไม่อ้วนใช่มั้ยล่ะ ไม่ยาก

การ ที่เรากินอะไรเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนนั้นเกิดจากการที่ร่างกายมีระบบการเผา ผลาญที่เยี่ยมยอดนั่นเอง ดังนั้นหากคุณต้องการกินๆๆ โดยที่จะไม่อ้วน คุณก็ต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญอาหารของคุณนั่นเอง แต่การอดอาหารนั้นทำให้คุณกลับมีไขมันสะสมเพิ่มขึ้นแทนที่จะน้อยลง ด้วยความเข้าใจที่ผิดๆ นี้ ทำให้คนเรามักจะลดความอ้วนด้วยการอดอาหาร
วิธีที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญอาหารได้ดีที่สุดก็คือ การเพิ่มกล้ามเนื้อที่ปราศจากไขมัน ยิ่งกล้ามเนื้อของคุณมีไขมันน้อยเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเผาผลาญอาหารได้มาก ทว่ากล้ามเนื้อของเราจะลดลงตามวัยที่เพิ่มขึ้นค่ะ นั่นคือเหตุผลที่เราควบคุมน้ำหนักได้น้อยลงเมื่อแก่ตัวลง ดังนั้นคุณจึงควรออกกำลังกายเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อการควบคุมน้ำหนักระยะยาว เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อเสียตั้งแต่ยังสาวๆ เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญอาหารให้อยู่ในอัตราที่พอเหมาะ
การกินคือปัจจัยที่สำคัญอีกประการปนึ่งในการเพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหาร ร่างกายจำเป้นต้องใช้พลังงานในทุกๆ นาที ซึ่งถ้าได้ไม่เพียงพอก็จะไปดึงจากที่สะสมไว้ โดยดึงจาก คาร์โบไฮเดรตก่อน ตามด้วยไขมัน และในกรณที่รุนแรงก็จะดึงออกมาจากโปรตีน การลดปริมาณแคลอรี่ในอาหารจะช่วยลดปริมาณไขมันได้ แต่ต้องระวัง!!! การอดอาหารแบบเฉียดพลันจะให้ผลตรงกันข้าม คือการลดปริมาณอาหาร ที่กินเข้าไปมากกว่า 500 แคลอรี่ขึ้นไปต่อวัน จะไปเร่งให้ร่างกายสะสมพลังงานมากขึ้น ระบบเผาผลาญพลังงานก็จะช้าลงโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันภาวะการขาดสารอาหาร อุณหภูมิของร่างกายก้จะเย็น กล้ามเนื้อทำงานน้อยลง ฮอร์โมนที่ผลิตโดยต่อมไธรอยด์ซึ่งมีหน้าที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเผาผลาญ พลังงานและช่วยพาไขมันที่สะสมในร่างกายมาใช้งานก็จะน้อยลงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ แคลเซียม โปแตสเซียม วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ก็จะไม่มีเหลือ แค่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเป็นเวลา 5 ชั่วโมงติดต่อกัน ร่างกายจะคิดว่าเริ่มขาดอาหาร ดังนั้นถ้าคุณนอนยาวจนถึงเที่ยงโดยไม่ได้กินอะไรเป็นมื้อเช้า เท่ากับเป็นการสั่งร่างกายให้เก็บสะสมพลังงานในรูปไขมันแทนที่จะใช้ ดังนั้นควรกินอาหารให้เป็นเวลา 3 มื้อต่อวันค่ะ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘