คำสมาทานพระกรรมฐาน
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(ว่าพร้อมกัน ๓ จบ)
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปริจัจชามิ
ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอมอบกายถวายชีวิตแด่
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์
พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆ กันมา
มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นที่สุด
ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐาน ทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และ
วิปัสสนาญาณทั้ง ๙ ขอพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ จงมาบังเกิด
ปรากฏในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวการณ์ต่าง ๆ
ทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิต ที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้วขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจน
แจ่มใสและพยากรณ์ได้ ตามความเป็นจริงทุกประการ เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้า
ได้รู้เหตุนั้นได้โดยมิต้องกำหนดจิตแม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
จากหนังสือสนทนาธรรม เล่ม ๙
โดย..หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
หมายเหตุ
หลวงพ่อได้พูดถึงคำสมาทานที่ต่อเสริมกันใหม่ในหนังสือคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน
หน้าที่ ๘๐ หัวข้อ คำสมาทานที่ต่อเสริมใหม่ ถ้าท่านอยากทราบที่มา ก็คลิกไปดูที่คอลัมน์
คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน
สำหรับสมาทานพระกรรมฐานบทนี้มีเติมเข้ามาก็ตรงที่ และพระเดชพระคุณหลวง
พ่อพระราชพรมยานเป็นที่สุด เป็นการต่อเติมจากลูกศิษย์ลูกหาท่านเอง ไม่ใช่หลวงพ่อเติม
บทที่หลวงพ่อสอนจะสิ้นสุดที่หลวงพ่อปาน ขอได้โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย เช่นเดียวกับข้าพเจ้า
ที่เติมต่อจากหลวงพ่อเป็นท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน เพราะข้าพเจ้าก็ได้รับการอบรมสั่งสอนจาก
ท่านก็ถือว่าท่านเป็นครูบาอาจารย์อีกท่านหนึ่ง การที่กล่าวถึงชื่อท่านเวลาสมาทานพระกรรมฐาน
ข้าพเจ้าถือว่าเป็นการแสดงความเคารพและยอมรับในคำสอนของท่านทั้ง ๆ ที่ท่านไม่เคยบอก
กล่าวให้ทำเช่นนี้ ข้าพเจ้าถือว่าถ้าท่านไม่บอกในสิ่งที่ถามก็ไม่รู้ ก็ต้องถือว่าท่านเป็นครูของข้าพเจ้า
อีกท่านหนึ่งต่อจากหลวงพ่อเช่นเดียวกัน