9 เหตุผลที่คุณลดน้ำหนักไม่สำเร็จสักที ตอน 8
เหตุผลที่ 8 - ลดน้ำหนักไม่สำเร็จเพราะความเครียด
ความเครียดเป็นต้นเหตุของการผิดปกติหลายๆ อย่างของร่างกาย เช่น บางคนเครียดมากสิวขึ้น ปวดหัว ปวดท้อง ท้องผูก นอนไม่หลับ อาหารไม่ย่อย รวมถึงน้ำหนักตัวดันเพิ่มอีก!!! สาเหตุที่ความเครียดเป็นต้นเหตุต่างๆ นั้นหากอธิบายแบบบ้านๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือว่า ถ้าคุณเครียดเมื่อไร ร่างกายเราจะหลั่งสารพิษออกมา สารพิษนี้จะเข้าสู่กระแสเลือดและกระจายไปตามอวัยวะต่างๆ เพราะเลือดเป็นตัวลำเลียงสารอาหาร ออกซิเจนและอีกสารพัดอย่างไปตามอวัยวะทั่วร่างกาย ร่างกายของเราจึงทำงานผิดปกติทันที แทบจะภายใน 24-48 ชั่วโมงเมื่อเราเริ่มรู้สึกเครียด!!!
สารพิษที่หลั่งออกมานั้น มีผลต่อระบบทั้งร่างกาย ซึ่งมีหลายระบบที่มีผลทำให้เราอ้วน เช่น การเผาผลาญ ระบบดูดซึม และระบบย่อยอาหาร เป็นต้น ดังนั้นยิ่งเราเครียดเรื่องน้ำหนักตัวเท่าไร เรากลับยิ่งอ้วนมากขึ้นเท่านั้น!!!
ยิ่งคุณกังวลว่า ฉันใช้สูตรนี้ สูตรนั้น แล้วจะลดได้ไหมหนอ คิดๆๆๆๆ ย้ำคิดอยู่นั้นแหละ นั้นคือการสร้างความเครียดเล็กๆ ให้กับร่างกายของคุณโดยที่คุณอาจจะไม่รู้ตัว.. ทางแก้ก็คือ เลิกเครียด!!!
พูดมันง่าย แต่ทำมันยาก.. ดังนั้นหากคุณรู้สึกเครียดกับเรื่องอะไรก็ตาม ขอให้คุณลองปลดปล่อยมัน เช่น ทำกิจกรรมที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง ไปเที่ยวสวนสนุกแล้วได้แหกปากกรี๊ดเสียงดังๆ ไปเต้น ไปดูหนัง ฯลฯ
หากคุณใช้วิธีใดในการลดน้ำหนัก แล้วรู้สึกว่ามันไม่ได้คืบหน้าไปไหนเลย ขอให้คุณลองสำรวจตัวเองก่อนดังนี้
1. น้ำหนักไม่ลดลงตามที่ตั้งใจก็จริง แต่สัดส่วนมีเปลี่ยนไปหรือไม่ (วัดสัดส่วนก่อนและหลังการเข้าคอร์สสูตรลดน้ำหนักใดๆ ก็ตามเสมอ).. บางคนน้ำหนักไม่ลด แต่สัดส่วนเปลี่ยน ก็น่าจะดีกว่าด้วยซ้ำ.. ตัวเลขบนตาชั่งจะไปสำคัญอะไรไปกว่าการเปลี่ยนขนาด Size เสื้อจาก XXL มาเป็น XL หรือ M กันละ
2. ถ้าน้ำหนักไม่ลด สัดส่วนก็ไม่เปลี่ยนไปมาก ลองดูปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น นอนหลับสนิทกว่าแต่ก่อน ตื่นเช้าแล้วสดชื่นกว่าแต่ก่อน ไม่ค่อยปวดหัว ปวดท้อง เวลามีประจำเดือนเหมือนแต่ก่อนหรือเปล่า ระดับความดัน คลอเลสเตอรอลต่างๆ ดีขึ้นไหม ผิวพรรณดูสดชื่น เปล่งปลั่ง เปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่า
3. ถ้าน้ำหนักไม่ลด สัดส่วนไม่เปลี่ยน สุขภาพร่างกายไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นก็อย่าเพิ่งท้อใจไป ลองสำรวจดูสิว่า คุณได้เดินตามสูตรลดน้ำหนักมาได้กี่วันแล้ว 3 วัน 7 วัน หรือ 10 วัน ให้กำลังใจกับตัวเองว่า คุณเองก็ทำตามสูตรได้นะ เพียงแต่สูตรแต่ละสูตรนั้นอาจจะใช้เวลาในการเห็นผลต่างกัน แต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากันดังนั้นการไปดูว่าคนอื่นใช้แล้วลดได้สำเร็จมากน้อย แค่ไหนจะยิ่งกลายเป็นการกดดันตัวเองไปมากกว่าเดิม
ลำพังแค่ชีวิตประจำวันที่ต้องเดินทาง รถติดหงุดหงิดใจ อกหักรักคุด แฟนไม่รัก เรียนไม่รู้เรื่อง เจ้านายกวนบาทา เพื่อนสนิทสุดแสบแอบแทงข้างหลัง และอีกสารพัดหลายอย่างก็เป็นเรื่องชวนให้เครียดมากพอแล้ว การกังวลกับตัวเลขบนตาชั่งมากเกินไป จะยิ่งเพิ่มหัวข้อให้ร่างกายเครียดมากกว่าเดิมได้อีก... จำไว้ว่า ยิ่งเครียด ก็เหมือนคุณเทยาพิษเข้าร่างกายตัวเองนะค่ะ
ความเครียดเป็นต้นเหตุของการผิดปกติหลายๆ อย่างของร่างกาย เช่น บางคนเครียดมากสิวขึ้น ปวดหัว ปวดท้อง ท้องผูก นอนไม่หลับ อาหารไม่ย่อย รวมถึงน้ำหนักตัวดันเพิ่มอีก!!! สาเหตุที่ความเครียดเป็นต้นเหตุต่างๆ นั้นหากอธิบายแบบบ้านๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือว่า ถ้าคุณเครียดเมื่อไร ร่างกายเราจะหลั่งสารพิษออกมา สารพิษนี้จะเข้าสู่กระแสเลือดและกระจายไปตามอวัยวะต่างๆ เพราะเลือดเป็นตัวลำเลียงสารอาหาร ออกซิเจนและอีกสารพัดอย่างไปตามอวัยวะทั่วร่างกาย ร่างกายของเราจึงทำงานผิดปกติทันที แทบจะภายใน 24-48 ชั่วโมงเมื่อเราเริ่มรู้สึกเครียด!!!
สารพิษที่หลั่งออกมานั้น มีผลต่อระบบทั้งร่างกาย ซึ่งมีหลายระบบที่มีผลทำให้เราอ้วน เช่น การเผาผลาญ ระบบดูดซึม และระบบย่อยอาหาร เป็นต้น ดังนั้นยิ่งเราเครียดเรื่องน้ำหนักตัวเท่าไร เรากลับยิ่งอ้วนมากขึ้นเท่านั้น!!!
ยิ่งคุณกังวลว่า ฉันใช้สูตรนี้ สูตรนั้น แล้วจะลดได้ไหมหนอ คิดๆๆๆๆ ย้ำคิดอยู่นั้นแหละ นั้นคือการสร้างความเครียดเล็กๆ ให้กับร่างกายของคุณโดยที่คุณอาจจะไม่รู้ตัว.. ทางแก้ก็คือ เลิกเครียด!!!
พูดมันง่าย แต่ทำมันยาก.. ดังนั้นหากคุณรู้สึกเครียดกับเรื่องอะไรก็ตาม ขอให้คุณลองปลดปล่อยมัน เช่น ทำกิจกรรมที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง ไปเที่ยวสวนสนุกแล้วได้แหกปากกรี๊ดเสียงดังๆ ไปเต้น ไปดูหนัง ฯลฯ
หากคุณใช้วิธีใดในการลดน้ำหนัก แล้วรู้สึกว่ามันไม่ได้คืบหน้าไปไหนเลย ขอให้คุณลองสำรวจตัวเองก่อนดังนี้
1. น้ำหนักไม่ลดลงตามที่ตั้งใจก็จริง แต่สัดส่วนมีเปลี่ยนไปหรือไม่ (วัดสัดส่วนก่อนและหลังการเข้าคอร์สสูตรลดน้ำหนักใดๆ ก็ตามเสมอ).. บางคนน้ำหนักไม่ลด แต่สัดส่วนเปลี่ยน ก็น่าจะดีกว่าด้วยซ้ำ.. ตัวเลขบนตาชั่งจะไปสำคัญอะไรไปกว่าการเปลี่ยนขนาด Size เสื้อจาก XXL มาเป็น XL หรือ M กันละ
2. ถ้าน้ำหนักไม่ลด สัดส่วนก็ไม่เปลี่ยนไปมาก ลองดูปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น นอนหลับสนิทกว่าแต่ก่อน ตื่นเช้าแล้วสดชื่นกว่าแต่ก่อน ไม่ค่อยปวดหัว ปวดท้อง เวลามีประจำเดือนเหมือนแต่ก่อนหรือเปล่า ระดับความดัน คลอเลสเตอรอลต่างๆ ดีขึ้นไหม ผิวพรรณดูสดชื่น เปล่งปลั่ง เปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่า
3. ถ้าน้ำหนักไม่ลด สัดส่วนไม่เปลี่ยน สุขภาพร่างกายไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นก็อย่าเพิ่งท้อใจไป ลองสำรวจดูสิว่า คุณได้เดินตามสูตรลดน้ำหนักมาได้กี่วันแล้ว 3 วัน 7 วัน หรือ 10 วัน ให้กำลังใจกับตัวเองว่า คุณเองก็ทำตามสูตรได้นะ เพียงแต่สูตรแต่ละสูตรนั้นอาจจะใช้เวลาในการเห็นผลต่างกัน แต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากันดังนั้นการไปดูว่าคนอื่นใช้แล้วลดได้สำเร็จมากน้อย แค่ไหนจะยิ่งกลายเป็นการกดดันตัวเองไปมากกว่าเดิม
ลำพังแค่ชีวิตประจำวันที่ต้องเดินทาง รถติดหงุดหงิดใจ อกหักรักคุด แฟนไม่รัก เรียนไม่รู้เรื่อง เจ้านายกวนบาทา เพื่อนสนิทสุดแสบแอบแทงข้างหลัง และอีกสารพัดหลายอย่างก็เป็นเรื่องชวนให้เครียดมากพอแล้ว การกังวลกับตัวเลขบนตาชั่งมากเกินไป จะยิ่งเพิ่มหัวข้อให้ร่างกายเครียดมากกว่าเดิมได้อีก... จำไว้ว่า ยิ่งเครียด ก็เหมือนคุณเทยาพิษเข้าร่างกายตัวเองนะค่ะ