Sequence of the outcome misconception ลำดับของผลการซื้อขายที่เกิดขึ้นนั้น สำคัญไฉน

ลำดับของผลการซื้อ-ขายที่เกิดขึ้นนั้น สำคัญไฉน?
สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดไปโดยไม่ตั้งใจในการเล่นหุ้นก็คือ เรื่องผลกระทบจาก “ลำดับ” ของผลจากการซื้อขายที่เกิดขึ้นตามระบบ สิ่งนี้กลายเป็นอุปสรรคในการทำตามระบบไปโดยอัตโนมัติ วันนี้ผมจะแสดงให้เห็นถึงผลของ “ลำดับ” ที่เกิดขึ้นว่า มันมีผลต่อผลกำไรที่ปลายทางอย่างไร และทำไมความเข้าใจถึงสิ่งนี้จึงมีผลกระทบต่อ “วินัย” ของเราครับ




แนวคิดสำคัญอย่างหนึ่งที่เราควรต้องเข้าใจก็คือ
ภายใต้ผลลัพธ์ของซื้อขายที่เกิดขึ้นหลายๆครั้งติดกันนั้น การเปลี่ยนแปลงของ “ลำดับ” หรือผลการซื้อ-ขายที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง ไม่มีผลต่อกำไรสุทธิที่ปลายทางของมัน ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งในการลงทุนแบบ Non reinvestment (ไม่เอากำไรกลับไปลงทุนใหม่) และ Reinvestment (นำกำไรที่ได้กลับไปลงทุนใหม่อีก)
ตารางข้างล่างจะแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์สุดท้าย ซึ่งนั่นก็คือกำไรสุทธิจากการซื้อ-ขายทั้งหมด 4 ครั้ง ของทั้งการลงทุนแบบ Non reinvestment และ Reinvesment จากระบบการลงทุนรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีความแม่นยำที่ 50% โดยจะได้กำไรครั้งละ 50% และขาดทุนครั้งละ 40% ของเงินเดิมพัน (ในที่นี้คือ bet เงินทั้งกองที่เรามี)
Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้น แบบที่หนึ่ง :
No Reinvestment
With Reinvestment
ลำดับการซื้อขาย
กำไร-ขาดทุน
เงินทุนที่เหลืออยู่
กำไร-ขาดทุน
เงินทุนที่เหลืออยู่
100
100
1
-40
60
-40
60
2
50
110
30
90
3
-40
70
-36
54
4
50
120
27
81
.
Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้น แบบที่สอง :
No Reinvestment
With Reinvestment
ลำดับการซื้อขาย
กำไร-ขาดทุน
เงินทุนที่เหลืออยู่
กำไร-ขาดทุน
เงินทุนที่เหลืออยู่
100
100
1
50
150
50
150
2
-40
110
-60
90
3
50
160
45
135
4
-40
120
-54
81
.
Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้น แบบที่สาม :
No Reinvestment
With Reinvestment
ลำดับการซื้อขาย
กำไร-ขาดทุน
เงินทุนที่เหลืออยู่
กำไร-ขาดทุน
เงินทุนที่เหลืออยู่
100
100
1
50
150
50
150
2
50
200
75
225
3
-40
160
-90
135
4
-40
120
-54
81
.
Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้น แบบที่สี่ :
No Reinvestment
With Reinvestment
ลำดับการซื้อขาย
กำไร-ขาดทุน
เงินทุนที่เหลืออยู่
กำไร-ขาดทุน
เงินทุนที่เหลืออยู่
100
100
1
-40
60
-40
60
2
-40
20
-24
36
3
50
70
18
54
4
50
120
27
81
.
จากที่เราได้เห็นกันนั้น จะเห็นได้ว่าผลของการเปลี่ยนแปลงลำดับนั้น ไม่ได้ทำให้ผลลัพธ์สุดท้าย (กำไรสุทธิ) เปลี่ยนแปลงไปเลย ไม่ว่าเราจะมองจากทั้งในแง่ของ Non Reinvestment หรือแบบ Reinvestment ครับ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปคือ Maximum Drawndown หรือการลดลงของเงินทุนที่มากที่สุดระหว่างการการเล่น ตามตารางด้านล่างนี้ครับ
Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้นแบบที่ 1
No Reinvestment
Reinvestment
100 เหลือ 60 = 40 (40%)
100 เหลือ 54 = 46 (46%)
Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้นแบบที่ 2
No Reinvestment
Reinvestment
150 เหลือ 110 = 40 (27%)
150 เหลือ 81 = 69 (46%)
Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้นแบบที่ 3
No Reinvestment
Reinvestment
200 เหลือ 120 = 80 (40%)
225 เหลือ 81 = 144 (64%)
Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้นแบบที่ 4
No Reinvestment
Reinvestment
100 เหลือ 20 = 80 (80%)
100 เหลือ 36 = 64 (64%)
.
จากผลในตารางที่เกิดขึ้นนั้น เราจะเห็นได้ว่าการ Reinvest (นำกำไรกลับไปลงทุนใหม่) นั้น ไม่สามารถที่จะทำให้ผลของ Drawdown ที่เกิดขึ้นดีกว่าการ Non Reinvest (ไม่นำกำไรกลับไปลงทุน) ได้เลย อย่างไรก็ตาม ข้อดีของมันคือการที่ Drawdown จะลดน้อยลงเรื่อยๆเมื่อเกิดการขาดทุน เนื่องจากเงินทุนที่น้อยลงนั่นเอง และการ Reinvestment นั้นจะช่วยให้เงินทุนเติบโตเร็วกว่า Non Reinvestment เพราะเป็นผลมาจากการทบต้นของเงินทุน + กำไรนั่นเอง
ดังนั้น เมื่อเราได้เข้าใจแล้วว่า :
1.ลำดับของผลการลงทุน ไม่มีผลต่อกำไรสุทธิที่ปลายทาง
2.แม้กำไรสุทธิไม่เปลี่ยน แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ Drawdown
เราจึงควรที่จะเข้าใจและมั่นใจได้ว่า หากว่า ระบบการลงทุนของเรานั้นมี Expectancy (กำไรคาดหวัง) ที่เป็นบวก และเราไม่ bet ในแต่ละครั้งหนักจนเกินไป เรามีโอกาสอย่างสูงที่จะกลับมาทำกำไรได้อย่างมากมายเช่นเดิม ไม่ว่าเราจะเจอกับ Sequence ในรูปแบบไหนก็ตาม (เช่น เจอกับการขาดทุนติดๆกันหลายครั้ง ก่อนที่จะเริ่มมีกำไร) ดังนั้น การมีวินัยต่อสัญญาณการซื้อขายในทุกๆครั้งจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะไม่เช่นนั้นระบบการลงทุนอาจจะล่มได้เพราะตัวเราเอง และอีกอย่างก็คือระบบ Money Management ในส่วนของ Position Sizing หรือขนาดในการ bet แต่ละครั้งจะมีผลเป็นอย่างสูงต่อ “วินัย” ในการที่จะทำตามระบบการลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะหากว่าเราเดิมพันมากไปในแต่ละครั้ง เราอาจไม่สามารถที่จะทนต่อ Drawdown ที่เกิดขึ้นในทางที่แย่ที่สุดก็ได้ (Maximum Drawdown) และนี่คือสิ่งสำคัญที่เราต้องจำไว้ให้ดีครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓ วันพฤหัสบดี ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓ วันเสาร์ ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓