เซียนหุ้น J.L.
เซียนหุ้นระดับโลก ชื่อ J.L. กลยุทธ์การเก็งกำไรของเค้าสรุปดังนี้ (เสียชีวิตไปแล้ว )
กฎข้อ 1 อย่าขาดทุน
นักเก็งกำไรที่ไม่มีเงินก็เหมือนกับเจ้าของร้านที่ไม่มีสินค้าอยู่ในสต็อก ดังนั้นถ้าคุณไม่มีเงิน คุณก็จะไม่มีธุรกิจ เก็งกำไรไม่ได้
JL บอกว่า การซื้อหุ้นเต็มจำนวนในคราวเดียวที่ราคาเดียวนั้นอันตราย คุณควรทยอยซื้อเมื่อแน่ใจว่าสิ่งที่คิดไว้ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการซื้อหุ้น 1,000 หุ้น คุณควรจะเริ่มที่ 200 หุ้น ซื้อแล้วดูว่าราคาขึ้นหรือไม่ ถ้าใช่ ทยอยซื้อเพิ่มอีก 200 หุ้น แล้วก็รอดูว่าขึ้นไหม ถ้าใช่ก็ซื้ออีก 200 หุ้น และถ้าขึ้นอีก คราวนี้ให้ซื้อไปอีก 400 หุ้น จนเต็ม 1,000 หุ้น สรุปก็คือ ทยอยซื้อเมื่อราคาขึ้น ห้ามซื้อเฉลี่ยเมื่อหุ้นลง
กฎข้อ 2 กำหนดจุดตัดขาดทุน
ถ้าซื้อหุ้นแล้วขาดทุน ต้องกำหนดว่า จะยอมขาดทุนได้ไม่เกินกี่เปอร์เซ็น สำหรับ JL จะไม่ยอมให้ขาดทุนเกิน 10% เพราะ JL คิดว่าเวลาขาดทุนนั้น การจะเอาทุนคืนได้ จะต้องกำไรมากกว่าเปอร์เซ็นที่ขาดทุน จึงจะเสมอตัว เช่น ถ้าขาดทุน 50% กว่าจะคืนทุน ก็ต้องกำไร 100% อีกอย่างก็คือ ถ้าซื้อแล้วหุ้นลง แสดงว่า สิ่งที่คุณคิดไว้คงผิดอย่าไปฝืนกระแส ตัดขาดทุนเสียแล้วไปเล่นตัวใหม่เมื่อเห็นโอกาส
กฎข้อ 3 จะต้องมีเงินสดสำรองเสมอ
เงินสดนี้ จะมีความสำคัญมาก เมื่อถึงจุดที่โอกาสในการเก็งกำไรเปิด และเมื่อมีโอกาสดี เราก็จะต้อง “อัด” หรือลงเงินให้เต็มที่ JL เชื่อว่า คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนตลอดเวลา และไม่ควรลงตลอดเวลา จะเล่นต่อเมื่อมีโอกาสเท่านั้น
กฎข้อ 4 อย่ารีบทำกำไร
คือ ต้องให้ let profit run นั่นคือ ถ้าหุ้นยิ่งวิ่งไปเรื่อย ๆ อย่ารีบขายเสียก่อน ตรงกันข้าม ถ้าซื้อหุ้นแล้วขาดทุน หุ้นตกลงไปเร็ว
อย่ารอ หรือพยายามหาเหตุผลที่มันตก ต้องรีบขายทันที JL บอกว่า “กำไรดูแลตัวมันเองได้ แต่ขาดทุนไม่เคย” อย่างไรก็ตาม การ let profit run ไม่ได้แปลว่า ซื้อแล้วถือแบบนักลงทุน เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องขาย
กฎข้อ 5 เมื่อได้กำไรต้องเก็บเป็นเงินสด
ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าได้กำไรมาร้อยดอลล่าร์ ก็ต้องเก็บเป็นเงินสดไว้ในแบงก์ 50 ดอลล่าร์ อย่าจมอยู่ในหุ้นหรือไปเล่นต่อทั้งหมด
นี่ก็เหมือนกับเวลาเล่นไพ่ ถ้าได้กำไรก็เก็บเงินเข้ากระเป๋าเอาทุนคืนมาก่อน และนี่ก็เป็นกฎที่ JL บอกว่า ตนเองผิดพลาดที่ไม่ได้ทำเท่าที่ควร ทำให้เงินที่ได้มามาก ๆ ในที่สุด ก็เสียคืนกลับไปหมด
และทั้งหมดนั้นก็คือ ชีวิตและหลักการเก็งกำไรของ ลิเวอร์มอร์ ในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่นั้น ชื่อของเขาดูเหมือนจะร้อนแรงและเป็นที่กล่าวขวัญถึงเสมอ แม้ว่าโดยธรรมชาติของเขาแล้ว เขาเป็นคนที่เก็บตัวและทำตัวลึกลับ การใช้ชีวิตและแนวความคิดในการลงทุนของ JL นั้น value investor หลายคนอาจไม่เห็นด้วย และไม่เชื่อว่ามันเป็นหลักการที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม การศึกษาทำความเข้าใจนั้น น่าจะมีประโยชน์ไม่น้อย เหนือสิ่งอื่นใด นักลงทุน กับ นักเก็งกำไร ต่างก็เล่นอยู่ในตลาดเดียวกัน บางครั้ง ก็เล่นหุ้นตัวเดียวกัน เส้นแบ่งระหว่าง นักเก็งกำไร กับ นักลงทุน บางครั้งก็ไม่อาจรู้ได้ว่า สิ่งที่เราทำนั้น เก็งกำไรหรือลงทุนกันแน่ ???