MBAประตูความสำเร็จ?&เลือกหุ้นจัดพอร์ต..

ช่วงที่ 1 หัวข้อ "MBA ประตูสู่ความสำเร็จจริงหรือ?"
แขกรับเชิญ
1)ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน เป็นศิษย์เก่า NIDA จากการชักชวนของดร.ไพบูลย์
2)คุณวรวุฒิ อุ่นใจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ. COL เป็นศิษย์เก่า YMBA รุ่นแรกที่จบไปแล้วประสบความสำเร็จมาก
3)คุณพยนต์ พงศาวรี ผู้จัดการกองทุน บลจ.ทหารไทย เป็นตัวอย่างของนักศึกษา MBA
ที่มาจากสายวิศวกร แล้วเปลี่ยนมาทำงานสายการเงิน โดยยอมลดเงินเดือน 4 หมื่นเหลือหมื่นกว่าบาท
จนทุกวันนี้ทำงานด้านการเงินมากว่าสิบปีและประสบความสำเร็จ
4)ดร.กำพล ปัญญาโกเมศ รองอธิการบดี NIDA เป็นศิษย์เก่าของนิด้าเช่นกัน
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ คุณเมทยา ปรียานนท์(น้องเมย์) ดำเนินรายการ

เกริ่นนำ
MBA ย่อมาจาก Master of Business Administration
หมายความว่าคนที่เรียนจบมาจะเป็นกูรูทางด้านบริหารธุรกิจ

MBA จำเป็นไหม?
คุณวรวุฒิ
จำเป็นมาก ofm หรือ col วันนี้เกิดมาจาก thesis ปริญญาโท
เริ่มจากธุรกิจที่บ้านทำค้าส่งเครื่องเขียน เป็นตึกแถวสองสามห้อง
เราเห็นเพื่อนเติบโต เราก็อยากจะเติบโต อยากจะพัฒนาบ้าง
คิดว่าความรู้ไม่พอจึงตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโท ที่นิด้า
ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดหลักสูตร YMBA สามารถทำงานและเรียนไปด้วยได้
ช่วง 2 ปีที่เรียนช่วยเปิดโลกทัศน์มหาศาล ได้เห็น case study เยอะมาก ทำให้ฝันใหญ่
เราอยากทำ catalog sales จึงไปศึกษาธุรกิจของอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น
จึงศึกษาและนำไปเขียน โปรเจคจบ ชื่อ office mate จำกัด
ทำให้เราได้เขียน feasibility study เป็น
แล้วนำไปขอกู้แบงค์ทำให้เกิดบริษัท office mate เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
ตั้งแต่เรียนจบมาไม่เคยสมัครทำงานจากบริษัทอื่น
สิ่งที่ต้องใช้ตลอดเวลาคือเอาความรู้ในตำรามาใช้ในทางปฏิบัติ
เช่น operation management, human resource, accounting, marketing
เอามาประยุกต์ใช้และวางเป็นระบบของบริษัท
การทำงานจริงกับการเรียนไม่เหมือนกัน MBA เหมือนได้ลายแทงขุมทรัพย์
ถ้าได้ลายแทงแต่อยู่กับที่ไม่ได้ออกไปหา ก็ไม่เจอขุมทรัพย์
แต่ถ้าหาขุมทรัพย์แบบไม่มีลายแทงก็หาไม่เจอ
เรียน MBA จะช่วยให้เราดำเนินธุรกิจถูกต้อง ลดความผิดพลาด หรือถ้าผิดพลาดก็จะแก้ไขได้เร็ว
ถ้าไม่มี MBA นิด้า ก็ไม่มี office mate หรือ COL ในปัจจุบันที่ยอดขายปีละกว่าหมื่นล้านบาท

ดร.นิเวศน์
เสริมว่า คุณวรวุฒิเขารู้ว่าเขาอยากได้อะไร แล้วเดินเข้าไปหา
หลายๆคนไปเรียนทั้งที่ไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม คิดว่าคนส่วนใหญ่เรียนให้มีปริญญาสูงขึ้น มีโอกาสมากขึ้น
บางคนเรียนเสร็จก็ทำเหมือนเดิม เสียเวลาไป 2 ปี
โดยส่วนตัวก็เรียนไปโดยไม่ได้มีเป้าหมาย บังเอิญโชคดี ได้ไปเจอสิ่งที่เป็นเส้นทางของเรา
แต่ก็มีความเข้าใจเรื่องต่างๆมากขึ้น มีเบสิคมีความรู้พื้นฐานแต่ละเรื่องมากขึ้น
ก่อนเข้าไปเรียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าค้าขายต้องมีเงินหมุนเวียน
พี่ชายเคยไปรับเหมามีลูกค้ามีงานมีกำไรแต่สุดท้ายเจ๊ง ไม่มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ
ซึ่งการที่เรียนทำให้เราเข้าใจในการทำธุรกิจมากขึ้น มีสิ่งเกี่ยวข้องหลายอย่าง ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็เจ๊งได้
สมัยใหม่องค์กรสากลการก้าวไปเป็นผู้บริหารระดับสูงสมัยนี้ถ้าจบปริญญาตรีไม่มีทาง ถ้าเรียนจบวิศวกรก็ได้ทำไปจนตาย

คุณพยนต์
ถ้าไม่ได้จบ MBA นิด้า ก็ไม่ได้เปลี่ยนสายงาน เคยเป็นวิศวกรทำงานที่ต่างจังหวัด 4-5 ปี
ทีแรกไม่ได้อยากเปลี่ยนสายงาน แต่อยากเรียนเพื่อพัฒนาตัวเองในองค์กร
ด้วยเหตุผลที่ต้องทำงานและหาเงินเรียนไปด้วย จึงเลือกที่เรียนได้ในวันเสาร์อาทิตย์
พอเรียนไปสักพักก็เริ่มชอบวิชาด้านการเงิน รวมทั้งหลายๆปัจจัย เช่น อ่านหนังสือตีแตกด้วย เคยดู money talk ด้วย
จนเรียนจบทำงานไปและหาโอกาสเปลี่ยนมาทำสายการเงินแทน
ส่งใบสมัครไปตามโบรกเกอร์ บริษัทจัดการกองทุน ต่างๆจนได้งานทำในที่สุด

อ.กำพล
MBA ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยน และเป็นโอกาส เพราะจบปริญญาตรี ด้านวิทยาศาสตร์ microbiology ที่บางมด
เชื่อว่าหลายๆคนไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรในสมัยปริญญาตรี สอบติดอันไหนก็เรียนอันนั้น แล้วพยายามเรียนให้จบ
พอจบมาก็ทำงานในสายงาน ที่บริษัทนมตรามะลิ,อายิโนะโมโต๊ะ แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบ
ไม่ชอบทำงานด้านโรงงาน จึงตัดสินใจเรียน MBA ที่นิด้า เห็นว่าเป็นเครื่องมือที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต
เจอสิ่งที่ชอบทำได้ดีแล้วจะไม่ทรมาน ขวนขวายหาความรู้เพิ่ม
และอีกอย่างในทุกสายงาน จุดหนึ่งที่ทำงานไปก็ต้องทำงานระดับบริหารและต้องมีความรู้ด้านบริหาร
ส่วนตัวคิดว่า MBA เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้มีทุกวันนี้

คุณเมทยา
เข้าเรียน MBA โดยกึ่งบังเอิญ ส่วนตัวชอบการตลาด ลองหาดูว่าที่ไหนน่าสนใจ มาเจอที่นิด้า ที่การตลาด การเงินก็ดี
ตอนป.ตรี จบวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์มัลติมีเดีย ที่บางมด
อยากเปลี่ยนแนวเพราะคิดว่าตัวเองชอบคุยกับคนมากกว่าคอม
ตอนแรกเคยสัมภาษณ์ทุนตกรอบแรก เพราะยังไม่มีจุดประสงค์ที่แน่ชัดในชีวิต
จำได้ว่าตอนนั้นโดนถามว่าอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอะไร ยังตอบไม่ได้ขอเรียนก่อน
พอเรียนแล้วได้ความรู้เยอะ ปีที่สองเรียนไฟแนนซ์โหดมาก ถ้าเข้าสายปิดประตูทำ quiz เลย
นอกจากนี้การเรียนไม่ได้สอนแค่การเงินมีสอดแทรกการใช้ชีวิตด้วย

คนประเภทไหนคุณสมบัติแบบไหนควรเรียน?
คุณวรวุฒิ
คิดว่าคนที่เรียนควรอยากเป็นผู้บริหาร เป็นเป้าหมายหลัก ถ้าอยากปรับวุฒิปรับฐานะเป็นแค่ทางเลือกรอง
สมัยนี้องค์กรต้องการผู้ชำนาญ ก็ไปเรียนโทด้านนั้นโดยตรงก็ได้ เช่น การบริหาร logistics หรือ marketing
Trend ของยุคนี้อย่าง startup
ส่วนตัวพบว่าบริษัท startup ถ้ามีคนจบ MBA อยู่ในทีมด้วยก็จะไปได้ดีกว่าบริษัทอื่น
พวก Tech startup แม้จะเด่นด้าน technology แต่ถ้าไม่มีความรู้ด้านบริหารก็ไปได้ไม่ไกล
อย่าง Office mate สมัยก่อนก็ถือเป็น startup แต่ต้องหาเงินทุนด้วยตัวเอง
สมัยนี้มี venture capital, angle fund ต่างๆช่วยระดมทุน
Trend ของยุคนี้อีกอย่างคือ นักลงทุน
ถ้าจะวิเคราะห์หุ้น MBA ก็ช่วยให้เห็นภาพกว้างของธุรกิจ
Marketing, finance, production จะวิเคราะห์ได้เข้าใจง่ายขึ้น เห็นปัญหาของบริษัท
สังเกตเห็นว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายท่านก็จบ MBA
อ.นิเวศน์ เสริมอย่างในนักลงทุนระดับโลก เช่น วอรเรน บัฟเฟตต์
หรือ ปีเตอร์ลินซ์ แม้เจ้าตัวจะเคยพูดบอกว่า MBA ไม่ได้ช่วยอะไร
แต่ที่จริงคงซึมเข้าไปโดยไม่รู้ตัว มีหลายๆส่วนที่เป็นประโยชน์ ถ้าไม่ได้เรียนก็คงไม่เก่งแบบนี้

คุณพยนต์
บางคนถนัดเป็นวิศวกรการเติบโตในทางก็มีของมัน
แต่ส่วนตัวไม่ได้ชอบมากนัก ชอบประสานระหว่างหน่วยงาน ดูภาพรวมที่ควรจะเป็น
ก็มาค้นหาตัวเองจาก MBA ได้

คุณกำพล
คนที่เรียน MBA ควรชอบในการบริหารไม่ใช่แค่ธุรกิจ รวมถึงบริหารชีวิต
อย่างที่เข้า class ได้เรียน SWOT พบกลับมาก็ศึกษา SWOT ตัวเอง
ทำให้พบว่าชอบการเงิน อยากจะย้ายสายงาน จึงคิดต่อว่าถ้าอยากย้ายสาย ต้องมีเกรดที่ดี
ตอนเรียนจึงต้องไปทำ GPA ให้ดี จากนั้นต้องไปสอบ CFA สิ่งที่เป็นจุดอ่อนก็ปรับเปลี่ยน
และ MBA เป็นโอกาสที่ทำให้รู้ว่าเราชอบทางไหน เพราะเราได้เรียนทุก function
อีกอย่างหนึ่งที่เจอคือภาษาอังกฤษตัวเองอ่อน ซึ่งต้องปรับตัว มาอ่าน textbook สุดท้ายก็พบว่าตัวเองทำได้
นักศึกษาบางคนไปหาหนังสือแปลไทยมาอ่าน ซึ่งทำแบบนั้นไม่ช่วยให้ปิดจุดอ่อนตัวเองได้

เรียน MBA ควรจะได้อะไรไปบ้าง?
อ.นิเวศน์
ได้หัวใจของ MBA คือ กว้างขวางรู้โลกธุรกิจ อ่านข้อมูลธุรกิจเป็น เข้าใจธุรกิจได้
เรียน MBA แล้วจะสำเร็จหรือเปล่าไม่รู้ แต่อย่างน้อยเป็นประตู ที่เปิดเข้าได้หลากหลาย
จะเข้าแบงค์ เข้าบริษัทต่างๆ มีทางเลือกมากมาย
ถ้าเรียนอย่างอื่นเข้าผิดประตูแล้วไม่ดี ก็ลำบาก แต่ MBA เป็นประตูที่กว้าง
ส่วนตัวกว่าที่จะเปลี่ยนประตูใช้เวลานาน ที่เรียนปริญญาเอกเพราะเรียนปริญญาโทแล้วไม่รู้จะไปอย่างไรต่อ

ถ้าสนใจ MBA ควรเรียนที่ไหน?
อ.ไพบูลย์
แสดงข้อมูล Global MBA ranking โดย financial times
[สามารถดูได้ที่=> http://rankings.ft.com/businessschoolra ... nking-2015 ]
ส่วนใหญ่เป็นอเมริกา และยุโรป อย่างในเอเชียที่มีติดอันดับ เช่น ที่ สิงคโปร์, ฮ่องกง, จีน, อินเดีย

อ.กำพล
นิด้ามีคุณสมบัติอย่างหนึ่งคือไม่มีปริญญาตรี ภาระงานอาจารย์จึงไม่มาก
จึงมีความสนิทสนมขผูกพันกับลูกศิษย์ หลายอย่างก็ยังมีการสนับสนุนเกื้อกูลกันต่อไป
เป็นองค์กรที่ได้รับการันตีว่าได้มาตรฐานสากล AACSB คล้ายๆกับโรงงานต้องมี ISO 9001
ตอนนี้ MBA มีเยอะมาก คิดว่าไม่เกิน 5% ที่ได้ AACSB ในไทยน่าจะมี 3 ที่ (นิด้า,ศศินทร์,จุฬา)
อีกทั้ง Nida ก็มีความสัมพันธ์กับ Harvard มีโปรแกรม MOC (Microeconomics of Competitiveness)
เราได้เป็นที่เดียวที่ได้รับอนุญาตให้สอนโปรแกรมนี้ในไทย เอา case study มาใช้ในการเรียนการสอน
และ Wharton นิด้ามีโปรแกรม Nida-Wharton leadership program สำหรับพัฒนาผู้บริหาร

ถ้าเลือกได้ไปเรียนต่างประเทศไหม?
คุณวรวุฒิ
ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ถ้ามองในมุมมองนายจ้าง ปัญหาปัจจุบันคือมีสถาบันผลิตเยอะ
ความต้องการในตลาดต้องการไปเรียน MBA กันเยอะ
เพราะการขึ้นผู้บริหารระดับกลางขึ้นไปอย่างน้อยต้องจบปริญญาโท หรือมีผลงานโดดเด่น
ปัญหาที่ตามมาคือคุณภาพการเรียน พบว่า MBA หลายสถาบันคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร
ถ้าจะเรียนต่อเมืองไทย อย่าคิดว่าเรียนแค่จบได้ปริญญามา
หลายที่ก็มองว่าถ้ามาจาก MBA ไม่มีคุณภาพจะผ่านเรียกสัมภาษณ์ได้ยาก
การเรียน MBA ต่างประเทศ ข้อได้เปรียบสำคัญคือ ภาษาอังกฤษ
ดังนั้นถ้าเรียน MBA ในประเทศ ก็ต้องพัฒนาภาษาอังกฤษให้แข็งแรงด้วย
ในการทำงานจริงสุดท้ายวัดกันที่ผลงาน การจบจากสถาบันดีเกรดดีมีโอกาสในการเริ่มต้นได้มากกว่า
ถ้าใครเกรดไม่ดีต้องพิสูจน์ตัวเองมากขึ้นหน่อย
การเรียนต่อโทเมืองนอก ค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก ถ้าต้องทำงานและเรียนไปด้วย ก็ควรเรียนในไทย
การเรียนต่อที่ต่างประเทศ จะขาด connection relation กับเพื่อนร่วมรุ่นมากกว่าในไทย
ตอนที่เรียน นิด้า ได้เรียนรู้เยอะมากจากเพื่อนในห้อง มีผู้บริหารระดับกลางจากหลายบริษัท เก่งๆกันทั้งนั้น
หลังจากจบก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่

อ.กำพล
หลักสูตร MBA ของนิด้ามีหลากหลาย
- Regular MBA จันทร์-ศุกร์
- Flexible MBA เสาร์-อาทิตย์ คนสมัครเยอะ อัตรารับน้อย
คนที่มาเรียนอยากย้ายสายงาน เกิน 50% เป็นวิศวกร
- Young executive MBA
- Executive MBA
- International MBA เรียนภาษาอังกฤษ
มีตอบโจทย์ค่อนข้างครบ และจะมีเปิดหลักสูตร Professional MBA
เน้นสำหรับคนได้เกียรตินิยมมาสมัคร ให้ทุนค่าเล่าเรียนเกือบทั้งคลาส
ซึ่งในโปรแกรมนี้จะสอนได้ลึกขึ้นเร็วขึ้น
ทุนนอกจากนี้ในหลักสูตรอื่นก็มีทุนให้ลองไปศึกษารายละเอียดดูได้
น้องเมย์ เสริมว่า นิด้าเป็นสถาบันการศึกษาของรัฐบาล ก่อตั้งโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

คุณพยนต์
เนื้อหาวิชาการคิดว่าไม่แพ้ต่างประเทศ แต่จะมีเรื่องภาษาที่ต้องพัฒนาตัวเองเพิ่ม
ที่สัมผัสได้เด็กรุ่นใหม่จะภาษาดีตั้งแต่มัธยมแล้ว รู้สึกว่าข้อจำกัดภาษาน้อยลง
อย่างหลักสูตรของ Michael e porter ก็เคยได้เรียน
คิดว่าหลักสูตรไทยน่าจะสู้ได้ แต่ที่สำคัญในการทำงานจริงต้องพิสูจน์

สรุปปิดท้าย MBA เป็นประตูสู่ความสำเร็จ?
ดร.นิเวศน์
MBA เปิดโอกาสให้ได้ลอง ให้ทำอะไรใหม่ ทำธุรกิจ ใช้เวลาเรียน 2 ปีช่วยย่นเวลากว่าเรียนรู้เอง

ดร.ไพบูลย์
ปิดท้ายไม่จำเป็นต้องเรียน MBA ก็ได้ จะเรียนเฉพาะทางก็ได้
จะเรียน MBA ก็เลือกให้ดี หาประโยชน์ให้เต็มที่
ถ้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ใช้เงินทุนรัฐบาล เรียนได้ความรู้แล้วก็ควรตอบแทนตอบแทนให้แผ่นดิน

ขอบพระคุณอ.ไพบูลย์,พิธีกร,วิทยากร, ทีมงาน money talk และผู้สนับสนุนทุกท่าน
ในช่วงที่ 2 ทางคุณ amornkowa จะช่วยแชร์ต่อนะครับ


Moneytalk at SET ครั้งถัดไป 28 Nov เปิดจอง 21 Nov 7 โมงเช้า
Money talk 28 พฤศจิกายน 2015
หัวข้อ 1 ประสบการณ์ฝังใจจากรุ่นใหญ่พิเศษ
คุณสวัสดิ์ , คุณวสันต์ เบนซ์ทองหล่อ, ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์, ดร.นิเวศน์ ดำเนินรายการโดย อ.ไพบูลย์, อ.เสน่ห์
หัวข้อ 2 จับ Mega trend เน้นหุ้นลงทุน คุณธันวา , ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์, คุณกวี ชูกิจเกษม, ดร.นิเวศน์
ดำเนินรายการโดย อ.ไพบูลย์, อ.เสน่ห์

Money talk 19 ธันวาคม 2015
หัวข้อ 1 จับทิศทางเศรษฐกิจไทย ลุ้นหุ้นกระแสใหญ่ปี 59 ดร.กอบศักดิ์ ดำเนินรายการโดย อ.ไพบูลย์, อ.เสน่ห์,อ.นิเวศน์
หัวข้อ 2 หุ้นปี 59 รุ่งเรืองหรือรุ่งริ่ง คุณมนตรี ศรไพศาล, ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ, อ.นิเวศน์
ดำเนินรายการโดย อ.ไพบูลย์, อ.เสน่ห์

Money talk 9 มกราคม 2016
หัวข้อ 1 หุ้นเด่นปี 59 ในใจ super analyst ดร. วิศิษฐ์ องคพิพัฒนกุล, สุกิจ อุดม , กวี ชูกิจเกษม
ดำเนินรายการโดย อ.ไพบูลย์, อ.เสน่ห์
หัวข้อ 2 มองห้นไทยกับ super vi นิเวศน์, โจ ลูกอีสาน, คุณพีรนาถ, ประชา, นพ.พงษ์ศักดิ์
ดำเนินรายการโดย อ.ไพบูลย์, อ.เสน่ห์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘