9 เหตุผลที่คุณลดน้ำหนักไม่สำเร็จสักที ตอน 4
เหตุผลที่ 4 - โปรดจำไว้ว่า... ไม่มีใครเอาปืนมาจี้แล้วยัดอาหารเข้าปากคุณ!!!
ตลอดระยะเวลาในการลดน้ำหนักของหลายๆ คน มักจะต้องเจอเหตุการณ์วัดใจ เป็นเหมือนสถานการณ์ตรวจสอบความเข้มแข็งของจิตใจ ว่าคุณจะแน่วแน่แค่ไหนในการเดินทางครั้งนี้ เช่น
...เย็นวันศุกร์นี้ไปงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน.. อาหารคาวหวานเพียบ เครื่องดื่มครบเซ็ต... แต่ฉันกำลังทำตามสูตรลดน้ำหนักด้วยสิ.. แต่ถ้าไม่ไปเดี๋ยวเพื่อนไม่คบ... ทำไงดี
...เย็นวันเสาร์ต้องพาลูกค้าไปกิน ต้องเอาใจลูกค้า พาไปเมา เหล้า ยา ปลาปิ้ง เปรมสุดๆ... ฉันต้องทำเพราะหน้าที่บังคับนะ...
...เย็นนี้ไปกินบุฟเฟต์กับแฟนหรือวงศาคณาญาติ.. นานๆ จะมีโอกาสได้มารวมตัวพร้อมหน้าพร้อมตานะเนี่ย
ฯลฯ
คุ้นๆ กับเหตุการณ์เหล่านี้บ้างไหม....
หลายครั้งหลายคราวที่คุณอาจจะต้องพบเจอเหตุการณ์มหกรรมรวมพลอาหารจานโปรด ซึ่งมันมักจะดาหน้ามาเรียงรวมตัวกันในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเมื่อคุณเริ่มเข้า สูตรลดน้ำหนัก!!! สิ่งหนึ่งที่คุณต้องเข้าใจก่อนก็คือ "การลดน้ำหนัก.. ไม่ใช่การทรมานตัวเองนะค่ะ" การได้กินอาหารจานโปรดในช่วงที่คุณกำลังลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องเสียหายตราบใด ก็ตามที่มันยังอยู่ในระดับ "พอประมาณ"
ถ้าคุณเลือกการลดน้ำหนักด้วยการทานอาหารตามสูตรลดน้ำหนัก (เช่น สูตรลดน้ำหนัก 7 วัน, อาหารชุดเพื่อลดน้ำหนักใน 3 วัน ฯลฯ) คุณจะพบว่า แต่ละมื้อในสูตรนั้น คุณ "ต้อง" กินเฉพาะในสิ่งที่คุณ "อาจจะ" ไม่อยากกินก็ได้ ดังนั้นเมื่อคุณ "อด" + "ทน" ในการใช้สูตรลดน้ำหนักมากเท่าไร วันที่ขบวนพาเรดอาหารจานโปรดของคุณมาเรียงราย อวดกลิ่มหอมฉุยอยู่ตรงหน้า.. ใจคุณก็อาจจะสั่น ใจนึงก็อยากกินเหลือเกินเพราะโหยมานาน อีกใจก็กลัวว่ามันจะผิดสูตรเดี๋ยวจะไม่ผอมตามเป้า
แล้วคุณจะรอดจากสถานการณ์แบบนี้ไปได้ยังไง????
มีอยู่ 2 อย่างที่คุณต้องทำความเข้าใจกันก่อน...
1. การลดน้ำหนักไม่ว่าจะใช้สูตรลดน้ำหนักแบบใดก็ตาม สิ่งที่คุณต้องรู้ตัวเสมอคือ การลดน้ำหนักไม่ใช้ทุกสิ่งอย่างในชีวิต!!! คุณจะผอมไปทำไมถ้าใช้ชีวิตได้ไม่เป็นสุขเหมือนก่อน จะกินทีต้องคิดหน้าคิดหลัง (ยกเว้นผู้ที่ป่วยบางโรค การกินดะทุกอย่างก็อาจจะทำให้ถึงตายได้เลยทีเดียว)
2. กฏทุกกฏย่อมมีข้อยกเว้น
เหตุที่บอกแบบนี้คือ.. คุณอย่ารู้สึกผิดไปเลย.. ถ้าคุณใช้สูตรลดน้ำหนักใดแล้วเกิดแหกสูตร ตบะแตก แหกโค้งก่อนจบหลักสูตร.. เพราะมันเป็นเรื่องปกติมากๆ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นใหม่ๆ เหตุเพราะว่า.. คนที่อ้วนส่วนใหญ่มักจะชอบกิน ซึ่งการชอบกินนั้น เป็นนิสัยที่ถูกฝึกกันได้ สามารถปรับลดการกินให้กินมากขึ้นหรือน้อยลงได้ แต่ต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับ ดังนั้นคนที่อ้วนแล้วมาลดน้ำหนักใหม่ๆ เขาจะต้องใช้ความ "อด" + "ทน" สูง เพราะพวกเขารู้สึกถึงการจำกัดปริมาณ และอาหารที่กิน อะไรที่เคยกินก็ไม่ได้กิน ต้องมาเปลี่ยนเป็นกินในสิ่งที่ชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะกินก็มี
ถ้าคุณเลือกสูตรลดน้ำหนักแล้วรู้สึกว่า ตลอดระยะเวลาที่ใช้สูตรนั้น คุณต้อง "อด" + "ทน" แล้วละก็ แสดงว่าสูตรลดน้ำหนักนั้นอาจจะไม่เหมาะกับตัวคุณก็ได้ (แต่ขอให้แน่ใจว่า คุณได้ลองปรับพฤติกรรมการกินตามสูตรลดน้ำหนักนั้นๆ มาบ้างแล้วสัก 2-3 ครั้งแล้ว)
ดังนั้นถ้าคุณยังหาสูตรลดน้ำหนักที่ถูกกับรสนิยมการกินของคุณไม่เจอ การกินอาหารจานโปรดบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย (ย้ำว่ากินได้ แต่ต้องอยู่ในระดับพอประมาณ) เช่น คุณเป็นคนชอบกินข้าวขาหมูมากๆๆๆ แล้ววันนี้เกิดต้องไปข้างนอก เจอแต่ข้าวขาหมู หรือเป็นวันพิเศษสุดเลยอยากให้รางวัลกับตัวเองกับอาหารจานโปรด การกินข้าวขาหมูก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่.. ก็ไม่ใช่ฟาดข้าวขาหมู (เน้นหนังล้วนเพิ่มไส้ x 2) อันนี้ก็เกินคำว่า "พอประมาณ" ไปนิด เข้าข่ายปอบหยิบหลุดจากหม้อเลยขอฟาดเรียบ....
คิดเสมอว่า.. ตลอดระยะเวลาการลดน้ำหนักนั้น อาหารทุกอย่างเป็นเพื่อนคุณ...ไม่ใช่โจร!!! ดังนั้นเมื่อคุณเจออาหาร คุณไม่ต้องกลัวจนลนลาน กิน (ยัด) มันไปซะทุกสิ่งอย่างเสมือนหนึ่งไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาดมันมาก่อนเชียว
แล้วถ้าฉันห้ามใจได้ละ.. มันไม่ดีกว่าเหรอ???
ก็ถ้าคุณทำได้ ก็ยินดีด้วย!!! แต่ถ้าจะดีกว่านั้นก็คือ คุณไม่กินมัน.. เพราะไม่อยากกิน ไม่ใช่เพราะต้อง "อด" + "ทน"
แต่การจะทำแบบนั้นได้ คุณต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินมานานพอควร.. หลายคนพอใช้สูตรลดน้ำหนักไปสักพักจะเริ่มรู้สึกว่า กินน้อยลงกว่าแต่ก่อน หรือรู้สึกว่าอิ่มเร็วขึ้น ตัวเบาๆ และไม่ค่อยอยากจะกินอะไรมากเพราะเริ่มชินกับอาหารในสูตรแล้ว นั้นถือว่าคุณเป็นผู้โชคดีมากๆ ที่ร่างกายของคุณปรับตัวได้รวดเร็ว ทำให้คุณสามารถรีดไขมันออกไปได้เร็วกว่าคนอื่นนั้นเอง
ความอยาก.... ไม่เคยปรานีคนที่ยังหลงไหลได้ปลื้มในตัวมัน.. ดังนั้น... ลดความอยากลงสักนิด.. แต่ถ้าลดไม่ได้.. ก็จำไว้ว่า.. อาหารไม่ใช่โจรที่เจอปุ๊บมันบังคับให้เรายัดมันลงท้อง.. ปากเป็นของคุณ.. พุงและก้นเป็นผลลัพท์ส่วนหนึ่งของปากคุณ.. รับผิดชอบกันเองด้วยนะ (^_^)