บทที่ 7.4 : ฌาน ๔

ฌาน ๔

ฌาน คือ ภาวะที่จิตสงบประณีต เป็นสมาธิแน่วแน่ เหนือกว่าสมาธิธรรมดา เมื่อพระภิกษุกระทำจิตให้

สงบสงัด เป็นสมาธิละเอียดอ่อน ก็จะเข้าฌารระดับต่าง ๆ ไปตามลำดับ ๆ ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทรงแสดงแก่พระเจ้าอชาตศัตรูว่า

เมื่อเธอ (ภิกษุผู้ปฏิบัติภาวนา) พิจารณาเห็นนิวรณ์ ๕ ประการเหล่านี้ที่ละได้แล้วในตนย่อมเกิด

ปราโมทย์ เมื่อปราโมทย์แล้วย่อมเกิดปีติ เมื่อมีปีติในใจ กายย่อมสงบ เธอมีกายสงบแล้วย่อมได้เสวยสุข

เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่นเธอสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุ ปฐมฌานมีวิตก มีวิจาร มีปีติและ

สุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอทำกายนี้แหละให้ชุ่มชื่นเอิบอิ่มซาบซ่านด้วยปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก ไม่มีส่วนใดๆ

แห่งกายของเธอทั่วทั้งตัว ที่ปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกจะไม่ถูกต้อง...มหาบพิตร นี้แหละ สามัญญผลที่

เห็นประจักษ์ ทั้งดียิ่งกว่าทั้งประณีตกว่าสามัญญผล ที่เห็นประจักษ์ข้อก่อนๆ....

มหาบพิตร อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุ ทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งใจภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น

เพราะวิตก วิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่เธอทำกายนี้แหละให้ชุ่มชื่น เอิบอิ่ม

ซาบซ่าน ด้วยปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ ไม่มีส่วนใด ๆ แห่งกายของเธอทั่วทั้งตัว ที่ปีติและสุขอันเกิดแต่

สมาธิจะไม่ถูกต้อง... มหาบพิตร นี้แหละสามัญญผลที่เห็นประจักษ์ทั้งดียิ่งกว่า ทั้งประณีตกว่าสามัญญผล

ที่เห็นประจักษ์ข้อก่อน ๆ

มหาบพิตร อีกประการหนึ่ง ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกายเพราะปีติสิ้นไป

บรรลุ ตติยฌาน ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข เธอทำกายนี้ให้

ชุ่มชื่น เอิบอิ่มซาบซ่านด้วยสุขอันปราศจากปีติ ไม่มีส่วนใด ๆ แห่งกายของเธอทั่วทั้งตัว ที่สุขอันปราศจาก

ปีติจะไม่ถูกต้อง... มหาบพิตร นี้แหละสามัญญผลที่เห็นประจักษ์ ทั้งดียิ่งกว่า ทั้งประณีตกว่าสามัญญผล

ที่เห็นประจักษ์ข้อก่อน ๆ

มหาบพิตร อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุ จตุตถฌาน ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เพราะละสุขและทุกข์ และดับ

โสมนัสโทมนัสก่อน ๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ เธอนั่งแผ่ไปทั่วกายนี้แหละ ด้วยใจอันบริสุทธิ์

ผ่องแผ้ว ไม่มีส่วนใด ๆ แห่งกายของเธอทั่วทั้งตัว ที่ใจอันบริสุทธิ์ผ่องแผ้วจะไม่ถูกต้อง... มหาบพิตร นี้แหละ

สามัญญผลที่เห็นประจักษ์ ทั้งดียิ่งกว่า ทั้งประณีตยิ่งกว่าสามัญญผลที่เห็นประจักษ์ข้อก่อน ๆ

จากพระธรรมเทศนาเรื่องฌานทั้ง ๔ ระดับนี้ จะเห็นได้ว่าผู้ปฏิบัติสามารถบรรลุ ปฐมฌาน ได้ เพราะละนิวรณ์ ประการได้ กายจึงสงบ มีจิตตั้งมั้นเป็นสมาธิ สงัดจากกามและอกุศลธรรม ตั้งอยู่ด้วยองค์ ๕ คือวิตก (ความตรึกหรือคิด) วิจาร (ความตรองหรือพิจารณา) ปีติ (ความอิ่มใจ) สุข (ความสบายใจ) และ เอกัคคตา (ความมีอารมณ์เป็นหนึ่ง เป็นสมาธิ)

เมื่อผู้ปฏิบัติมีใจตั้งมั่นอยู่ด้วยองค์ ๕ เช่นนั้นนานเข้า จนใจผ่องใสยิ่งขึ้น ทำให้วิตกและวิจารสงบไป จึงบรรลุ ทุติยฌาน ตั้งมั่นอยู่ด้วยองค์ คือ ปีติ สุข และเอกัคคตา

เมื่อผู้ปฏิบัติยังคงมีใจตั้งมั่นยิ่งขึ้นไปอีก ปีติก็จะสิ้นไปจึงบรรลุ ตติยฌาน ตั้งอยู่ด้วยองค์ คือ สุขและเอกัคคตา

ถ้าผู้ปฏิบัติมีใจยังคงตั้งมั่นอยู่ด้วยองค์ ๒ เช่นนั้นอย่างแน่วแน่ ไม่มีเสื่อมคลาย ย่อมบรรลุ

จตุตถฌาน ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ มีแต่อุเบกขา (ความวางเฉย) และเอกัคคตา

ตาราง แสดงอารมณ์ในฌานระดับต่างๆ

อารมณ์ ฌานวิตกวิจารปีติสุขอุเบกขาเอกัคคตา
ปฐมฌานOOOO-O
ทุติยฌาน--OO-O
ตติยฌาน---O-O
จตุตถฌาน----OO

O = อารมณ์ที่เกิดขึ้นในองค์ฌาน

----------------------------------------------------

สามัญญผลสูตร ที. สี. ๙/๑๒๗-๑๓๐/๙๘-๑๐๐

อารมณ์ เหล่านี้เป็นองค์ฌานที่ใช้แยกแยะระดับของฌานต่าง ๆ แต่มิได้หมายความว่าในฌานต่าง ๆ จะมีเฉพาะอารมณ์เหล่านี้เท่านั้น เพราะในฌานทุกระดับยังมี ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา วิญญาณ ฉันทะ อธิโมกข์ วิริยะ สติ อุเบกขา มนสิการ ด้วย (ม. อุ. ๑๔/๑๕๕-๑๕๘/๑๑๖-๑๑๙) สำหรับอุเบกขา แม้จะมีอยู่ในฌานทุกระดับ แต่เด่นชัดที่สุดในจตุตถฌาน จึงจัดเป็นองค์ฌานของจตุตถฌานเท่านั้น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘