มาจดไดอารี่ไดเอทกันดีกว่า

ก่อน อื่นเราจะต้องรู้ก่อนว่าการจดไดอารี่ไดเอทมันสำคัญยังไง เนื่องจากในแต่ละวันเรากินอาหารหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารหลัก ของหวาน เครื่องดื่มต่างๆ ล้วนแต่ให้พลังงานกับร่างกายทั้งนั้นค่ะ แต่จะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับอาหารนั้นๆ ซึ่งก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่ามันต่างกันไป เราสามารถเชคปริมาณแคลอรี่ได้จากบทความนี้ค่ะ ตารางแคลอรี่อาหารต่างๆ ตารางแคลอรี่ของผักและผลไม้ ตารางแคลอรี่ของอาหารและของหวานต่างๆ เอาล่ะ หลังจากที่เราได้รู้ว่าอาหารแต่ละชนิดให้พลังงานเท่าไหร่แล้ว เราก็มาดูกิจกรรมแต่ละวันกันค่ะ ว่าแต่ละวันเราทำอะไรไปบ้าง ซึ่งก็สามารถดูตารางแคลอรี่ของกิจกรรมที่ได้ทำไปจากบทความ ตารางการเผาผลาญแคลอรี่ของแต่ละกิจกรรม ค่ะ จากนั้นเราก็มาวิเคราะห์ได้ว่าสิ่งที่เรากินกับสิ่งที่เราทำนั้นสัมพันธ์กัน อย่างไร หากกินมากกว่า ก็ต้องอ้วนแน่ๆ ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ แต่บางครั้ง เราจะจำไม่ได้ทั้งหมดหรอกค่ะ ว่าวันนี้เรากินอะไรไปบ้าง กิจกรรมที่เราทำให้แต่ละวันมีอะไรบ้าง ก็จะอ้างได้ว่า ปกติก็กินไม่เยอะนะแต่ทำไมอ้วนล่ะ ใช่กินไม่เยอะ แต่กินตลอดเวลารึเปล่า ดังนั้นเราจึงต้องจดไดอารี่ไดเอทค่ะ เพื่อจะได้ไม่มีข้อแก้ตัวเพราะหลักฐานมัดแน่น อิอิ เริ่มต้นด้วยการสร้างแรงบันดาล ใจในการจดด้วยการหาสมุดไดอารี่สวยๆ มาซักเล่ม หรือจะจดใน blog หรือ ipad (โอ้วว.. ไฮโซ) ก็ได้ค่ะ แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล วิธีการจดก็ไม่ใช่มั่วๆ ว่าวันนี้กินอะไร ทำอะไรบ้าง มันต้องมีหลักการนิดหน่อยค่ะ ดูตามนี้เลยนะคะ
1. เวลาและระยะเวลาที่ใช้กินอาหารแต่ละมื้อ กินช้าๆ เคี้ยวละเอียดๆ ใช้เวลานานหน่อย แต่ทำให้กินได้น้อยลงนะเออ ลองดูสิ
2. ปริมาณอาหารที่กินอย่างละเอียด เช่น ข้าวสวย 1 จานพูนๆ กับไข่เจียวใส่หมูสับ 1 ฟอง ผัดผักกะหล่ำปลี และแกงจืดเต้าหู้หมูสับ 1 ถ้วย พริกน้ำปลา
3. สิ่งที่กินทุกอย่าง แม้แต่น้ำจิ้ม ลูกอม น้ำผลไม้ เพราะมันก้มีน้ำตาลเยอะเหมือนกันนะ
4. สถานที่กิน บรรยากาศการกินที่ดีก็ทำให้เรากินนาน หรือ บรรยากาศเร่งรีบ ทำให้เรารีบๆ กินรีบเคี้ยว ทำให้เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด รีบๆ ยัดให้หมดๆ ไป
5. กินกับใคร ถ้ากินกับเพื่อน หรือครอบครัว ก็กินตามสบายไม่บันยะบันยัง แต่ถ้ากินกับหนุ่มหล่อ ก็อาจมีกั๊กๆ ทำสวยกินน้อยไว้ก่อน
6. กิจกรรมขณะที่กิน กินไปเม้าไปอย่างเมามันจนไม่ได้แตะอาหารซักเท่าไหร่ หรือ อ่านหนังสือไปด้วย ฯลฯ
7. ระดับความหิว หิวมากก็จะสั่งอาหารมามากเกินไป และรีบกิน รีบยัดเขาไปอย่างรวดเร็วจนหมด ทำให้กินมากเกินไป
8. ความรู้สึกตอนกิน เช่น มีความสุข สนุกสนาน เศร้า เครียด ก็จะมีผลต่อปริมาณที่กิน สังเกตุดู
9. เวลาที่ตื่นนอนและเวลานอน ตื่นสาย ก็ไม่ได้กินมื้อเช้า รีบๆ ไปเรียน หรือทำงาน สายๆ ก็หิวหาขนมกิน เหตุของความอ้วนเลยเนี่ย เที่ยงก็เลยกินได้ไม่เยอะ พอบ่ายก็หาขนมกินอีก อ้วนอีกละ
10. เวลาที่ถ่าย กินเยอะ แล้วถ่ายเยอะด้วยรึเปล่า ลำไส้คนเรายาวมาก กินเยอะถ่ายน้อยก็น้ำหนักมาก คนเราควรถ่ายทุกวันนะคะ วันละ 1-2 ครั้งกำลังดีค่ะ
11. น้ำหนัก (ควรชั่งเวลาเดิม และเครื่องชั่งเดิม)

จดต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือทุกวันจนกว่าจะลดน้ำหนักสำเร็จ หรือบางคนจะจดไปเรื่อยๆ เพื่อดุมน้ำหนักก็ได้ค่ะ หลังจากที่จดไปได้ 1 สัปดาห์ลองกลับมาอ่านที่เราจดดูค่ะ ว่าเรากินอะไรไปบ้าง เราจะเห็นเลยว่าเรากินเไปเยอะแค่ไหน จะรู้เลยว่าทำไมน้ำหนักไม่ลงซะที

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘