การบริหารความเสี่ยง

สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญต่อการลงทุนระยะยาวที่สุดคือการบริหารความ เสี่ยง เพราะมันเป็นองค์ประกอบให้คุณอยู่ในเกมส์ได้ยาวนานเพียงพอ คนที่ออกจากเกมส์ก่อนไม่มีทางเป็นผู้ชนะ และโดยปกติการลงทุนมักจะไม่สามารถนิยามคำว่า “ชนะ” หรือ “จบการแข่งขัน” ได้ชัดเจนนัก เพราะถ้าเป็นการแข่งขันอื่น ๆ ที่มีกลไกทางเวลามาเกี่ยวข้อง ชัยชนะวัดกันที่เสียงนกหวีดหรือระฆังหมดเวลา (ดังนั้นเราจะบริหารความเสี่ยงได้ง่ายกว่า) แต่เกมส์การลงทุนยาวนานไม่น้อยไปกว่ากิเลสที่มนุษย์มี ผมจะพยายามลองไล่สิ่งที่ผมคิดว่าช่วยบริหารความเสี่ยงให้เราสามารถอยู่ใน เกมส์อย่างยาวนาน

1. Circle of Competency
สิ่ง ๆ นี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด คือความรอบรู้ และการเข้าใจถึงขอบเขตความรู้ตัวเอง ความไม่รู้คือความเสี่ยง และความไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้คือหนทางสู่หายนะ ความรู้ที่ผมพูดถึงคือ ความเข้าใจในตัวธุรกิจ ตั้งแต่รูปแบบการทำธุรกิจ ลูกค้า Supplier ผู้บริหาร การจัดการ การแข่งขัน คู่แข่ง ความเสี่ยงต่าง ๆ แนวโน้ม ฯลฯ ยิ่งรู้มากความเสี่ยงยิ่งลดลงเท่านั้น และการประเมินความรู้ตัวเองได้ จะช่วยให้คุณไม่เข้าไปลงทุนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ
2. Portfolio management
สิ่งที่สำคัญในการบริหารความเสี่ยงคือการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีโครงสร้างที่ ดีต่อวงจรเศรษฐกิจแบบต่าง ๆ หลายคนมุ่งเน้นการลงทุนแบบ Focus คือลงทุนในหุ้นน้อยตัว เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูง และชดเชยความเสี่ยงด้วยความเข้าใจในธุรกิจนั้นมาก ๆ ผมคิดว่าเป็นกลยุทธ์ที่ไม่เหมาะกับคนทั่ว ๆ ไป เพราะคุณจำเป็นต้องแน่ใจว่าคุณรู้มากกว่าหรือรู้ข้อมูลก่อนคนอื่น (ซึ่งบ่อยครั้งคนจะสำคัญตัวเองผิดไปว่าเหนือกว่าคนอื่นในตลาด) นอกจากนั้นเหตุการณ์ที่โอกาสเกิดต่ำมาก ๆ ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิด ธุรกิจอาจจะประสบปัญหาอะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึง ความผิดพลาดทั้งที่เกิดขึ้นในการบริหารและสภาวะแวดล้อม ไม่มีใครรู้ว่า Enrons จะล่มสลาย หรือ Lehman Brother, AIG ดังนั้น การมีหุ้นหลายตัวเป็นสิ่งจำเป็น การถือหุ้นตัวเดียวผมไม่คิดว่าเป็นแนวคิดที่ดี โดยเฉพาะกับโลกในยุคปัจจุบัน
3. Margin of Safety
นอกจากโครงสร้างข้างต้นแล้ว ตาข่ายอีกชั้นหนึ่งที่รองรับความเสี่ยงคุณได้คือส่วนต่างความปลอดภัยจาก มูลค่าของมัน ซึ่งสำหรับตัวผมเอง ไม่ได้กำหนดออกมาเป็นตัวเลขเป๊ะ ๆ เพราะหลาย ๆ ครั้ง มูลค่ากิจการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามสภาวะแวดล้อมหรือกิจการที่เปลี่ยน แปลงไป สิ่งที่มองเหมือนเป็นภาพรวม ๆ มากกว่า ยกตัวอย่าเหมือนเวลาซื้อรถยนต์มือสอง 1 คัน การที่จะตีราคาซื้อ คงไม่จำเป็นถึงกับว่าต้องไปดูทุกน้อตทุกตัว และเอามาตีราคา (และแน่นอนไม่ใช่การเปิดหนังสือเพื่อดูราคาตลาด เพราะรถแต่ละคันก็ไม่เหมือนกัน) แต่เราควรจะเข้าใจว่าการซื้อรถมือสอง สิ่งไหนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อมูลค่าที่สุด การเข้าใจองค์ประกอบหลัก ๆ ของเพียงพอในการชดเชยความผิดพลาดในการตีองค์ประกอบย่อย ๆ อีกส่วนหนึ่งที่ผมชอบดูคือ ถ้าราคาหุ้นยังไม่ขึ้นมาก และยังไม่ค่อยดัง ย่อมมีโอกาสที่จะมี Margin of Safety มากกว่า หุ้นที่ขึ้นไปเป็นบ้าเป็นหลังแล้ว
4. Quality of Business
สิ่งที่ผมคิดว่าช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างหนึ่ง คือคุณภาพของกิจการ กิจการคุณภาพสูงย่อมนำผลตอบแทนสู่ผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว ทำให้โอกาสที่คุณจะมีผลตอบแทนไม่ดี มีเพียงอย่างเดียว คือคุณซื้อกิจการในราคาที่สูงเกินไป และหลายครั้งการมีหุ้นคุณภาพดี ช่วยให้เรากล้าถือหุ้นได้ยาวนานขึ้น ซึ่งนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อีกเหตุผลหนึ่งคือ ถ้าคุณถือหุ้นที่ดี คุณก็ไม่จำเป็นต้องขายเพื่อไปซื้อหุ้นอื่น (ซึ่งเพิ่มความเสี่ยง) การมีธุรกิจที่ยิ่งเวลานาน ยิ่งแข็งแรง เป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดีอีกวิธีหนึ่ง
5. Reality and Truth of Investment
ความจริงที่ผมหมายถึงคือความไม่เพ้อฝันในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก เช่นบางคนแย้งผมว่า การลงทุนแบบปลอดภัยเหมาะสมกับผู้ที่มีพอร์ตโฟลิโอขนาดใหญ่แล้ว คนที่เพิ่งเริ่มต้นไม่ควรจะลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม ซึ่งผมไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น พอร์ตจะเล็กหรือใหญ่ก็สามารถลงทุนเสี่ยงได้มากหรือน้อยเท่ากัน ความสำคัญอยู่ในการจัดการความเสี่ยง แต่บางครั้งสิ่งที่ทำให้การลงทุนมีความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นคือ จุดมุ่งหมายที่ใหญ่เกินธรรมชาติของมัน หลายคนมุ่งเป้าผลตอบแทนระดับหลายสิบหรือร้อยเปอร์เซนต์ต่อปี ถ้ามาดูที่ข้อเท็จจริง ต้องยอมรับว่าการลงทุนที่ดีที่สุดในโลกอย่างบัฟเฟต มีผลตอบแทน 20% กว่า ๆ หรือถ้าคิดอีกแง่ว่า ถ้าการลงทุนให้ผลตอบแทนสูงขนาดนี้ บริษัทต่าง ๆ จะทำธุรกิจเองทำไม สู้ไปกู้เงิน(ที่มีต้นทุนไม่ถึงสิบเปอร์เซนต์) มาลงทุนมันคงจะง่ายและสบายกว่า แต่อันที่จริง การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงมาก ย่อมต้องมีเหตุผลของมัน และหลายครั้งเหตุผลของมันคือ มันไม่ใช่การลงทุน มันคือเกมส์การพนัน การเข้าใจข้อเท็จจริงข้อนี้ จะช่วยให้เราบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น
6. Prejudice
ความลำเอียงทำให้เราเสี่ยงมากขึ้น เช่นถ้าเรามองว่าหุ้นถูกเกินไป หรือมองว่าแพงเกินไป ฮ่องเต้จีนมีความลำเอียงในการฟังขันทีหรือกุนซือบางคน ย่อมเสี่ยงกว่าการมีใจเป็นกลาง ความลำเอียงเกิดได้หลายลักษณะ เช่นเกิดจากความมั่นใจในฝีมือตัวเอง มีเพื่อนถือหุ้นด้วยหลาย ๆ คน (โดยเฉพาะเซียน) เกิดการจากบริโภคข้อมูลข่าวสารด้านเดียว พุทธองค์กล่างถึงอคติว่ามี 4 ประการคือ 1. ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะชอบ เช่นชอบหุ้นตัวนี้ ชอบเซียนคนนี้ 2. โทสาคติ ลำเอียงเพราะชัง เช่น หุ้นตัวนี้เคยทำเราขาดทุน ไม่ชอบหน้าผู้บริหาร 3. โมหาคติ ลำเอียงเพราะหลง เพราะความเขลา คือความไม่รู้ข้อเท็จจริง 4. ภยาคติ ลำเอียงเพราะความกลัว เช่นในบางครั้งเราไม่ได้กล้าในตอนที่ทุกคนกลัว แต่กลับกลัวมากกว่า ทำให้พลาดโอกาสที่จะได้หุ้นถูก ๆ ซึ่งช่วยเราบริหารความเสี่ยงได้ในระยะยาว
7. Votality
ความผันผวนคือความเสี่ยงในทฤษฎีการเงิน แต่ในความเห็นผม ความผันผวนอันที่จริงไม่ได้ทำให้คุณเสี่ยงเลย ถ้าคุณซื้อหุ้นโดยไม่ได้คิดว่าจะเพื่อจะ”ขาย” ตั้งแต่ต้น การซื้อหุ้นเหมือนการลงทุนทำธุรกิจ แต่มีกับดักคือสภาพคล่องสูงกว่ามาก คือสามารถ exit ได้ตลอดเวลา แต่สภาพคล่องไม่เคยช่วยให้คนลงทุนดีขึ้น ปีเตอร์ ลินซ์บอกว่าถ้าคุณดูหุ้นบ่อยครั้งน้อยลง จะทำให้ผลตอบแทนดีขึ้นโดยแทบไม่ต้องทำอะไร หลายคนพลาดโอกาสทำกำไรเพราะถือหุ้นได้กำไรไม่มากก็ขาย Zone ของ PE ขายของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จควรจะสูงกว่านักลงทุนทั่วไปมาก ๆ เพราะทำให้เขาไม่จำเป็นต้องขายในสภาวะตลาดผันผวน ในทางกลับกันความผันผวนคือเพื่อน คือ Mr. Market ที่เราควรจะคบเขาไว้เป็นมิตร
8. Review
การทบทวนตัวเอง และทบทวนหุ้นที่ตัวเองถือตลอดเวลา คือสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยง โดยปกติ ผมจะทบทวนปีละครั้งแบบจริงจัง ในรายไตรมาสเราก็ดูงบคร่าว ๆ ติดตามข่าวสารของกิจการเป็นหลัก ถ้ากิจการดี พื้นฐานดี แค่ไตรมาส หรือสองไตรมาสไม่ทำให้มันเปลี่ยนไปได้มากขนาดนั้น อย่าลืมว่ากิจการประกอบด้วยคนเป็นร้อยเป็นพัน ลูกค้า และผู้ขาย มากมายนับไม่ถ้วน ถ้าไม่ใช่กิจการที่คุณภาพกำไรน้อย (ซึ่งไม่เข้าข่ายกิจการที่มีคุณภาพ) การทบทวนบ่อย ๆ เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น นอกเสียจากคุณยังเข้าใจกิจการดีไม่พอ
ช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน ก็ขอให้บริหารความเสี่ยงตามความเหมาะสมนะครับ อันที่จริงในตลาดมีความเชื่ออีกหลายอย่าง ซึ่งผมเห็นด้วยแค่ครึ่งเดียว (เพราะอีกครึ่งหนึ่งมันคือการบริหารความเสี่ยงของ Trader มากกว่า) เช่นการแนะนำให้เข้าออกเร็ว การ Cut Loss ตั้งจุด Stop Loss หรือแม้แต่การดู Beta, Correlation ดูการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ ปรับมาใช้กับตัวเองให้เหมาะสมสำคัญที่สุด

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓ วันพฤหัสบดี ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓ วันเสาร์ ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓