การสละแล้วของหลวงพ่อเกษม
การสละแล้วของหลวงพ่อเกษม
ในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 ในตอนรุ่งเช้า หลวงพ่อเกษมท่านได้เขียนจดหมายทิ้งไว้ มีข้อความดังนี้ " การเป็นเจ้าอาวาสเปรียบเสมือนหัวหน้าครอบ ครัว จึงไม่เหมาะกับเรา เราเป็นพระกรรมฐานที่ต้องการความสงบ เราไม่ขอกลับมาอีก อย่าได้ติดตามเราไป ทุกอย่างเราสอนดีแล้ว จงประพฤติไปเถิดจะเกิดผล " ท่านออกจากวัดโดยมิได้มีอะไรติดตัวไปเลย มีเพียงบาตรและจีวรเท่านั้น สถานที่ที่ท่านเดินทางไปอยู่แห่งแรกคือ ป่าช้าศาลาวังทาน แม้ท่านจะไปอยู่ที่แห่งไหน ก็ไม่พ้นความวุ่นวาย ผู้ที่เคารพศรัทธาท่านก็ติดตามไปทุกที่
ในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 ในตอนรุ่งเช้า หลวงพ่อเกษมท่านได้เขียนจดหมายทิ้งไว้ มีข้อความดังนี้ " การเป็นเจ้าอาวาสเปรียบเสมือนหัวหน้าครอบ ครัว จึงไม่เหมาะกับเรา เราเป็นพระกรรมฐานที่ต้องการความสงบ เราไม่ขอกลับมาอีก อย่าได้ติดตามเราไป ทุกอย่างเราสอนดีแล้ว จงประพฤติไปเถิดจะเกิดผล " ท่านออกจากวัดโดยมิได้มีอะไรติดตัวไปเลย มีเพียงบาตรและจีวรเท่านั้น สถานที่ที่ท่านเดินทางไปอยู่แห่งแรกคือ ป่าช้าศาลาวังทาน แม้ท่านจะไปอยู่ที่แห่งไหน ก็ไม่พ้นความวุ่นวาย ผู้ที่เคารพศรัทธาท่านก็ติดตามไปทุกที่
ท่านได้เพียรพยายามหาเวลานั่งกรรมฐานชนิดไม่มีเวลาหยุดพัก
แม้กระทั่งมีญาติโยมที่นำของไปถวายท่าน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีค่ามากเท่าใด
ท่านก็ต้องให้ทานไปต่อทุกครั้ง ท่านแสดงให้เห็นถึงการตัดสิ้นแล้วซึ่งกิเลส
แม้ผ้าไตรดีๆเช่นผ้าไตรแพร มีคนเอามาถวายท่าน
ท่านก็ต้องออกปากชมว่าสวยดี และมักจะได้ยินท่านบอกว่า
" เฮาเป๋นพระป่าบ่เปิง หื้อพระอยู่วัดใจ้ดีกว่า " แปล เราเป็นพระอยู่ป่า ไม่เหมาะสมจะใช้ ให้พระอยู่วัดใช้ดีกว่า
" ขาดเย็บได้ไม่เห็นเดือดร้อน ดีเสียอีกที่ไม่ต้องระวังว่ามันจะเปื้อน " แม้กระทั่งการฉันของท่านเอาแน่ไม่ได้ บางทีสามวันฉันครั้งบ้างเจ็ดวันฉันครั้ง บ้างฉันติดกันทุกวัน แต่ที่แน่ที่สุดคือ
อาหารที่ท่านฉันทุกอย่างจะต้องปล่อยให้บูด อย่างน้อยสามวันเจ็ดวัน ท่านเคยอดอาหารครั้งหนึ่งมีกำหนด 49 วัน ฉันแต่น้ำเท่านั้น จนกระทั่งวันที่ 48 ลูกศิษย์เห็ท่านมีอาการโผเผอ่อนลง จึงเป็นห่วงขอนิมนต์ท่าน ถึงไม่ฉันอาหารก็ให้ท่านฉันผลไม้บ้าง ท่านก็ยอม ลูกศิษย์จัดแจงหาผลไม้ ขณะนั้นมีคนสามคนไปพบท่าน คุยกับท่านเกือบสองชั่วโมง จนลูกศิษย์เป็นห่วงและได้พูดกับทั้งสามคนว่า
" ขอประทานโทษคุณครับ ขอเวลาให้ท่านฉันผลไม้สักครู่น่ะครับ " ทั้งสามคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า
" ท่านไม่หิวหรอก " เท่านั้นเองหลวงพ่อเกษม ก็เอาผลไม้ที่ปอกไว้ให้ทั้งสามคนกินจนหมด จากนั้นทั้งสามคนจึงขอตัวกลับ ลูกศิษย์จึงถามหลวงพ่อว่า ทำไมหลวงพ่อไม่ฉัน
ท่านกลับตอบว่า " เขามาลองดี เขามาสอบไล่เรา " การกระทำของท่านนั้น เป็นเพียงการฝึกจิตให้แข็งกล้า เรื่องการปฏิบัติขั้นอุกกฤษ์ของหลวงพ่อเกษม เคยมีลูกศิษย์สอบถาม หลวงปู่บุดดา ถาวโร ท่านได้เล่าเปรียบเทียบถึงพระอริยสงฆ์บางองค์ ที่สำเร็จโดยการบำเพ็ญเพียรด้วยการทรมานกายนั้น เนื่องจากอดีตชาติท่านได้เกิดเป็น ฤาษีที่บำเพ็ญปฏิบัติด้วยการทรมานตนเอง หลายภพหลายชาติจนเกิดความเคยชินเรียกว่า จริตของบุคคลนั้น สำหรับหลวงพ่อเกษมนั้น หมดภพหมดชาติแล้ว จะไม่มีการกับมาจุติอีกต่อไป
ขอนอบน้อม ด้วยกาย ด้วยจิต ด้วยความศรัทธา
ขอบคุณที่มา..เพจหลวงพ่อเกษม เขมโก
" เฮาเป๋นพระป่าบ่เปิง หื้อพระอยู่วัดใจ้ดีกว่า " แปล เราเป็นพระอยู่ป่า ไม่เหมาะสมจะใช้ ให้พระอยู่วัดใช้ดีกว่า
" ขาดเย็บได้ไม่เห็นเดือดร้อน ดีเสียอีกที่ไม่ต้องระวังว่ามันจะเปื้อน " แม้กระทั่งการฉันของท่านเอาแน่ไม่ได้ บางทีสามวันฉันครั้งบ้างเจ็ดวันฉันครั้ง บ้างฉันติดกันทุกวัน แต่ที่แน่ที่สุดคือ
อาหารที่ท่านฉันทุกอย่างจะต้องปล่อยให้บูด อย่างน้อยสามวันเจ็ดวัน ท่านเคยอดอาหารครั้งหนึ่งมีกำหนด 49 วัน ฉันแต่น้ำเท่านั้น จนกระทั่งวันที่ 48 ลูกศิษย์เห็ท่านมีอาการโผเผอ่อนลง จึงเป็นห่วงขอนิมนต์ท่าน ถึงไม่ฉันอาหารก็ให้ท่านฉันผลไม้บ้าง ท่านก็ยอม ลูกศิษย์จัดแจงหาผลไม้ ขณะนั้นมีคนสามคนไปพบท่าน คุยกับท่านเกือบสองชั่วโมง จนลูกศิษย์เป็นห่วงและได้พูดกับทั้งสามคนว่า
" ขอประทานโทษคุณครับ ขอเวลาให้ท่านฉันผลไม้สักครู่น่ะครับ " ทั้งสามคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า
" ท่านไม่หิวหรอก " เท่านั้นเองหลวงพ่อเกษม ก็เอาผลไม้ที่ปอกไว้ให้ทั้งสามคนกินจนหมด จากนั้นทั้งสามคนจึงขอตัวกลับ ลูกศิษย์จึงถามหลวงพ่อว่า ทำไมหลวงพ่อไม่ฉัน
ท่านกลับตอบว่า " เขามาลองดี เขามาสอบไล่เรา " การกระทำของท่านนั้น เป็นเพียงการฝึกจิตให้แข็งกล้า เรื่องการปฏิบัติขั้นอุกกฤษ์ของหลวงพ่อเกษม เคยมีลูกศิษย์สอบถาม หลวงปู่บุดดา ถาวโร ท่านได้เล่าเปรียบเทียบถึงพระอริยสงฆ์บางองค์ ที่สำเร็จโดยการบำเพ็ญเพียรด้วยการทรมานกายนั้น เนื่องจากอดีตชาติท่านได้เกิดเป็น ฤาษีที่บำเพ็ญปฏิบัติด้วยการทรมานตนเอง หลายภพหลายชาติจนเกิดความเคยชินเรียกว่า จริตของบุคคลนั้น สำหรับหลวงพ่อเกษมนั้น หมดภพหมดชาติแล้ว จะไม่มีการกับมาจุติอีกต่อไป
ขอนอบน้อม ด้วยกาย ด้วยจิต ด้วยความศรัทธา
ขอบคุณที่มา..เพจหลวงพ่อเกษม เขมโก