Winning The Loser’s Game วังวนของผู้พ่ายแพ้แห่งเกมการลงทุน

วังวนของผู้พ่ายแพ้แห่งเกมการลงทุน โดย Mark Minervini
วันนี้ผมได้นำเอาบทความด้านจิตวิทยาการลงทุน ของสุดยอดเซียนหุ้นอย่าง Mark Minervini ผู้ซึ่งได้เคยถูกสัมภาษณ์ลงในหนังสือ The Stock Market Wizard มาให้อ่านกันครับ นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจและทำให้ผมหวนคิดถึงประโยคที่ว่า “จงเพ่งความสนใจไปยังการกระทำในสิ่งที่เหมาะสม แทนที่จะเพ่งความสนใจไปยังผลกำไรของคุณ” (Focus on trading well, not trading profits) หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกๆคนครับ :D
วังวนของผู้พ่ายแพ้แห่งเกมการลงทุน
จากเนื้อหาในหนังสือ Winning The Loser’s Game นั้น ผู้แต่งซึ่งก็คือ Charles D. Ellis ได้พูดถึงบทสรุปที่สำคัญอย่างหนึ่งของหนังสือเกี่ยวกับการเล่นเทนนิสที่ชื่อ ว่า Extraordinary Tennis for the Ordinary Tennis Player เขียนโดย Dr. Simon Ramo เอาไว้ได้อย่างหน้าสนใจ โดยมันเป็นข้อสรุปเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง “เกมของผู้ชนะ” และ “เกมของผู้แพ้” ในการเล่นเทนนิสที่เขา (ผู้แต่งหนังสือ) ได้ทำการศึกษาและวิจัยออกมา
เนื้อหาได้กล่าวถึงการที่ Dr. Simon Ramo ได้ทำการสังเกตถึงเกมการเล่นเทนนิสออกมาว่า แท้จริงแล้วเกมการเล่นเทนนิสนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่เกมเกมเดียวในหนึ่งมิติอย่างที่เราเห็น แต่เป็นเกมที่มีอยู่สองมิติต่างหาก นั่นก็คือ เกมของนักเทนนิสมืออาชีพหรือมือสมัครเล่นที่มีพรสวรรค์เป็นอย่างสูง ส่วนเกมในอีกมิตินั้น คือเกมของมือสมัครเล่นอย่างพวกเราโดยทั่วไป
หลังจากที่ Dr. Simon Ramo ได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์และสถิติอย่างเข้มข้น นั้น เขาได้ทำการสรุปผลของมันออกมาดังนี้ : มืออาชีพคือผู้ที่ทำแต้มได้ด้วยตนเอง และมือสมัครเล่นคือผู้ที่ทำแต้มเสียด้วยตนเอง!
ในเกมการแข่งขันเทนนิสของบรรดามืออาชีพนั้น ผลแพ้ชนะของเกมมักจะถูกตัดสินโดยความสามารถในการ “กระทำ” ของผู้ชนะ โดยที่บรรดานักเทนนิสมืออาชีพเหล่านี้นั้น จะมีความสามารถในการที่จะตีลูกด้วยความรุนแรงและแม่นยำ ตลอดการตีโต้แข่งขันกันอย่างยาวนาน จนกว่าที่ใครคนใดคนหนึ่ง จะสามารถทำให้อีกฝ่ายเกิดความผิดพลาด หรือทำให้ผู้เล่นอีกฝ่ายไม่สามารถวิ่งไปรับลูกได้ทัน หรือพูดอีกอย่างก็คือ พวกเขานั้นคือผู้ที่แทบจะไม่เกิดความผิดพลาดในการเล่นขึ้นมาเลย
ในทางกลับกันแล้ว สำหรับเกมเทนนิสของบรรดามือสมัครเล่นทั้งหลาย Dr. Simo ได้พบว่ามันเป็นเกมที่แตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเราจะสามารถพบเห็นการตีลูกที่รุนแรงแม่นยำ และการตีโต้กลับกันไปมาอย่างยาวนานได้น้อยมากๆ พูดอีกอย่างก็คือ บรรดามือสมัครเล่นทั้งหลายนั้นนอกจากจะไม่สามารถบดขยี้คู่แข็งของพวกเขาได้ แล้ว พวกเขายังมักที่จะบดขยี้ตัวของพวกเขาเองอีกด้วย! เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ลูกเทนนิสของพวกเขามักที่จะวิ่งไปชนตาข่าย หรือไม่ก็จะวิ่งออกนอกเส้นไปเองด้วยมือของพวกเขา สรุปแล้วก็คือ ผู้ชนะในเกมเทนนิสของมือสมัครเล่น มักที่จะได้แต้มเนื่องจากคู่แข่งของพวกเขาได้ตีผิดพลาดไปเองนั่นเอง
ด้วยความที่ Dr. Ramo นั้นมีความเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักสถิติเป็นอย่างสูง เขาจึงได้รวบรวมฐานข้อมูลต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อที่จะทำการทดสอบข้อสันนิษฐานของเขาขึ้นมา โดยแทนที่เขาจะทำการนับคะแนนตามแบบมาตรฐาน (15-0, 30-15 หรืออื่นๆตามแบบดั้งเดิม) เขากลับใช้วิธีการนับคะแนนโดยการนับเป็นแต้มที่ทำได้ และแต้มที่ทำเสียเองออกมา โดยสิ่งที่เขาได้ค้นพบก็คือ เขา พบว่าในเกมของนักเทนนิสมืออาชีพนั้น การได้แต้มส่วนใหญ่ถึง 80% จะเกิดจากการได้แต้มด้วยการกระทำของผู้ชนะ แต่ในทางกลับกันแล้วในเกมของมือสมัครเล่นนั้น การได้แต้มส่วนใหญ่ถึง 80% มักจะเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของคู่แข่งเอง
เซียนหุ้น Mark Minervini
แล้วอะไรหละ คือตัวแปรที่ตัดสินผลแพ้ชนะในแต่ละเกม?
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องของอุปกรณ์, กรรมการ, สภาพอากาศ หรือแม้กระทั่งตัวของผู้เล่นเอง!
ถ้าอย่างนั้น … แล้วอะไรล่ะ คือสิ่งที่ควบคุมผลแพ้ชนะของการแข่งขัน?
Dr. Ramo ได้พบว่าตัวแปรที่สำคัญที่สุด ที่จะตัดสินผลแพ้ชนะของการแข่งขันเทนนิสในแต่ละแมทช์ … ก็คือการที่ลูกเทนนิสสามารถที่จะเคลื่อนผ่านตาข่ายไปได้นั่นเอง
ผู้เล่นที่สามารถรวบรวมสมาธิ และมีความสามารถในการที่จะตีลูกให้ข้ามตาข่ายไปได้ดีที่สุดนั้น มักจะเป็นคนที่มองไปยังกระดานนับคะแนน (Scoreboard) แล้วพบว่าตัวเองได้รับชัยชนะเมื่อเกมการแข่งขันจบลง พวกเขาแทบที่จะไม่ได้คิดถึงคะแนนที่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ เพราะมันคือสิ่งที่จะคอยรบกวนพวกเขาในการที่จะทำสิ่งต่างๆได้อย่างดีที่สุด นั่นเอง และนี่คือสิ่งที่เป็นจริงทั้งในเกมการแข่งขันเทนนิสหรือแม้กระทั่งการเล่น หุ้น!
สำหรับตัวผมเองแล้ว ความ สำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเล่นหุ้นของผม ได้เกิดขึ้นเมื่อผมได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะลืมเรื่องของผลกำไรไป (Scoreboard) แล้วเพ่งสมาธิไปยังการที่จะเป็นนักเล่นหุ้นที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำ ได้ ซึ่งมันก็เปรียบเสมือนกับการตีลูกเทนนิสให้ข้ามตาข่ายไปในรูปแบบของผมนั่น เอง นอกจากนี้แล้ว ผมยังเพ่งสมาธิและความสนใจไปยังการตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆให้ดีที่สุด และแก้ไขข้อบกพร่องของผมจนมันกลายเป็นจุดแข็งขึ้นมาแทน (ไม่ตีลูกให้เสียคะแนนเอง)
จงจำไว้ให้ดีว่า เมื่อไหร่ที่คุณสามารถจะตีลูกให้ข้ามตาข่ายไปจนมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาได้ แล้วนั้น ความสำเร็จหรือผลกำไร ซึ่งเป็นผลผลิตจากความตั้งใจของคุณจะติดตามมาเอง ดังนั้น แทนที่คุณจะมัวแต่วิตกกังวลว่าผลกำไรของคุณจะเกิดขึ้นมากเท่าไหร่นั้น จงวิตกกังวลว่าคุณจะสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างถูกต้อง ตามแผนหรือระบบการลงทุนของคุณแทนเสียจะดีกว่า
แท้จริงแล้วการทำกำไร จากการลงทุนหรือเล่นหุ้นนั้น คือผลลัพธ์ของประสิทธิภาพในการที่คุณจะสามารถ “กระทำ” ตามระบบ/หลักการลงทุนที่ดีของคุณได้ต่างหาก การมัวแต่จ้องมองไปยังผลกำไรที่จะเกิดขึ้นนั้น มีแต่จะคอยรบกวนหรือสร้างความสับสนให้กับคุณ ในการที่คุณจะสามารถกระทำสิ่งที่จำเป็น ในการที่จะสร้างผลกำไรของคุณขึ้นมานั่นเอง
อย่าลืม!! จงตั้งสมาธิไปยังการตีลูกให้ข้ามตามข่ายเอาไว้ให้ดีที่สุดอยู่เสมอครับ!!

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘