เปิดตำนาน วิธีการเล่นหุ้นแบบ “เซียนเต่า” The Turtle Trader !! (ตอนที่ 2)
สวัสดีกันอีกครั้งครับคราวที่แล้วที่ค้างไว้ว่าจะนำเรื่องของ “เซียนเต่า” The Turtle trader มาฝากความจริงผมอยากนำมาแปลมาลงทั้งหมด เกี่ยวกับ Original Turtle trading rules แต่คาดว่ามันจะยาวไป เลยขอนำเอาตอนที่ 3 ของหนังสือหุ้นเล่มนีมาฝากกัน เป็น Idea เกี่ยวกับเรื่องของ Position Sizing ของระบบของพวก “เซียนเต่า” TheTurtle trader แล้วกันนะครับ
ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นวิธีการเล่นหุ้นที่มีนานมาแล้วแต่คิดว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยรู้ว่ามีไอเดียแบบนี้อยู่ โดยปกติแล้วเรามักจะรุ้จักแต่การกำหนด Cut loss โดยอิงกับราคาที่เราคิดว่าหุ้นมันไปผิดทางแล้ว แล้วนำมาคำนวนsize ของจำนวนเงินและจำนวนหุ้นที่จะซื้อเช่น กำหนด Portfolio Risk ไว้ที่ 2% ถ้าพอร์ท 1ล้านบาทเท่ากับว่าคุณยอมเสียตังค์แต่ละเทรดเป็นเงิน 2หมื่นบาท เอาล่ะทีนี้ราคาหุ้นที่คุณจะซื้อคือ 10 บาท จุดหักกลับที่คุณคิดว่าหุ้นไปผิดทางคือหรือ cut loss 9 บาท นั่นก็คือ ถ้าคุณนำเอาเงิน 20,000 บาท มาเทียบว่ามีค่าเท่ากับส่วนต่าง 1 บาทของเราคาหุ้น เราซื้อหุ้นที่ราคา 10 บาทจะเป็นเงิน 200,000 นั่นเอง ( ไม่รวมคอมมิสชั่น )
ถ้ายัง งงๆ นะครับ
Portfolio Risk = 1,000,000 * 2% = 20,000 บาท
หา Size ของจำนวนเงินที่จะเทรดได้โดย
- หาจุด Cut loss ก่อน เช่นซื้อ 10 บาท ขาย 9 บาท ส่วนต่าง = 1 บาท
- นำส่วนต่าง1บาทมาเทียบกับ Port risk = 20,000
- เมื่อ 20,000/1 บาท ถ้าหุ้นราคา 10 บาทต้องใช้เงิน = 200,000 บาท
- พูดเป็น สมการง่ายๆคือ Port risk/ส่วนต่าง * ราคาหุ้น นั่นเองครับ ทีนี้เราก็หาจำนวนเงินที่จะซื้อได้ง่ายๆแล้วนะครับ
- จริงๆ สูตรสมการนี้จะง่ายกว่าเดิมอีก เอาแบบลัดไปอีก เอาเป็นหาจำนวนหุ้นที่จะซื้อเลย ก็แค่นำ Port risk/ส่วนต่าง = จำนวนหุ้นที่จะซื้อแล้วครับ
นี่คือวิธีการคำนวนเงินในพอรท์ที่เราจะนำมาซื้อโดยทั่วไปแต่ เหล่า “เซียนต่า” Turtle trader มีวิธีการที่ต่างไป คือคิดตามค่า N หรือ Average True Range ของหุ้น เป็นยังไงลองอ่านดูครับ ( สำหรับคนที่หัวช้าในการคำนวนผมหาโปรแกรมมาช่วยแล้วนะครับ ใช้ง่ายดีครับ “ฟันธง” !! )
Position Sizing
“นักเล่นหุ้นแบบ Turtle trader ใช้ค่าความผันผวนของตลาดมาเป็นตรรกะในการหา Position size”
การกำหนดขนาดของ position นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่มีคนเข้าใจน้อยที่สุดในการเล่นหุ้น Turtle trader นั้นใช้กระบวนการคิดหา Posiotion Size ที่ต่างไปจากนักเล่นหุ้นในยุคนั้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเขานำค่าความผันพวนมาคำนวน นั่นหมายความว่า Position ของเราจะมีค่าตามความผันผวนของตลาดนั่นเอง
อีกนัยหนึ่งก็คือหากตลาดมีค่าของความผันพวนสูงจะทำให้ Position Size ของเรามีขนาดเล็กลงกว่าการเล่นหุ้นในตลาดที่มีความผันผวนน้อยกว่า
ค่า ความผันผวนนี้มีความสำคัญมากที่จะนำมาใช้เนื่องจากมันจะทำให้เรา มีโอกาศได้เงินและเสียเงินจำนวนพอๆกัน แม้ว่าหุ้นเหล่านั้นจะเคลื่อนใหวแรงหรือช้าต่างกัน นั่นทำให้เราสามารถควบคุมความเสี่ยงจากการเล่นหุ้นที่ต่างตัวกันไป หรือต่างตลาดกันไป
ถึง แม้ว่าความผันผวนของการเคลื่อนใหวของหุ้นที่เรามีนั้นจะน้อยกว่าหุ้นตัวอื่น ที่เรามี แต่ผลที่ได้รับออกมาจะไม่แตกต่างกันเนื่องจากเราจะมีหุ้นที่มีค่าความผันผวน ต่ำอยู่มากกว่าหุ้นที่มีความผันผวนสูงนั่นเอง
Volatility and Meaning of Nค่าความผันผวนและความหมายของ N
Turtle trader นำคอนเซปท์ที่ได้รับจาก Richard Dennis และ Bill Eckhardt มาใช้ คอนเซปท์นี่ถูกเรียกง่ายๆว่า N ซึ่งหมายถึงค่าความผันผวนของตลาด ( พูดง่ายๆคือการนำค่า N มาใช้ในการ cut loss นั่นเองครับ )
N คือค่า 20 days Moving average คำนวนแบบ Simple ของค่า True range ( ค่าสมบูรณ์ของการเคลื่อนใหว) ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่า ATR( Average true range ) ค่า N นั้นแสดงถึงค่า ATR ในตลาดหรือหุ้นต่างๆในช่วงเวลานั้นๆ สูตรการหา ATR คือ
True range = Maximum(H-L,H-PDC,PDC-L)
โดย
H = High จุดสูงสุดของวัน
L = Low จุดต่ำสุดของวัน
PDC = Previous day’s close ราคาปิดเมื่อวันก่อน
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
การหาค่าของ N คือ
N = (19 * PDN + TR)/20
โดย
PDN = Previous day’s N ค่าN ของวันก่อน
TR = True range ค่าระยะความผันผวนสมบูรณ์ ( ค่าจะเป็นเลขจำนวนสมบูรณ์ ไม่มีค่าติดลบ )
สังเกตุว่าการหาค่า N นั้นต้องนำค่า N ของวันก่อนมาใช้ด้วย ค่าที่นำมาใช้ ของ N ในการหา Position Size คือ 20 days Moving average แบบsimple ของ True range ( ใครอยากลองทำไม่ต้องคิดให้ปวดหัวนะครับในโปรแกรม Metastock มี indicator : ATR ให้อยู่แล้วลองไปหาดูแล้วกำหนดเป็น 20 วัน )
Dollar Volatility adjust (การปรับแต่งค่าความผันผวนเป็นจำนวนเงิน)
ขั้นแรกเราในการหา Position Size นั้นเราต้องปรับแต่งให้ค่า N นี้กลายเป็นจำนวนของเงินขึ้นมาก่อน
( ในกรณีที่เล่น คอมโมดิตี้ หรือ ฟิวเจอร์ต่างๆ นะครับเนื่องจาก 1 จุดจะไม่เท่ากับ 1 บาทเหมือนการเล่นหุ้น ) หาได้โดยการคำนวน
Dollar Volatility = N * Dollar Per Unit
เช่น ง่ายๆนะครับ1 จุดมีค่า 1000 เหรียญ ถ้า N ที่ได้จากค่าความผันผวนคือ 10 จุด นั่นคือค่าความผันผวนทั้งหมดคิดเป็น 10000เหรียญครับ นี่คือราคาที่เราต้องจ่ายต่อ 10 จุดหรือ 1N นั่นเอง
แต่หากเราเล่นหุ้นก็ไม่ยุ่งยากอะไรครับ ง่ายๆก็คือ
เช่น ราคาหุ้น 10 บาท เถ้าราได้ค่า N ที่ 1 บาทเราก็ไม่ต้องแปลงเพิ่มเติมอะไรครับ มันก็คือการหาจุด cut loss จาก Volatility นั่นเองและนั่นคือ ค่าความผันผวนสูงสุดที่ยอมได้และหากหุ้นเคลื่อนใหวผิดจากที่คิดถึงจุดนี้ต้องขายทิ้ง
Volatility adjust position unit ( การนำมูลค่าที่ได้จากการผันผวนมาหาขนาดของ Position )
ง่ายๆอีกเช่นเคย สูตรคือ Unit Size (= 2% * Portfolio Value) / N * Dollar per point
ในกรณีนี้ถ้าเล่นหุ้นก็ เอาค่า N มาคิดได้เลยนะครับ เช่น portfolio เรามีเงิน 1,000,000 บาท 2% คือ 20,000 นี่คือเงินที่เรายอมเสียในแต่ละครั้ง เอามาหารด้วย N ( นำ N มาเป็นจุด Stop loss ) เช่นหุ้นที่เราต้องการซื้อคือ 10 บาทและ N คือ 1 บาทเราจะ Cut loss ที่ 9 บาทนั่นเองครับ ทีนี้เอา 20,000 มาหารด้วย N=1 จะได้จำนวนหุ้นครับ กี่ unit ก็ว่าไปในที่นี้ได้ 20,000 หุ้น จะต้องใช้เงินทั้งหมด 10บาท*20,000หุ้น = 200,000 บาท
มึนกันรึปล่าวครับ สรุปง่ายสำรับวันนี้ให้ก่อนนะครับ พวกเซียนหุ้น Turtle trader เนี่ยเค้ามีวิธีการหา Position size จากจุด Cut loss ที่ต่างไปกับเราๆครับ เช่นเราอาจจะกำหนดจุดขาย cut lossตามการหลุด trend line แล้วนำมาหา Position Size ในการเทรด แต่พวก “เซียนเต่า” Turtle trader จะใช้ ค่าเบี่ยงเบน Volatility มาใช้แทนครับ ซึ่ง วิธีการเล่นหุ้นแบบนี้จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจาก “อุบัติเหตุ”ที่ไม่คาดคิด หรือที่เรียกว่า Price shock ได้ดีกว่าครับ และนี่ก็คือเนื้อหา เปิดตำนาน วิธีการเล่นหุ้นแบบ “เซียนเต่า” The Turtle trader !! ในตอนที่ 2 นะครับ เจอกันอีกครั้งบทหน้าครับ ที่ แมงเม่าคลับ.คอม ครับ