การวิเคราะห์เชิงตัวเลข 18

- ทรัพย์สมบัติต่างๆ (ที่ดิน, โรงงาน, เครื่องจักร) หรือ PP&E (Property, Plant, and Equipment)
ทรัพย์สินส่วนนี้เป็นส่วนที่จับต้องได้ของบริษัท เป็นส่วนที่เป็นตึกรามอาคารร้านรวงต่างๆ เช่นพวกที่ดิน, อาคาร, โรงงาน, เครื่องตกแต่งประดับ, เครื่องจักรต่างๆ เป็นต้น ตัวเลขแสดงมูลค่าของสิ่งเหล่านี้จะเป็นมูลค่าที่เหลือสุทธิหลังจากการหักลด ค่าเสื่อมราคาแล้ว (ซึ่งจะหักลดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดอายุการใช้งานของทรัพย์สินนั้น) และในที่สุดแล้วทรัพย์สินพวก ที่ดิน, โรงงาน, เครื่องจักร เหล่านี้ก็จะต้องถูกแทนที่ด้วยของใหม่ และค่าเสื่อมราคาที่บริษัทได้คำนวณมาใช้ จะเป็นตัวเลขที่ดีและเหมาะสมที่สุดที่จะใช้แทนความเสียหายและเสื่อมสภาพของ ที่ดิน, โรงงาน, เครื่องจักร พวกนี้ ในหลายๆ กรณีเราควรสังเกตไว้ว่า ตัวเลขมูลค่าทรัพย์สินพวกนี้ก็ไม่ได้ถูกต้องตามมูลค่าของมันที่ควรจะเป็น เช่นบริษัทอาจจะมีอาคารบางตึกที่มีมูลค่าหลายสิบล้านบาท แต่ถูกบันทึกไว้ในราคาเพียงนิดเดียวอันเนื่องมาจากถูกหักออกด้วยค่าเสื่อม ราคามาหลายปี (แต่ตึก กลับยังอยู่ ไม่พังไปอย่างที่คิดตอนแรก) และในทางเดียวกัน ราคาของที่ดิน อาจจะเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเวลาผ่านไป คือมากเกินกว่าที่บันทึกไว้ในงบดุลในส่วนนี้อยู่เยอะ ก็เป็นได้อีก

- ค่าความนิยม (Goodwill) และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนอื่นๆ
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนอื่นๆ ก็เหมือนกับชื่อของมันแหละครับ ก็คือสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ ไม่สามารถจับ ยก ถือ อุ้ม ใดๆ แตะ สัมผัส ใดๆ ได้และโดยปกติก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนเป็นเงินสด (กันได้ง่ายๆ) ทรัพย์สินแบบนี้โดยทั่วไปอันหนึ่งก็คือค่าความนิยม ค่าความนิยมนี้โดยปกติก็คือส่วนต่างที่บริษัทหนึ่งยอมจ่ายเพื่อซื้อ อีกบริษัทหนึ่งด้วยรคาที่เกินกว่าความเป็นจริง (ตามที่ได้รับการประเมินว่าควรมีราคาเท่าไร ด้วยวิธีการใดๆ อาจจะด้วยวิธีคิดลดเงินสด เป็นต้น) ตัวอย่างของค่าความนิยมนี้ก็คือ ยี่ห้อตราสินค้า เป็นต้น

นักลงทุนควรจะสังเกตไว้ว่า หากบริษัทหนึ่งใด คิดตรายี่ห้อของตัวเองขึ้น บริษัทนั้นจะไม่สามารถบันทึกค่าความนิยมในสิ่งใดๆ ที่ตัวเองคิดขึ้นมาเองไว้ในงบดุลได้ (แต่ถ้าซื้อมา สามารถบันทึกได้ นะครับ)
นักลงทุนควรจะให้ความสำคัญกับรายการค่าความนิยมนี้ คือซอกแซกชวนสงสัยเอาไว้ให้มากๆ เนื่องจากว่าบริษัทส่วนมากมีแนวโน้มท่าทีที่จะยอมจ่ายเงินเพื่อค่าความนิยม นี้เป็นจำนวนที่มากเกินความจำเป็น ทำให้ตัวเลขของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนชนิดนี้ แสดงเป็นตัวเลขที่สูงกว่าความเป็นจริงที่ค่าความนิยมนั้นจะมีประโยชน์จริงๆ กฏทางบัญชีจะกำหนดให้บริษัทจะต้องทำการประเมินมูลค่าของความนิยมนี้ทุกๆ ปี และหากบริษัทบันทึกค่าความนิยม ลดลงๆ ทุกปี นั่นแปลว่าเงินที่จ่ายซื้อมาตอนแรกนั้นมัน แพงไปนั่นเอง

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘