เริ่มต้น 'ลงทุนหุ้น' อย่างไรดี?
เมื่อปีที่แล้วตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงลิ่ว สำหรับคนที่มีเงินฝากนอนแช่อยู่ในแบงก์ รับดอกเบี้ยต่ำติดดินอย่างทุกวันนี้ อาจจะคันไม้คันมืออยากจะนำเงินมา "ซื้อหุ้น" เหมือนกัน
แต่ไม่รู้ ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี กลัว "ขาดทุน" ก็กลัว ขณะเดียวกันก็อยากได้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก กล้าๆ กลัวๆ เลยไม่ได้ซื้อหุ้นสักที
อีกกลุ่มหนึ่ง ก็คือ ผู้ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดหุ้นได้ไม่นานมานี้ หลายคนอยากได้ผลตอบแทนเยอะๆ เหมือนพรรคพวกบ้าง เลยขนเงินเข้าตลาดหุ้นกันยกใหญ่
โดยเฉพาะผู้ที่ มาใหม่เพิ่งเข้าตลาดหุ้นเมื่อปลายปีที่แล้วหรือต้นปีนี้ ปรากฏว่า ส่วนใหญ่จะเกิดอาการ "บาดเจ็บ" จากตลาดหุ้นกัน บางคนอาจจะ "เข็ด" ตลาดหุ้นไปเลย แต่ก็มีบางส่วนที่อยากจะกลับมา ?เอาเงินคืน? บ้างเหมือนกัน กลุ่มนี้ถ้าลองพิจารณาทบทวนการลงทุนของตนเองดู อาจจะพบว่า เราผิดพลาดตรงไหน...
การเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น นอกเหนือจากที่จะต้องมีเงินสดส่วนหนึ่งสำหรับซื้อหุ้น และต้องไปเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์แล้ว
สิ่ง ที่ผู้ที่อยากจะเริ่มลงทุนหรือนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นการลงทุนใหม่ๆ ไม่ได้คำนึงถึงมากนัก แต่เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สามารถสรุปได้คร่าวๆ ได้ดังต่อไปนี้
หนึ่ง: ต้องมีหลักการ
การ ขนเงินเข้า "ตลาดหุ้น" โดยไม่มีหลักการอะไรประจำตัว ก็เหมือนกับการ "ล่องเรือในมหาสมุทร" โดยไม่มีหางเสือเรือ โอกาสที่จะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้ก็คงจะมีไม่มากนัก หลักการเกิดขึ้นได้จากอะไรบ้าง
ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้จาก "ประสบการณ์" ของตัวเองจากการลงทุนในตลาดมานานพอสมควร ลองผิดลองถูก แล้วค่อยๆ สั่งสมกลายเป็น ?หลักการ? ประจำตัวของตนเอง
อีกส่วนหนึ่ง อาจจะเกิดจากการค้นคว้าหา "ความรู้" โดยการอ่านหนังสือการลงทุนแล้วนำ มาทดลองปฏิบัติจนเหมาะสมกับการลงทุนของตนเอง หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือการสอบถามวิธีการจากนักลงทุนที่มีประสบการณ์แล้วนำมา ประยุกต์ใช้
วิธีที่จะทดสอบตัวท่านเองว่า ท่านมี ?หลักการ?ประจำตัวหรือเปล่า ก็คือ...
ถามตัวเองว่า "ท่านจะทำอย่างไรถ้าหุ้นที่ท่านถืออยู่ ราคาตกต่ำลงอย่างรุนแรง" ถ้าท่านทำอะไรไม่ถูก วิตกกังวล กลุ้มใจ นอนไม่หลับ เวลาที่เห็นหุ้นในพอร์ตราคาตกเอาๆ แสดงว่า ท่านไม่มี ?หลักการ? ในการลงทุนประจำตัวที่เพียงพอ
สอง: ข้อมูลที่เพียงพอ
นอก เหนือไปจาก ?หลักการในการลงทุน? แล้ว สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนจะต้องมีก็คือ "ข้อมูล" ถ้าท่านมีหลักการการลงทุนเป็น "นักลงทุนตามปัจจัยพื้นฐาน"
ข้อมูลที่ท่านต้องการก็คือ งบการเงินของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งบกำไรขาดทุน งบดุล หรือ งบกระแสเงินสด รวมทั้งข้อมูลพื้นฐานของบริษัทและอุตสาหกรรมนั้นๆ
งบการเงินเหล่านี้สามารถหาได้จากเวบไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ หรือ สามารถใช้บริการจากบริษัทหลักทรัพย์ที่ท่านเปิดบัญชีอยู่ได้
งบ การเงินเป็นเสมือนลายแทงที่เราใช้ในการค้นหา "ขุมทรัพย" ของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ที่ซ่อนเอาไว้ ขณะเดียวกันเราก็สามารถค้นหา "ระเบิดเวลา" ของบริษัทเหล่านั้นได้ก่อนที่จะโผล่ออกมา การอ่านงบการเงินจำเป็นต้องมีความรู้ทางบัญชีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ขนาดดอกเตอร์ก็เข้าใจได้ ไม่ได้ยากจนเกินไป
ถ้าท่านมีหลักการการลงทุนเป็น ?นักลงทุนแบบเทคนิค? ข้อมูลที่ท่านจะต้องมีก็คือ กราฟและข้อมูลทางสถิติต่างๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจการลงทุน
สาม: เตรียมจิตใจให้พร้อม
การเข้าตลาดหุ้นโดยไม่มีการเตรียม "จิตใจของตนเอง" ให้ดีพอ อาจจะทำให้ท่านมีโอกาส "ขาดทุน" ได้มาก
เพราะตลาดหุ้นเป็นที่ทดสอบจิตใจของนักลงทุนเป็นอย่างดี
คนส่วนใหญ่เมื่อตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะตกต่ำ ราคาหุ้นร่วงลงอย่างมาก จะเกิดอาการตกใจ และกลัวที่จะขาดทุนมากกว่าเดิม เลยขายหุ้นออกไป
บ่อย ครั้งที่พอขายหุ้นไป ราคาหุ้นตัวนั้นกลับดีดกลับไปที่ราคาสูงกว่าที่ขายไปอย่างน่าเสียดาย เป็นเพราะจิตใจที่หวั่นไหวไปตามกระแสของตลาดหุ้น ทำให้เราเกิด "ความกลัว" ขึ้นในจิตใจ เมื่อเห็นราคาหุ้นที่เราถืออยู่ลดลงอย่างน่าใจหาย
การ เตรียมจิตใจก่อนที่จะเข้าตลาดหุ้นนับว่ามีความสำคัญมาก เพราะการมีจิตใจที่มั่นคงไม่หวั่นไหวต่อความผันผวนของตลาดหุ้น จะเป็นเกราะป้องกันตัวของท่านจากการ "ขาดทุน" เนื่องจาก "ความกลัว" ในจิตใจของท่านเองได้
สำหรับผู้ที่กำลังคิดจะเข้าลงทุนในตลาดหุ้น หรือผู้ที่กำลังพิจารณาการลงทุนของตัวเอง เพื่อที่จะตั้งหลักลงทุนใหม่ หัวข้อทั้งสามที่กล่าวมาแล้วคือ การมีหลักการการลงทุนประจำตัว การมีข้อมูลในการลงทุนที่เพียงพอ และการเตรียมจิตใจให้พร้อมต่อตลาดหุ้น
... คือ สิ่งที่ท่านจะต้องนำติดตัวไปด้วย ก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น และยังเป็นการช่วยหาคำตอบที่ว่า ทำไมเวลาลงทุนหุ้น เรามักจะ "ซื้อแพง" และ "ขายถูก" อยู่บ่อยๆ
แต่ไม่รู้ ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี กลัว "ขาดทุน" ก็กลัว ขณะเดียวกันก็อยากได้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก กล้าๆ กลัวๆ เลยไม่ได้ซื้อหุ้นสักที
อีกกลุ่มหนึ่ง ก็คือ ผู้ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดหุ้นได้ไม่นานมานี้ หลายคนอยากได้ผลตอบแทนเยอะๆ เหมือนพรรคพวกบ้าง เลยขนเงินเข้าตลาดหุ้นกันยกใหญ่
โดยเฉพาะผู้ที่ มาใหม่เพิ่งเข้าตลาดหุ้นเมื่อปลายปีที่แล้วหรือต้นปีนี้ ปรากฏว่า ส่วนใหญ่จะเกิดอาการ "บาดเจ็บ" จากตลาดหุ้นกัน บางคนอาจจะ "เข็ด" ตลาดหุ้นไปเลย แต่ก็มีบางส่วนที่อยากจะกลับมา ?เอาเงินคืน? บ้างเหมือนกัน กลุ่มนี้ถ้าลองพิจารณาทบทวนการลงทุนของตนเองดู อาจจะพบว่า เราผิดพลาดตรงไหน...
การเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น นอกเหนือจากที่จะต้องมีเงินสดส่วนหนึ่งสำหรับซื้อหุ้น และต้องไปเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์แล้ว
สิ่ง ที่ผู้ที่อยากจะเริ่มลงทุนหรือนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นการลงทุนใหม่ๆ ไม่ได้คำนึงถึงมากนัก แต่เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สามารถสรุปได้คร่าวๆ ได้ดังต่อไปนี้
หนึ่ง: ต้องมีหลักการ
การ ขนเงินเข้า "ตลาดหุ้น" โดยไม่มีหลักการอะไรประจำตัว ก็เหมือนกับการ "ล่องเรือในมหาสมุทร" โดยไม่มีหางเสือเรือ โอกาสที่จะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้ก็คงจะมีไม่มากนัก หลักการเกิดขึ้นได้จากอะไรบ้าง
ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้จาก "ประสบการณ์" ของตัวเองจากการลงทุนในตลาดมานานพอสมควร ลองผิดลองถูก แล้วค่อยๆ สั่งสมกลายเป็น ?หลักการ? ประจำตัวของตนเอง
อีกส่วนหนึ่ง อาจจะเกิดจากการค้นคว้าหา "ความรู้" โดยการอ่านหนังสือการลงทุนแล้วนำ มาทดลองปฏิบัติจนเหมาะสมกับการลงทุนของตนเอง หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือการสอบถามวิธีการจากนักลงทุนที่มีประสบการณ์แล้วนำมา ประยุกต์ใช้
วิธีที่จะทดสอบตัวท่านเองว่า ท่านมี ?หลักการ?ประจำตัวหรือเปล่า ก็คือ...
ถามตัวเองว่า "ท่านจะทำอย่างไรถ้าหุ้นที่ท่านถืออยู่ ราคาตกต่ำลงอย่างรุนแรง" ถ้าท่านทำอะไรไม่ถูก วิตกกังวล กลุ้มใจ นอนไม่หลับ เวลาที่เห็นหุ้นในพอร์ตราคาตกเอาๆ แสดงว่า ท่านไม่มี ?หลักการ? ในการลงทุนประจำตัวที่เพียงพอ
สอง: ข้อมูลที่เพียงพอ
นอก เหนือไปจาก ?หลักการในการลงทุน? แล้ว สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนจะต้องมีก็คือ "ข้อมูล" ถ้าท่านมีหลักการการลงทุนเป็น "นักลงทุนตามปัจจัยพื้นฐาน"
ข้อมูลที่ท่านต้องการก็คือ งบการเงินของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งบกำไรขาดทุน งบดุล หรือ งบกระแสเงินสด รวมทั้งข้อมูลพื้นฐานของบริษัทและอุตสาหกรรมนั้นๆ
งบการเงินเหล่านี้สามารถหาได้จากเวบไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ หรือ สามารถใช้บริการจากบริษัทหลักทรัพย์ที่ท่านเปิดบัญชีอยู่ได้
งบ การเงินเป็นเสมือนลายแทงที่เราใช้ในการค้นหา "ขุมทรัพย" ของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ที่ซ่อนเอาไว้ ขณะเดียวกันเราก็สามารถค้นหา "ระเบิดเวลา" ของบริษัทเหล่านั้นได้ก่อนที่จะโผล่ออกมา การอ่านงบการเงินจำเป็นต้องมีความรู้ทางบัญชีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ขนาดดอกเตอร์ก็เข้าใจได้ ไม่ได้ยากจนเกินไป
ถ้าท่านมีหลักการการลงทุนเป็น ?นักลงทุนแบบเทคนิค? ข้อมูลที่ท่านจะต้องมีก็คือ กราฟและข้อมูลทางสถิติต่างๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจการลงทุน
สาม: เตรียมจิตใจให้พร้อม
การเข้าตลาดหุ้นโดยไม่มีการเตรียม "จิตใจของตนเอง" ให้ดีพอ อาจจะทำให้ท่านมีโอกาส "ขาดทุน" ได้มาก
เพราะตลาดหุ้นเป็นที่ทดสอบจิตใจของนักลงทุนเป็นอย่างดี
คนส่วนใหญ่เมื่อตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะตกต่ำ ราคาหุ้นร่วงลงอย่างมาก จะเกิดอาการตกใจ และกลัวที่จะขาดทุนมากกว่าเดิม เลยขายหุ้นออกไป
บ่อย ครั้งที่พอขายหุ้นไป ราคาหุ้นตัวนั้นกลับดีดกลับไปที่ราคาสูงกว่าที่ขายไปอย่างน่าเสียดาย เป็นเพราะจิตใจที่หวั่นไหวไปตามกระแสของตลาดหุ้น ทำให้เราเกิด "ความกลัว" ขึ้นในจิตใจ เมื่อเห็นราคาหุ้นที่เราถืออยู่ลดลงอย่างน่าใจหาย
การ เตรียมจิตใจก่อนที่จะเข้าตลาดหุ้นนับว่ามีความสำคัญมาก เพราะการมีจิตใจที่มั่นคงไม่หวั่นไหวต่อความผันผวนของตลาดหุ้น จะเป็นเกราะป้องกันตัวของท่านจากการ "ขาดทุน" เนื่องจาก "ความกลัว" ในจิตใจของท่านเองได้
สำหรับผู้ที่กำลังคิดจะเข้าลงทุนในตลาดหุ้น หรือผู้ที่กำลังพิจารณาการลงทุนของตัวเอง เพื่อที่จะตั้งหลักลงทุนใหม่ หัวข้อทั้งสามที่กล่าวมาแล้วคือ การมีหลักการการลงทุนประจำตัว การมีข้อมูลในการลงทุนที่เพียงพอ และการเตรียมจิตใจให้พร้อมต่อตลาดหุ้น
... คือ สิ่งที่ท่านจะต้องนำติดตัวไปด้วย ก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น และยังเป็นการช่วยหาคำตอบที่ว่า ทำไมเวลาลงทุนหุ้น เรามักจะ "ซื้อแพง" และ "ขายถูก" อยู่บ่อยๆ