ปัญหาการมองเห็นที่นอกเหนือจากปัญหาสายตา : Visual Information Processing Disorder(VIPD)
ปัญหาการมองเห็นที่นอกเหนือจากปัญหาสายตา : Visual Information Processing Disorder(VIPD)
บุตรหลานหรือคนที่ท่านรู้จักมีปัญหาเหล่านี้หรือไม่
*
น้องเคจำคำศัพท์ได้น้อยและช้า
*
สมศรีมีปัญหากับการอ่านแผนที่
*
น้องแมกซ์มีลายมืออ่านยาก
*
น้องเออ่านหนังสือได้ช้า
*
สมปองมีความลำบากในการอ่านกราฟ
*
ปราณีคิดสิ่งที่ซับซ้อนไม่ได้
*
นายดำมีความลำบากในการเดินในบ้านตัวเองในที่มึด
*
นายจันทร์มีความจำสั้น
*
สมหมายขับรถชนบ่อยเนื่องจากกะระยะไม่ค่อยถูก
*
มานะหาของที่ต้องการไม่ค่อยเจอ
*
น้องอรสับสนด้านซ้ายและขวา
*
น้องแพนด้าจดงานตามอาจารย์ไม่ค่อยทัน
*
น้องเคคิดช้าไม่ค่อยทันเพื่อน
*
น้องนัททำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้ต่ำ
*
น้องอาร์มขาดทักษะทางด้านกีฬา ฯลฯ
ถ้าท่านตอบว่าใช่ มีความเป็นไปได้ที่คนดังกล่าวจะมี “ความบกพร่องของการประมวลผลข้อมูลจากการมองเห็น”( Visual Information Processing Disorder, VIPD) ซึ่ง เป็นข่าวดีคือ ความบกพร่องเหล่านี้ อาจสามารถแก้ไขได้ถ้าได้รับการตรวจวินิจฉัยและแก้ไขอย่างถูกต้อง มีคนมากมายที่ประสบกับปัญหาดังกล่าวโดยไม่ทราบมาก่อนว่ามีวิธีแก้ไขหรือ ฝึกฝนทำให้สามารถดังกล่าวดีขึ้นได้ อนึ่ง ปัญหา VIPD เป็นปัญหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาสายตา ดังนั้นผู้ที่มีสายตาปกติ ก็อาจมีปัญหาVIPDได้ หรือผู้ที่มีปัญหาสายตา สั้น ยาว หรือเอียง ก็อาจจะไม่มีปัญหา VIPDก็ได้ อีกข้อที่สำคัญคือ การที่เด็กมีปัญหา VIPD ไม่ ได้หมายความว่าเด็กมีสติปัญญาต่ำแต่อย่างใด ในทางตรงข้าม เด็กที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้จำนวนไม่น้อยมีสติปัญญาในเกณฑ์มาตรฐานและ บางคนเหนือกว่ามาตรฐานเสียด้วยซ้ำ
VIPD จัดเป็นปัญหาหนึ่งในกลุ่มของ ปัญหาความบกพร่องในการเรียนรู้ (Learning Disabilities) โดย ความบกพร่องในการเรียนรู้ เป็นชื่อเรียกโดยรวมของความผิดปกติที่ส่งผลต่อการเรียนรู้และทักษะด้านต่างๆ เช่น ด้านการพูด การฟัง การอ่าน การเขียน การสะกดคำ ความเป็นเหตุเป็นผล และการจัดการข้อมูล ฯลฯ อนึ่ง ความบกพร่องในการเรียนรู้ เป็นคำที่กว้างมาก และการที่เด็กมีความบกพร่องในการเรียนรู้ ไม่ได้หมายความว่าเด็กมีสติปัญญาต่ำแต่อย่างใด ในทางตรงข้าม เด็กที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ จำนวนไม่น้อยมีสติปัญญาในเกณฑ์มาตรฐานและบางคนเหนือกว่ามาตรฐานด้วยซ้ำ ตัวอย่างชนิดของ ความบกพร่องในการเรียนรู้ เช่น Visual Information Processing Disorders(VIPD), Auditory Information Processing Disorders(ความบกพร่องการประมวลผลข้อมูลจากการฟัง), Dyslexia(ความบกพร่องทางการอ่าน), Aphasia(ความบกพร่องทางการพูดและภาษา), Dysgraphia(ความบกพร่องทางการเขียน), Dyscalculia(ความบกพร่องทางการคำนวณ), Dyspraxia(ความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว) ฯลฯ
ความ บกพร่องในการเรียนรู้ เป็นเรื่องที่ใหญ่และใหม่สำหรับประเทศไทย โดยประมาณการ มีเด็กที่มีปัญหาความบกพร่องในการเรียนรู้อย่างใดอย่างหนึ่ง ประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอัตราที่สูงพอสมควร (ในอดีต เด็กกลุ่มนี้มักถูกมองว่าเป็นเด็กซน ไม่ตั้งใจเรียน ไม่มีสมาธิ เรียนไม่เก่ง ฯลฯ) อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาโดยละเอียดแล้วพบว่า สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของความบกพร่องในการเรียนรู้ คือ Visual Information Processing Disorders (VIP Disorders) เนื่องจากการเรียนรู้ของคนกว่า 80% มาจากการมองเห็น ดังนั้น VIP Disorders จึงเป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจอย่างมากในต่างประเทศ
Visual Information Processing (VIP) คือกลุ่มของทักษะ(ที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ภาพ) ที่ ใช้สำหรับนำข้อมูลภาพที่ได้รับรู้มาทำการผสมผสานกับการรับรู้ด้านอื่นและการ ทำงานของสมองขั้นสูง โดยสามารถอธิบายให้เข้าใจง่ายคือ การเห็นของมนุษย์ คือการรับรู้ภาพ(Visual sensation) โดยหลังจากการรับรู้ภาพแล้ว สมองของเรามีการนำภาพที่รับรู้ไปเป็นข้อมูลเพื่อทำงานต่ออีกหลายขั้นตอน(Processing) ยก ตัวอย่างเช่น การอ่าน เมื่อเราเห็นตัวหนังสือแล้ว สมองของเรายังต้องแปลผลจากการเห็น เทียบกับความทรงจำด้านคำศัพท์ที่อยู่ในสมอง ว่าศัพท์แต่ละคำมีความหมายว่าอย่างไร และเมื่อมารวมกันเป็นประโยคแล้ว มีความหมายอย่างไร ทำให้เราเกิดความเข้าใจในตัวอักษรที่เห็น หรือการเขียนหนังสือลงบนกระดาษ ขั้นตอนการทำงานของสมองคือต้องแปลความคิดหรือสิ่งที่ต้องการเขียนเป็นคำพูด และแปลจากคำพูดเป็นตัวอักษรแต่ละตัว(คือรูปภาพของตัวอักษร) ก่อน ที่จะสั่งการให้มือเขียนตัวอักษรอย่างที่ต้องการลงในกระดาษโดยควบคุมกล้าม เนื้อนิ้วมือเพื่อให้ลากเส้นดินสอไปในทิศทางที่เราต้องการ เกิดเป็นตัวหนังสือต่างๆ เป็นต้น โดยทักษะทาง VIP มี แบ่งแยกย่อยได้มากมาย ซึ่งถ้ามีทักษะใดทักษะหนึ่งบกพร่องหรือผิดปกติ ก็จะทำให้การทำงานที่ต้องอาศัยทักษะนั้นๆเป็นไปได้อย่างไม่ดีเท่าที่ควร อนึ่ง ทักษะต่างๆที่บกพร่องสามารถทำการฝึกฝนให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น ถ้าเราสามารถระบุได้ว่าทักษะใดของเด็กบกพร่องไป และทำการพัฒนาทักษะที่บกพร่องนั้นขึ้นมา จะทำให้เด็กสามารถทำกิจกรรมที่ต้องอาศัยทักษะนั้นๆได้ดีขึ้นด้วย
การระบุว่าเด็กคนหนึ่งมีความบกพร่องของทักษะต่างๆหรือไม่ สามารถทำได้โดยใช้แบบทดสอบ VIP ซึ่งประกอบด้วยแบบทดสอบย่อยสำหรับทดสอบทักษะต่างๆ โดยขั้นตอนการทำการทดสอบโดยย่อเป็นดังนี้
1.
ก่อนทำการทดสอบ เด็กควรผ่านการทดสอบอื่นๆมาแล้วดังนี้
o
ทดสอบ VA, วัดสายตา
o
ทดสอบการมองสองตา(Binocular vision, Accommodation, Vergence)
o
คัดกรองปัญหาโรคตาเพื่อส่งต่อไปยังจักษุแพทย์
2.
เลือกแบบทดสอบ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้จากการซักประวัติ การตรวจตา การสังเกต ฯลฯ
3.
ทำการทดสอบแต่ละแบบทดสอบ
o
แต่ละแบบทดสอบ อาจมีหลายแบบทดสอบย่อย (ดูรายละเอียดของแต่ละแบบทดสอบในส่วนต่อไป)
o
ทำแต่ละแบบทดสอบย่อยจนครบ ตามขั้นตอนรายละเอียดการทำการทดสอบของแต่ละแบบทดสอบย่อย
o
เมื่อทำการทดสอบครบทุกแบบทดสอบย่อยแล้ว ทำการคิดและรวมคะแนนตามวิธีของแต่ละแบบทดสอบ
o
นำคะแนนที่ได้ มาเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐาน เพื่อดูว่าคะแนนที่เด็กทำได้ อยู่ในช่วงใดเมื่อเทียบกับเด็กที่มีช่วงอายุเดียวกัน
4.
ทำการประเมินผลการทดสอบ และวางแผนการรักษาถ้าจำเป็น
แบบทดสอบที่เกี่ยวข้องกับ VIP ที่นิยมใช้มีดังนี้
1.
Visual Spatial Skills
1.
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
*
การทำงานร่วมกันของกล้ามเนื้อมัดต่างๆ การทรงตัว และการรับรู้ทิศทาง
*
Bilateral Integration รับรู้ทั้งสองด้านของร่างกาย
*
Laterality รับรู้และแยกแยะระหว่างสิ่งที่อยู่ด้านซ้ายและขวาของร่างกาย
*
Directionality แยกแยะระหว่างด้านซ้ายหรือด้านขวา สำหรับสิ่งที่อยู่ห่างตัวออกไป
2.
Non-motor Visual Processing
1.
Visual Discrimination Skills
*
ความสามารถในการแยกแยะความแตกต่างระหว่างสิ่งสองสิ่งหรือมากกว่าได้
*
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
o
เห็นความแตกต่างของตัวอักษรหรือคำ เช่น ระหว่าง “บ / ป” “บก / กบ”
o
รู้ถึงความแตกต่างของวัตถุ ทั้งรูปร่าง สี ขนาด ลวดลาย ฯลฯ
o
สามารถแยกแยะและบอกรายละเอียดของ ตาราง กราฟ และรูปภาพได้
2.
Visual Figure-Ground skills
*
ความสามารถในการแยกแยะวัตถุออกจากพื้นหลังได้
*
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
o
เห็นป้ายจราจร “หยุด” จากถนนที่มีการจราจรคับคั่งและมีป้ายต่างๆมากมาย
o
หาคำที่ต้องการจากตัวหนังสือ 1 หน้า
o
หาสิ่งของบนโต๊่ะท่ามกลางสิ่งของมากมาย
3.
Visual Closure
*
ความสามารถในการจินตนาการรูปร่างทั้งหมด เมื่อสามารถเห็นได้เพียงบางส่วน
*
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
o
รู้ถึงคำคำนั้น จากการมองผ่านเพียงชั่วขณะเดียว
o
รับรู้วัตถุได้ แม้เพียงได้มองเพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง
4.
Visual Spatial Relationship
*
ความเข้าใจความสัมพันธ์ของตำแหน่งวัตถุต่างๆรอบๆตัว
*
กิจกรรมที่เกี่่ยวข้อง
o
เขียนลายมืออ่านง่าย
o
รับรู้คำและตัวเลขเป็นหน่วยย่อยที่แยกจากกัน
o
รับรู้ระยะทาง ไกล้ ไกล
5.
Visual Memory & Visualization
*
ความจำได้ในสิ่งที่เคยเห็นแล้ว
*
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
o
ความทรงจำทั้งระยะสั้นและระยะยาว
o
ความทรงจำเหตุการณ์ต่อเนื่องและเหตุการณ์ที่เกิดพร้อมๆกัน
o
จำตัวอักษรและคำได้
o
สามารถจำแผนที่และเปลี่ยนกลับไปกลับมาระหว่างแผนที่และคำอธิบายได้
o
สามารถจำทางที่เดินได้เมื่อต้องเดินในที่มึด เช่น ลุกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนโดยไม่ได้เปิดไฟ
o
รู้ถึงรูปร่างทั้งหมดของสิ่งนั้นๆ แม้ว่าจะเห็นเพียงบางส่วน เช่น เห็นรถประจำทาง
3.
Visual Motor Processing
1.
Fine Motor
*
ความสามารถในการควบคุมมือ ทำงานที่มีความละเอียด
*
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
o
สามารถบังคับการเขียนให้เป็นได้ตามต้องการ
o
สามารถทำงานฝีมือที่มีความละเอียด ประณีตได้
2.
Visual-Motor Integration
*
ความสามารถในการใช้ทักษะทาง Non-motor และ Fine motor พร้อมกันเพื่อทำงานบางสิ่ง
*
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
o
การเขียนหนังสือ
o
การวาดรูป
o
การต่อตัวต่อเล็กๆ
o
การทำงานศิลป งานฝีมือเล็กๆ
3.
Visual Processing Speed
*
ความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว
*
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
o
การอ่านหนังสือได้เร็ว
o
การเขียนหนังสือได้เร็ว
o
การวาดรูปได้เร็ว
o
การรับรู้และเข้าใจรูปภาพต่างๆได้เร็ว
o
การทำงานให้เสร็จได้ดีในเวลาที่จำกัด
4.
Visual Attention(Impulsive/Reflective)
*
ความสามารถในการคิดแก้ไขปัญหา แทนที่จะเดาสุ่ม
*
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
o
การทำงานที่ต้องใช้ความคิด
o
การแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์
o
การคิดวิเคราะห์ข้อมูลก่อนการตอบหรือแก้ปัญหา
5.
Eye Movements
*
ความสามารถในการบังคับตาให้จับภาพและกรอกตาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ
*
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
o
การอ่านหนังสือ
o
การเล่นกีฬาที่มีการมองและความเร็วมาเกี่ยวข้อง เช่น ฟุตบอล เทนนิส บาสเกตบอล ปิงปอง ฯลฯ
จากการทดสอบย่อยที่กล่าวมา จะเห็นว่า VIP มี ความเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และกิจกรรมอย่างหลากหลาย โดยการทำการทดสอบและบำบัดผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้ ยิ่งทำได้เร็วจะยิ่งเป็นผลดีเท่านั้น
หมายเหตุ
*
การบำบัดจะได้ผลดี เมื่อความผิดปกติที่ยกตัวอย่างมาจากความบกพร่องของ VIP เท่านั้น ไม่รวมถึงจากสาเหตุอื่นเช่น ผู้ที่เป็นโรคที่มีผลต่อความสามารถในการเรียนรู้เช่น Down Syndrome ผู้ได้รับบาดเจ็บทางสมอง ผู้พิการหรือผู้ที่เป็นโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการทำกิจกรรมต่างๆ ฯลฯ
*
ก่อนตรวจ VIP ต้องแยกปัญหาอื่นๆออกจากปัญหา VIP ก่อนทุกครั้ง เช่น ปัญหาสายตา โรคตา ปัญหาการมองสองตา ปัญหาทางจิต ฯลฯ
ขอขอบคุณ อาจารย์ Andrya H. Lowther และ School of Optometry, Indiana University