การวิเคราะห์เชิงตัวเลข 24

ดูส่วนของผู้ถือหุ้น

21. ส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholder's Equity) = สินทรัพย์รวม (Total Assets) - หนี้สินทั้งหมด (Total Liabilities) ซึ่งส่วนของผู้ถือหุ้นนี้ประกอบไปด้วยส่วนประกอบย่อยคือ
(ก) หุ้นบุริมสิทธิ์ (จะทำงานเหมือนหนี้ ไม่ใช่ทุน/เจ้าของ ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ถือ และไม่สามารถหักดอกเบี้ยจ่ายนี้ออกก่อนคิดภาษีได้ เป็นทุนที่มีต้นทุนทางการเงินสูงมาก บริษัทที่มีการเงินแข็งแกร่งและยั่งยืนจะไม่มีหุ้นชนิดนี้)
(ข) หุ้นสามัญ ซึ่งคือส่วนของทุนเรือนหุ้น หุ้นบุริมสิทธิ์, หุ้นสามัญ, ทุนเรือนหุ้น พวกนี้จะถูกบันทึกไว้ในราคาพาร์ หากสามารถขายหุ้นได้สูงกว่าราคาพาร์ ก็มาบันทึกไว้ตรงส่วน
(ค) ส่วนเกินทุนมูลค่าหุ้น
(ง) กำไรที่ยังไม่ได้จัดสรร ตรงนี้เป็นของสำคัญ เดี๋ยวเราจะมาดูกันภายหลัง
(จ) หุ้นซื้อคืนหรือ treasury stocks จะเป็นส่วนของหุ้นสามัญที่บริษัทมีเงินสดเหลือและซื้อหุ้นของตัวเองกลับเข้า มา การมีหุ้นซื้อคืนเป็นสิ่งที่ดี ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์ เพราะเวลาหารจ่ายปันผลจะจ่ายตาม outstanding shares คือจ่ายเท่าที่มีหุ้นอยู่ในมือผู้ถือหุ้น หุ้นซื้อคืนจะไม่ถือว่าอยู่ในมือผู้ถือหุ้น ตัวหารจึงน้อยลง และเมื่อหุ้นของบริษัทมีจำนวนน้อยลง ราคาหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นเองด้วย ดูข้อ 25 ประกอบด้วย
(ฉ) ทุนอื่นๆ
22. ส่วนของผู้ถือหุ้นนี้ มีที่มาได้สามอย่างคือ
(ก) IPO (การระดมทุนออกขายหุ้นให้แก่สาธารณชนทั่วไปเป็นครั้งแรก)
(ข) การเพิ่มทุน
(ค) กำไรสะสม
โดยที่ "หุ้นกู้" จะไม่ใช่ทุน แต่จะถูกบันทึกไว้เป็นหนี้สิน ผู้บริหารมีหน้าที่นำกำไรสะสมไปทำให้งอกเงยให้มากที่สุด
23. กำไรสะสมส่วนที่ยังไม่ได้จัดสรร เป็นเหมือนคลังสมบัติของบริษัท บริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขัน ควรจะมีตัวเลขของกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรนี้เพิ่มขึ้นๆ ทุกๆ ปี บริษัทควรจะนำเงินนี้ไปลงทุนต่อให้งอกเงย โดยไม่ต้องใช้เงินทุนปกติของบริษัทอีก เช่นเอาไปซื้อกิจการอื่นที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน จะทำให้บริษัทรวยขึ้นๆ เอง (เป็นวิธีที่เบิร์กไชร์ ฮาร์เธอเวย์ รวยขึ้นๆ)
24. กำไรส่วนที่จัดสรรแล้ว เช่นเป็นปันผล จะต้องไปดูในบัญชีกระแสเงินสด (Cash Flow Statement) เพราะว่าจะไม่เห็นในงบดุลนี้ (คือมันเป็นเงินสด ไหลออกไปแล้วก็หายไป ไม่มีหนี้, สินทรัพย์ หรือส่วนของผู้ถือหุ้นค้างอยู่ให้เห็น)
25. หุ้นซื้อคืนจะถูกบันทึกไว้ในงบดุล (ในส่วนของ Equity) เป็นติดลบ เพื่อหักออกจากทุนเดิม (คือเงินหาย แต่ว่าอมหุ้นไว้แทน) จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง ไม่ต้องตกใจ (ถ้าอยากรู้ว่าแบบไม่ลดเป็นเท่าไร ก็ลองเอามูลค่าของหุ้นซื้อคืนบวกกลับดูก็ได้) การที่เป็นแบบนี้จะทำให้ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูงขึ้น ถ้าเห็นค่า ROE สูงมากๆ ให้กลับไปดูว่าบริษัทมีหุ้นซื้อคืนหรือไม่ ถ้ามีจำนวนมาก ให้ลองคำนวณ ROE ดูใหม่แบบไม่หักหุ้นซื้อคืนออก เพื่อดูความสามารถในการบริหารหนี้-ทุนของบริษัทจริงๆ
26. การซื้อหุ้นคืน จะทำให้ทุนต่ำลง บางบริษัทอาจจะมี ROE สูงมากและมีส่วนของทุนติดลบ อาจจะเป็นเพราะว่าบริษัทแข็งแกร่งมาก หรือว่าใกล้เจ๊งก็ได้ ให้ดูให้ดี (ไปดูงบกำไร/ขาดทุน ก็ได้ ถ้าบริษัทขาดทุนตลอดจนทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ แบนี้คือใกล้เจ๊ง แต่ถ้าเอาเงินทั้งหมดที่มี ไปไล่ซื้อหุ้นตัวเองคืนมาจากตลาด แบบนี้อาจจะดีมากๆ ก็ได้
27. ปัญหาของการลงทุนด้วยหนี้ โดยทั่วไปการที่ได้ ROE สูงๆ เป็นสิ่งที่ดี แต่จริงๆ แล้วก็มีที่มาได้สองวิธีคือ
(1) วิธีปกติ คือบริษัทต้องมีความได้เปรียบในการแข่งขันมาก ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงและมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ต่ำ สุดท้ายทำให้อัตรากำไรสุทธิสูง และสามารถใช้เงินส่วนของผู้ถือหุ้นที่พอกพูนเพิ่มขึ้นมาไปใช้ได้อย่างคุ้ม ค่า
(2) แบบทุนน้อย กู้มาก แบบนี้ธุรกิจธรรมดาๆ ก็สามารถมี ROE สูงๆ ได้เช่นกันแต่ก็ตามมาด้วยความเสี่ยง หากรายได้ไม่แน่นอน ก็จะมีปัญหาเรื่องการใช้หนี้หรือจ่ายดอกเบี้ยได้
28. จากข้อ 27 ข้างต้น โดยปกติแล้วควรพยายามหลีกเลี่ยงบริษัทที่ใช้หนี้ในการสร้างรายได้ ยกเว้นว่าคุ้มเสี่ยงจริงๆ คือรายได้แน่นอนมากๆ และกำไรมากพอจะใช้หนี้ก้อนโตนั้นได้ในระยะเวลา 2-3 ปี และไม่ต้องเวียนวนกับการกู้เพิ่มอยู่เรื่อยๆ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘