ธรณีนี่นี้เป็นพยาน...คนด่าวัดพระธรรมกายมานาน...ทำไมไม่โดนจับ???

ต้นปี 2559....
สังฆมลฑล...ร้อนเป็นไฟ เพราะใครกัน...??? 
ต้องการให้หลวงพ่อธัมมชโยสึกให้ได้
และไม่ให้สมเด็จฯ วัดปากน้ำขึ้นเป็นสังฆราช
เพียงเพื่อสิ่งใด...ลองคิดให้ดี 
ผู้กล่าวหาเอาความผิดนี้...เขาหวังสิ่งใด




จะกล่าวหาทั้งที...ดูให้ดีก่อนว่าผู้มีศรัทธา 
เขาตั้งใจทำทานในพระพุทธศาสนาไม่มีใครบังคับ
คนทำบุญโดนด่า...แล้วคนกล่าวหา สร้างประโยชน์อันใดไว้บ้าง?




แม้ฟ้าอาจะไม่มีตา...สวรรค์อาจไม่มีใจ
แต่กฎแห่งกรรมไม่เคยละเว้นใคร
ผู้ปัญญา..เชิญพิจารณาว่าใครกันแน่ที่บริสุทธิ์
ผู้กล่าวหาว่าวัดพระธรรมกาย ไม่ดี...พิจารณาว่าเขานั้น
"รักพระพุทธศาสนาจริงๆ หรือไม่" ????

ดูตัวอย่างเรื่องในพุทธกาล "มโหสถบัณฑิต"

พิชิตคดีความ ยักษิณีจำแลง...แย่งลูกน้อยของสตรีผู้เป็นมารดา

ครั้งหนึ่งมีสตรีนางหนึ่งอุ้มบุตรไปดื่มน้ำยังสระโบกขรณีของมโหสถ
ครั้งแล้ว..นางได้วางบุตรน้อยไปริมฝั่งให้ปลอดภัย 
ในเวลานั้น..นางยักษิณีผู้หิวโหยผ่านมา ได้จำแลงเป็นหญิง
แกล้งหยอกล้อกับเด็กแล้วอุ้มหนีไป
สตรีผู้เป็นแม่พบเห็น..จึงตะโกนและวิ่งไล่เพื่อนำลูกกลับคืน
นางยักษ์ตะโกนร้องเสียงอันดังว่า ...เด็กทารกเป็นบุตรตน

มโหสถเมื่อได้ยินเสียงทะเลาะนั้นจึงเข้าไปเพื่อช่วยวินิจฉัยความ
เพียงแค่ดูเงา ก็ทราบได้ด้วยปัญญาว่าหญิงที่อุ้มลูกไม่ใช่มนุษย์

วิธีวินิจฉัยคดีความนี้ง่ายมาก...มโหสถได้ขีดเส้นแบ่งกั้นไว้
แล้วนำทารกวางตรงกลาง...กติกาคือ ให้นางยักษ์จำแลงดึงแขน
ส่วนสตรีผู้เป็นมารดาจับขาของทารก ใครสามารถดึงเด็กทารกเลยเส้นกั้น...คนผู้นั้นคือแม่ของเด็กที่แท้จริง

เมื่อได้ยินสัญญาณ นางยักษิณีไม่รอช้า ดึงแขนทารกสุดกำลัง 
มารดา ดึงขาเด็กไว้ แล้วทนเห็นบุตรของตนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดไม่ไหว..จึงได้ปล่อยบุตรของตนไป แล้วร่ำไห้

มโหสถบัณฑิต...ได้กล่าวว่า 
"ธรรมดาจิตใจของหญิงผู้เป็นมารดา 
กับของหญิงที่ไม่เป็นมารดา ฝ่ายไหนจะมีความสงสาร 
หรือหวั่นไหวไปตามอาการของลูกที่เจ็บปวด" 
มหาชนได้ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ผู้เป็นมารดาเท่านั้น 
ที่จะรู้สึกอย่างนี้ได้มากกว่าใครๆ เพราะเมื่อคราวลูกอยู่ดีมีสุขใจ
มารดาก็แช่มชื่น คราวลูกเจ็บไข้ได้ทุกข์ ใจมารดาก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย นี่เป็นธรรมดาของผู้เป็นมารดา"



"หญิงคนนี้ไม่ใช่เป็นมนุษย์แต่เป็นยักษิณี 
จะมาแย่งเด็กไปกินเป็นอาหาร 
ไม่กะพริบเลย และตัวก็ไม่มีเงาคนอย่างนี้มีที่ไหน 
มิหนำซ้ำจิตใจยังผิดมนุษย์อีกด้วย ทารุณโหดร้าย 
เด็กอ่อนแท้ๆ นางยังกล้ายื้อแย่งดึงไป 
เด็กจะเจ็บจะร้องอย่างไรก็ไม่สนใจ เพียงขอให้
ได้เด็กไปเท่านั้น มนุษย์แท้จะมีจิตใจอย่างนี้มิได้" 


ในที่สุดนางยักษิณียอมรับว่าตนปลอมมาเพราะหิวอาหาร
และเมื่อ..นางยักษ์ได้ฟังธรรมด้วยถ้อยคำไพเราะของมโหสถ
จึงกลับตัว-กลับใจ รักษาศีล 5 และยอมปล่อยทารกไปแต่โดยดี
สตรีผู้เป็นมารดากล่าวขอบคุณมโหสถบัณฑิตที่วินิจฉัยความเป็นธรรม
แล้วนำบุตรของตนกลับบ้านไปโดยความปลอดภัย

ทีนี้ลองพิจารณา...ผู้กล่าวหาวัดพระธรรมกาย
ทาน...ศีล...ภาวนา ของบุคคลนั้นบริสุทธิ์หรือไม่
แววตา...ท่าทาง...ภาษาอันหยาบกร้าน
หามิได้เลย...เทียบเท่ากับนางยักษิณีจำแลงมา
เพราะหิวโหยหาอาหาร ทำทุกอย่างให้ได้สิ่งที่ต้องการ
นอกจากเขาจะโกหกตนเองว่าเป็น "คนดี" 
เขายังโกหกคนทั้งโลกอีกด้วย


คำชี้แจงที่ชัดเจนของวัดพระธรรมกาย





ธรณีนี้...แผ่นดินนี้เป็นพยาน
คนชั่วช้า..มานาน ไม่โดนพิพากษา
ทุกข้อกล่าวหา
รื้อฟื้นดคีที่จบไป...ใส่ไข่คดีอื่นๆ

เขาจะทำชั่วช้าเช่นนี้ได้ไม่นานหรอก...
เพราะคนเราอายุไม่ถึงร้อยปี
ไม่ตายเพราะความช้ำใจ
ก็ต้องตายเพราะวิบากกรรมชั่วช้า สาสม...

วอนDSI ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ทำให้ถูกต้องตามธรรม
นำความสุขคืนสู่ประชาชน


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘