สาเหตุของปัญหาสุขภาพ

สาเหตุของปัญหาสุขภาพ

70% ของโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากการบริโภคที่ผิดหลักโภชนาการ และการขาดการออกกำลังกาย ทำให้เกิดโรคอ้วน ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ และก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาอีกมากมายในระยะยาว กระทรวงสาธารณสุข ระบุถึง 4 สาเหตุ ที่ทำให้คนไทยเสียชีวิต

โรคหัวใจ - โรคมะเร็ง - โรคหลอดเลือดตีบ - โรคเบาหวาน



อันตรายจากโรคอ้วน

ภาวะอ้วนทำให้เกิดโรค และความผิดปกติต่าง ๆ ได้มาก หรือเร็วกว่าคนไม่อ้วน ได้แก่

  1. ความดันโลหิตสูง : พบว่าถ้าลดน้ำหนักโดยยังมีปริมาณเกลือในอาหารเท่าเดิมก็ลดความดันโลหิตลงได้

  2. เบาหวานชนิดไม่พึ่งพาอินซูลิน : ความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานชนิดนี้ที่รุนแรงสุดกว่าปัจจัยใด ๆ

  3. โรค หลอดเลือดตีบ (Atherosclerosis) เช่น หลอดเลือดสมองตีบ ทำให้เกิดอัมพฤกษ์อัมพาต โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยพบว่าความอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคนี้โดยตรง และยังเพิ่มความเสี่ยงโดยอ้อมจากภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ เบาหวาน และความดันโลหิตสูงด้วย

  4. มะเร็งบางชนิด :พบมากขึ้นในคนอ้วนและสัตว์ทดลองที่ถูกทำให้อ้วน จาก การศึกษาของ American Cancer Society โด ยอิงน้ำหนักคนไข้พบว่าถ้าน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน 40% จะมีอัตรารายจากมะเร็งสูงขึ้น 1.33-1.55 เท่า ที่สำคัญ คือ มะเร็งเยื่อบุมดลูก เต้านม ต่อมลูกหมาก ลำไส้ใหญ่

  5. โรคทางเดินหายใจและปอด หายใจลำบากขณะนอนหลับ นอนกรน (snoring) เพราะทางเดินหายใจเริ่มตีบตัน ร่างกายจะขาดออกซิเจน ทำให้ ร่างกายพักผ่อนไม่เต็มที่ ส่งผลให้ง่วงนอนในเวลากลางวัน บางคนอาจเป็นมากขนาดหลับในขณะขับรถ จนเกิดอุบัติเหตุได้

  6. โรคข้อเสื่อม(Osteoarthritis) : โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อสะโพก ข้อเข่า และยังเพิ่มโอกาสเกิดโรคข้ออักเสบจากเก๊าท์ด้วย

  7. ไขมันในเลือดผิดปกติ

  8. นิ่วถุงน้ำดี และถุงน้ำดีอักเสบ

  9. โรคเกี่ยวกับตับ เช่น ตับแข็ง (cirrhosis)

  10. โรคเกี่ยวกับไต เช่น นิ่ว ไตวายจากความดันโลหิตสูง

  11. ซึมเศร้า (depression)

  12. เส้นเลือดขอด (varicose vein)

  13. การเป็นหมัน (infertility)

นอกจาก นี้เมื่อไม่สบาย ยังเกิดปัญหาในการดูแลรักษามากขึ้น เช่น การหาเส้นเพื่อให้น้ำเกลือยากขึ้น การดมยาสลบทำได้ยากขึ้น การขนย้าย หรือพลิกตัวคนไข้ยากขึ้น การผ่าตัดก็ยากขึ้น เป็นต้น


โรคอ้วนจำเป็นต้องรักษาหรือไม

ก่อนหน้านี้คนอ้วนไม่ถือเป็นโรคอ้วนแต่ปัจจุบันจัดเป็นโรคอ้วนเนื่องจากก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ ได้ มีการศึกษาในประเทศไทยพบว่าผู้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีระดับ ไขมัน cholesterol ,triglyceride LDL ระดับน้ำตาล และความดันโลหิตสูงกว่าผู้ที่มีน้ำหนักปกติ

การ ศึกษาก็พบว่าอัตราการเสียชีวิตของคนที่อ้วนมาก มีสูงขึ้นถึง 2-12 เท่า แต่ถ้ากลุ่มประชากรที่อ้วนหรือน้ำหนักเกินสามารถลด น้ำหนักได้เพียง 5-10 % ของน้ำหนักตัวเริ่มต้น ก็จะสามารถลดอัตราการพิการ และอัตราการตายได้

จาก การศึกษาวิจัยทางด้านเศรษฐศาสตร์การแพทย์พบว่า มูลค่าการใช้จ่ายในการรักษาโรคอ้วนโดยตรงและโรคต่างๆ ที่สืบเนื่องมาจากโรคอ้วนได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ข้ออักเสบ และมะเร็งบางชนิดมีมูลค่ามากกว่าสองพันล้านบาทต่อปี ดังนั้นการพยายามลดน้ำหนักสำหรับผู้ที่อ้วน จึงเป็นโอกาสที่ลดการสูญเสียค่าใช้จ่ายทางการแพทย์จำนวนมหาศาลนี้ได้

ใน ปัจจุบันวัยรุ่นจำนวนมาก นิยมเข้าไปใช้บริการคลินิกลดน้ำหนัก เพราะต้องการมีหุ่นสวยเพรียวบาง โดยคลินิกบางแห่งไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาดูแลการลดน้ำหนักอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้เกิดการลดน้ำหนักที่ไม่ถูกหลักวิชาการ ซึ่งก่อให้เกิดอันตราย

การควบคุมน้ำหนัก เป็นการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และทำไม่ยาก ถ้าเข้าใจ

วัตถุประสงค์ในการควบคุมน้ำหนัก ก็เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
น้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงหลายชนิด ดังนั้นการควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่และในระดับที่เหมาะสม ย่อมเป็นส่วนหนึ่ง ของข้อควรปฏิบัติเบื้องต้นในการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กระฉับกระเฉง และ สร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง
แต่ในปัจจุบัน วัฒนธรรมแบบตะวันตกที่แพร่ขยายมากขึ้น ทำให้คนที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปค่อยๆเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน

"ความอ้วนเป็นปัญหาของผู้คนจำนวนมากในบ้านเรา ผู้ที่ให้ความสำคัญกับรูปร่างโดยเฉพาะผู้หญิง ดูจะห่วงเรื่องนี้เป็นพิเศษ ความอ้วนทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลายอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน การรักษาความอ้วน มีหลายวิธี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การผ่าตัด และการใช้ยาเป็นวิธีหลักๆ ที่ใช้มากมียาใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเรื่อยๆ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมถึง การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด สำหรับการลดความอ้วนระยะยาว"


ความอ้วนกับโรคภัยไข้เจ็บ
การมีน้ำหนักมากเกินมีความสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นครับ หมายความว่า คนอ้วนตายมากกว่าคนผอมและยังสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ต่อการตายที่สูงขึ้นของโรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวานอีกด้วย

ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงมีอยู่ไม่น้อย ที่เกี่ยวกับ น้ำหนักตัวมากเกินไป คนอ้วนมีโอกาสที่จะมีโคเลสเตอรอลในเลือด สูงกว่าคนผอมถึง 50% และยังมักมีไขมันชนิดอื่นสูงอีกด้วย โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันก็ชอบคนอ้วนครับเป็นมากกว่าคนผอม หรือคนไม่อ้วนแยะทีเดียว โรคเบาหวานก็เป็นอีกโรคที่ชอบความอ้วน อ้วนปานกลางจะทำให้เป็นโรคเบาหวานสูงถึง 5 เท่า ถ้าอ้วนมาก จะเป็นเบาหวานสูงขึ้น 10 เท่าเลยล่ะ

สำหรับผู้ชายอ้วนมีโอกาสตายจากมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็ง ต่อมลูกหมากสูงกว่าคนไม่อ้วน ในผู้หญิงอ้วนก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง จากมะเร็งของโพรงมดลูก, ถุงน้ำดี, ปากมดลูก, รังไข่ และมะเร็งเต้านมครับ

คนอ้วนโดยทั่วไปจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเกิดโรคของถุงน้ำดี, โรคปอด, โรคเกาต์, มะเร็ง และโรคข้ออักเสบ ครับ เรียกว่า รับเลอะเลยทีเดียว สิ่งที่ตามมาติดๆ ก็คือ การเสียเงินเสียทองเยียวยารักษา เป็นภาระอันหนักอึ้งแสนสาหัสของครอบครัวและของรัฐบาลด้วย

สาเหตุของความอ้วน
คนอ้วนส่วนใหญ่อาจเรียกได้ว่า "อ้วนเอง" คือ ไม่ได้มีโรค อันเป็นเหตุให้อ้วนโดยตรง นอกเหนือจากการกินเข้ามามากกว่า การใช้ออกไป มีน้อยมากครับที่อ้วนจากโรค เช่น โรคของต่อมไร้ท่อบางชนิด, โรคทางพันธุกรรม, อ้วนจากยาหรือจากโรคของระบบประสาท
ปัจจุบันเราถือว่า การอ้วนเป็นภาวะอันเกิดจาก หลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธ์, วัฒนธรรม, สังคม, เศรษฐกิจ, พฤติกรรม และปัจจัยด้านสถานการณ์รอบด้านครับ

แนวทางแก้ไขความอ้วน
คงต้องยอมรับครับว่า การลดความอ้วนให้ได้ผลระยะยาวนั้น เป็นเรื่องยาก ตัวแปรหลักอยู่ที่ตัวผู้อ้วนเอง ไม่ใช่หมอ สำหรับหมอ เราก็ถือว่า ความอ้วนก็เช่นเดียวกับเบาหวานหรือความดันสูง คือ เป็นโรคเรื้อรัง หายขาดยาก ได้แค่บรรเทา คือ คุมไว้อย่าให้กำเริบ
และก็ยังเหมือนกับโรคเรื้อรังอื่น ตรงที่ไม่สามารถแก้ไข ได้โดยรวดเร็ว จะว่าไปแล้วก็ยังไม่มีวิธีรักษาที่ถูกใจคนไข้เลย เพราะคนไข้จะพอใจก็ต่อเมื่อต้องได้ผลดี คือ ผอมเร็ว และผอมนานไม่กลับมาอ้วนอีก

ในทางทฤษฎีแล้วจะต้องเผาผลาญพลังงานไปถึง 3500 กิโลแคลอรี่ จึงจะลดไขมันลงไปได้ 1 ปอนด์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ไม่ควรลดน้ำหนักลงเร็วกว่า 1-2 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เห็นไหมล่ะครับว่า จะลดน้ำหนักกันเร็วๆ ไม่ได้ไม่ควรทำ และโรคอ้วนนี่ก็ชอบกลับมา เป็นซ้ำเป็นซากอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมหายขาดซะที

กิจกรรมลดน้ำหนัก

รวบรวมกิจกรรมที่ใช้กันบ่อยเพื่อลดน้ำหนัก
วิธีลดน้ำหนักที่ใช้กันมาก

กิจกรรมผู้ใหญ่ : วัยรุ่น :
ชั่งน้ำหนักตัวเองสม่ำเสมอ ออกกำลังกาย
เดินออกกำลัง อดอาหารบางมื้อ
ดื่มเครื่องดื่มคุมน้ำหนัก ใช้ยาลดน้ำหนัก
กินเกลือแร่ วิตามิน
คำนวณแคลอรีที่กิน
อดอาหารบางมื้อ
ใช้อาหารลดน้ำหนักที่มีขาย
ใช้บริการของโปรแกรมลดน้ำหนัก
ใช้ยาลดน้ำหนัก

ผู้หญิงดูจะใช้มากเป็นพิเศษ วิธีที่ใช้ส่วนใหญ่ก็เป็นที่ยอมรับ ทางการแพทย์ แต่บางวิธีก็ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพหรือไม่

ในบรรดาวิธีต่างๆ ที่ใช้ควบคุมความอ้วน วิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งรวมถึง การปรับเปลี่ยนการกินอาหารนับเป็นวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด วิธีใช้ยาดูเหมือนว่าตอนแรกจะลดน้ำหนักได้เร็ว แต่ในระยะยาวแล้ว สู้วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้เพราะคุมความผอมไว้ได้นานกว่า

การปรับเปลี่ยนอาหารเริ่มจาก การให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับสารอาหาร พลังงานจากอาหารและชนิดของอาหารต่างๆ จุดประสงค์เพื่อให้สามารถเลือกรับประทานอาหารได้เหมาะสม, สามารถคิดปริมาณพลังงานจากสารอาหารได้ และรู้หลักของ การจัดอาหารให้สมดุล

ผู้ที่ต้องการควบคุมอาหารมากๆ อาจจำกัดพลังงานอาหาร ให้เหลือเพียง 400-800 กิโลแคลอรีต่อวัน กิจกรรมออกกำลัง มีความสำคัญในการลดน้ำหนักมากครับ เพราะช่วยเร่งการใช้พลังงาน หรือเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ออกไปอีกทางหนึ่ง รวมแล้ว พลังงานแต่ละวันก็จะติดลบ คือ ใช้มากกว่ารับประทานเข้าไป น้ำหนักก็จะลดลงเรื่อยๆ

ปริมาณพลังงานที่ใช้ในการออกกำลัง ด้วยกิจกรรมต่างๆ

พลังงานที่ใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับผู้ที่หนัก 70 กิโลกรัม

กิจกรรม พลังงานที่ใช้ (กิโลแคลอรี่ต่อนาที)
เดินช้า ๆ 3-6
เดินเร็ว ๆ 6-8
วิ่งช้า ๆ 10-13
วิ่งเร็ว 15-18
ปั่นจักรยานช้า ๆ 4-8
ปั่นจักรยานเร็ว 10-15
กายบริหารเบา ๆ 4
เต้นรำ 5-8
เล่นสเก็ตน้ำแข็ง 6-11
ขึ้นบันไดปกติ 6
ขึ้นบันไดเร็ว ๆ 8-10
ทำความสะอาดบ้าน 4
ว่ายน้ำธรรมดา 6
กวาดสนามหญ้า 5
ตัดหญ้า 5

ถือหลักง่ายๆ ว่า ยิ่งออกแรงมากก็ยิ่งใช้พลังงานมาก ถ้าทำกิจกรรมหลายๆ อย่างผสมกันจะช่วยให้ใช้พลังงานออกไปมากขึ้น

การใช้ยาลดความอ้วน
ยาลดน้ำหนัก เมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหาร จะช่วยลดน้ำหนักได้ เมื่อใช้ยาแล้วอาจจะทำให้ไม่หิว หรือรู้สึกอิ่มเมื่อรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อย ผู้ที่อ้วนมากๆ จึงควรใช้ยาลดน้ำหนักครับ อ้วนน้อยๆ ไม่จำเป็น ใช้แค่คุมอาหาร และออกกำลังกายก็พอ

ยาลดน้ำหนัก เมื่อหยุดใช้อาจกลับมาอ้วนอย่างเดิมอีก จึงต้องเปลี่ยนการรับประทานอาหาร และการออกกำลังด้วยเสมอ ต้องพยายามด้านนี้ให้มากครับ ถือเป็นเรื่องที่ต้องทำตลอดไปเลย

ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ของยา
ก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงครับ ยาบางชนิดอาจทำให้กระวนกระวาย หงุดหงิด ปวดศีรษะ ปากคอแห้ง คลื่นไส้ และท้องผูก บางชนิดก็ทำให้อารมณ์ซึมเศร้า ง่วงนอน ปวดท้อง ท้องเดิน นอนไม่หลับ หรือฝันมาก
บางทียาพวกนี้อาจเพิ่มความดันโลหิตให้สูง หรือหัวใจ เต้นผิดปกติได้ครับ ที่ร้ายแรงคือ เกิดแรงดันเลือดในปอดสูง การใช้ยาเหล่านี้จึงต้องอยู่ในความดูและของแพทย์อย่างใกล้ชิดครับ อย่าซื้อมากินเอง แล้วกินไปเรื่อยๆ เพราะอยากผอมจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

แพทย์จะคอยติดตามอาการ และเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากยา วัดดูความดันโลหิต ดูการเต้นของหัวใจ และเฝ้าดูปัญหาทางหัวใจ ที่อาจแฝงเร้นอยู่โดยไม่ทราบมาก่อน ถ้าเกิดผลข้างเคียงหรือสงสัย ต้องหยุดยาทันที

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘