ลิขิตพระสังฆราช โดยทนายพระ ตอนที่4
คุณทนาย
จั่วเรื่องลิขิตพระสังฆราชแต่ไม่เห็นพูดถึงพระลิขิตเลยมัวแต่เต้นฟุตเวอร์คอ
ยู่ได้ ขณะนี้สังคมกำลังสับสนเอาพระลิขิตมาเล่นจนเละเป็นโจ๊ก
ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ออกมาชนกับโฆษกมหาเถรอย่างจัง หลวงพ่อโฆษก ( พระพรหมเมธี )ก็เลยโดนอาวุธลับของพวกมือที่มองไม่เห็นซัดเข้าให้ บ้างก็บอกว่าท่านคงได้อามิสจากวัดพระธรรมกาย แต่ขอให้เชื่อผมก็แล้วกัน ถึงอย่างไรมหาเถรสมาคมท่านก็มีหลักคิดของท่าน คือถือเอาพระธรรมวินัยเป็นหลัก ทางโลกจะตัดสินอย่างไรมันคนละส่วนเสมือนคนละโลก คือทางโลกกับทางธรรม ขอให้รู้ไว้นะครับ ฐิทิพระ มานะกษัตริย์ ยังใช้ได้และทันสมัยเสมอแหละครับ ไม่เชื่อไปถามท่านมหาวันชัย สอนศิริ จะได้คำตอบอย่างชัดเจนที่สุด
วันนี้ผมขอนำสืบให้รู้ว่ากรณีวัดพระธรรมกายนั้น มหาเถรสมาคมท่านคิดอ่านแก้ไขกันอย่างไร เมี่อแก้แล้วมันมีเรื่องอะไรตามมา เพราะเหตุใดจึงมีพระลิขิตออกมา เหตุการณ์บ้านเมืองตอนนั้นมันเป็นอย่างไร หลายคนคงลืมไปแล้ว แต่ผมจะทบทวนให้ฟังกันจะๆ
เอาเรื่องเหตุการณ์ทางโลกก่อนก็แล้วกัน ตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ เป็นต้นมา มีสื่อที่เสนอข่าวกรณีวัดพระธรรมกาย คือหนังสือพิมพ์ มีอยู่ ๒ ภาษาคือฉบับภาษาไทยกับฉบับภาษาอังกฤษ เอาเฉพาะฉบับภาษาไทยแทบทุกฉบับเสนอข่าวรุมถล่มวัดพระธรรมกายแบบไม่มีดีก็ แล้วกัน มีเพียงฉบับเดียวที่เสนอข่าวในทางสร้างสรรค์ทางวัดพระธรรมกายคือหนังสือ พิมพ์ไทย ส่วนทีวีก็แนวเดียวกันเป็นไปตามกระแสสังคมยิ่ง ไอทีวี ยิ่งแล้วใหญ่ ถ้าคิดไม่ออกก็เหมือนเหตุการณ์ในปี ๒๕๕๘ นี้แหละ
ส่วนเหตุการณ์ทางธรรม นั้นนับ แต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ที่นายพิภพ กาญจนะ เลขาธิการมหาเถรสมาคมในตอนนั้นได้ประมวลเรื่องกรณีวัดพระธรรมกาย เสนอให้มหาเถรสมาคมพิจารณาแล้ว ยังมีของกระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เสนอเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๒ เรื่องทั้งหมดนี้ มหาเถรสมาคมมีมติให้ พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ เป็นผู้พิจารณาแล้วรายงานเสนอมหาเถรสมาคมผ่าน สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ( วัดชนะสงคราม )
การพิจารณากรณีของวัดพระธรรมกาย คณะปกครองสูงสุดหรือมหาเถรสมาคม พิจารณากันอย่างไร
พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ ได้พิจารณาเรื่องของวัดพระธรรมกายทั้งหมดแล้วจึงได้ทำรายงานเสนอต่อ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ( วัดชนะสงคราม ) หนังสือที่ ๑๗/๒๕๔๒ ลงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๒ เมื่อทราบแล้วท่านได้แจ้ง อธิบดีกรมศาสนา ให้นำเสนอต่อมหาเถรสมาคมรับทราบต่อไป
เมื่อเลขาธิการมหาเถรสมาคมได้รับรายละเอียดที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ( วัดชนะสงคราม )แจ้งให้นำเข้าที่ประชุม มหาเถรสมาคมแล้ว นายพิภพ กาญจนะ ได้รีบนำเข้าที่ประชุม มหาเถรสมาคมโดยมิชักช้าคือการประชุม ครั้งที่ ๑๐/๒๕๔๒ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๔๒ ในที่ประชุมได้พิจารณาและรับทราบการชี้แจงประกอบรายงานโดยละเอียด โดยพระพรหมโมลีท่านเป็นผู้ชี้แจง แล้วมส.จึงมีมติที่ ๑๐๑/๒๕๔๒ เรื่องรายงานการพิจารณาดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี ว่า
“ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพื่อความรอบคอบ ให้กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูปนำรายงานการพิจารณาดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย ของเจ้าคณะภาค ๑ ไปพิจารณารวมกับเอกสารข้อมูลของคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลกรณีวัดพระธรรมกาย ของกระทรวงศึกษาธิการ และข้อมูลสรุปประเด็นกรณีวัดพระธรรมกายของคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ว่าการสรุปของเจ้าคณะภาค ๑ เป็นการเพียงพอหรือไม่ถ้าไม่เพียงพอ จะเพิ่มเติมอะไรบ้าง หรือมีความเห็นอย่างไร ก็ให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอมหาเถรสมาคม”
เมื่อที่ประชุมมหาเถรสมาคมมีมติออกมาชัดเจนเช่นนี้ กรรมการมหาเถรสมาคมแต่ละรูปต่างก็ได้บันทึกความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรมีข้อ ปลีกย่อยแตกต่างกันไปได้ แต่โดยสรุปแล้วก็เห็นชอบตามที่พระพรหมโมลีเจ้าคณะภาค ๑ ได้ดำเนินการไปแล้ว ดังเช่น :-
สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ได้บันทึกความเห็นสั้นๆว่า “เห็นชอบตามที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ ได้นำเสนอแล้ว แต่เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ เห็นควรมอบหมายให้ท่านควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดในฐานะเจ้าคณะปกครอง”
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ได้บันทึกความเห็นว่า “กรณีวัดพระธรรมกาย เจ้าคณะภาค ๑ ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ชอบแล้ว ส่วนผู้ที่ไม่พอใจในการดำเนินในส่วนนี้ก็ดี หรือในส่วนอื่นก็ดีจะต้องฟ้องร้องกล่าวโทษโจทผู้กระทำผิดตามวิธีที่ท่าน กำหนดไว้ โดยหลักเกณฑ์และวิธีการจึงจะชอบด้วยวิธีการ”
พระสุเมธาธิบดี วัดมหาธาตุ ได้บันทึกความเห็นโดยสรุปว่า “เรื่องวัดพระธรรมกายนี้ ไม่มีโจทก์กล่าวฟ้องโดยตรง เพียงแต่สื่อต่าง ๆ นำข้อเสนอสังเกตุของคณะกรรมมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎรบ้าง จากกรมการศาสนาบ้าง มาวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความปราถนาดีมิได้กล่าวโทษเป็นโจทก์ฟ้องวัดพระธรรมกาย แต่ประการใด
เมื่อว่าโดยรัฐประศาสนศาสตร์ พระพุทธเจ้าก็ทรงยอมรับฟังเสียงท้วงติงและทรงรับสั่งประชุมสงฆ์ พิจารณาชี้แจงจัดพุทธบัญญัติตามควรแก่กรณีนั้น ๆ แต่ก็ควรให้เป็นไปตามความชอบตามกระบวนการยุติธรรมของคณะสงฆ์ที่ มส. พิจารณาเป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว”
พระอุดมญาณโมลี วัดสัมพันธวงศ์ ได้บันทึกความเห็นเป็นเชิงเทศนาโวหารแล้วสรุปลงว่า “เท่าที่สื่อสารมวลชนได้ลงข่าวแสดงความเห็นไปในทัศนะต่าง ๆ นั้น แม้จะความหวังดี แต่อย่าประมาท ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย ควรระมัดระวังอันตรายที่ออกจากปาก เพราะข่าวคราวที่ออกจากปากคนแล้วสามารถขยายเป็นภัยใหญ่หลวง จนไม่สามารถป้องกันแก้ไขได้ อดีตกาลเป็นครูสอนพวกเราอยู่แล้ว ควรสำเหนียกสำนึกระมัดระวังอย่าประมาทเป็นอันขาดต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มีประจำทุกวัน”
พระพรหมจริยาจารย์ วัดเบญจมบพิตร ได้บันทึกความเห็นว่า “เจ้าคณะภาค ๑ ได้พยายามประคับประคองให้เรื่องนี้ผ่อนคลายความร้อนลงมาอย่างสุดความสามารถ แล้ว เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน รุนแรงไปก็อาจทำให้แตกร้าวกันไปจนต่อไม่ติด สังเกตดูทางวัดพระธรรมกายก็โอนอ่อนยินดีปฏิบัติตามมิได้ดื้อรั้นด้วยทิฐิ มานะอะไร ส่วนเรื่องอื่น ๆ เช่น :-
๑. นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา มหาเถรสมาคมควรยกมาถกกัน ถ้าเห็นต่างกัน ฝ่ายใดมากกว่าก็ถือเอาตามนั้น เพื่อตัดปัญหาที่ค้างคาใจของพุทธศาสนิกชนมาเป็นเวลานาน
๒. กรรมสิทธิ์ที่ดินของวัดพระธรรมกาย ถ้าจะมีปัญหาอยู่บ้างก็เฉพาะที่มีโฉนดเป็นชื่อของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เท่านั้น ควรให้เป็นหน้าที่ของพระสังฆาธิการผู้บังคับบัญชา จะได้สำรวจตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินที่ซื้อที่ดินนั้นเป็นของวัดหรือใคร บริจาค
๓. เรื่องการอวดอุตริมนุสสธรรม เป็นของยากเพราะพระผู้พูดตามที่เห็นจริง แต่เรื่องที่เห็นจะจริงหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ฟังๆดูแล้วคลล้ายๆกับเรียนแบบมาจากจตุตถปาราชิก
๔. เรื่องมาตุคาม อ่านดูแล้วก็ยังเลื่อนลอยหาคนโจทตามพระวินัยไม่ได้
๕. แสดงตัวเป็นต้นธาตุต้นธรรม ใช้คำว่าพระบรมพุทธเจ้าด้วยวาจาของตนเอง คิดว่าคงจะมความประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง
พระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตร ท่านได้บันทึกว่า พิจารณาแล้วสมควรแยกเป็น ๒ ทาง คือ
๑. ในส่วนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของราชอาณาจักร เช่น เรื่องการถือครองที่ดินของเจ้าอาวาสพระธรรมกายทุกประการ
๒.ในส่วนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของพุทธจักร
๒.๑ ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของพระสังฆาธิการผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด เช่น เรื่องการอวดอุตริมนุสสธรรม เรื่องสตรี ๖ คน เรื่องต้นธาตุต้นธรรม เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ รื่องศาสนพิธีพิสดารเกี่ยวกับการถวายข้าวพระพุทธ ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของพระสังฆาธิการผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาลงนิคคหกรรม ตามกฎมหาเถรสมาคม
๒.๒ ที่อยู่ในอำนาจ หน้าที่ของพระสังฆาธิการผู้บังคับบัญชาระดับสูง เช่น เรื่องธรรมกายและนิพพานเป็นอัตตา เรื่องการประกาศรื้อพระไตรปิฎก เรื่องกระบวนการทำให้บุญเป็นสินค้าคือการขายบุญ เรื่องการสร้างพระธรรมกายเจดีย์ให้ใหญ่และอัศจรรย์ที่สุด เรื่องการสร้างพระพุทธรูปและพระเจดีย์รูปแบบที่คิดนึกตามใจชอบ และเรื่องการที่เป็นผู้ผูกขาดบุญ ฯลฯ
ดังนั้น จึงสรุปความเห็นว่า การดำเนินการกรณีของวัดพระธรรมกายของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ โดยแนะนำให้วัดพระธรรมกายบริหารงานทั้ง ๔ ประการ ให้ถูกต้องโดยปฎิบัติตามกฎหมายเป็นต้นนั้น ชอบแล้ว
พระวิสุทธาธิบดี วัดสุทัศนเทพวราราม ได้สรุปการพิจารณาปฎิบัติการของวัดพระธรรมกายที่ควรดำเนินการ ๓ ประการคือ
๑. เรื่องใดที่ทางวัดพระธรรมกายดำเนินถูกต้องแล้วให้ดำเนินการต่อไป
๒. เรื่องใดที่เป็นกระแสต่อต้านจากสังคม หรือทำให้สังคมเดือดร้อนซึ่งอาจจะเป็นกระแสต่อต้านจากสังคม หรือทำให้สังคมเดือดร้อน ซึ่งอาจจะเป็นจุดอ่อน ให้ดำเนินแก้ไขปรับเปลี่ยน
๓. เรื่องใดที่ผิดแผกไปจากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จะต้องแก้ไขให้ถูกต้องทั้งหมด เพื่อให้เกิดทิฐิสามัญญตา และสีลสามัญญตา
ความเห็นของกรรมการเถรสมาคมแต่ละรูปนั้น กรมการศาสนาได้ประมวลบันทึกความเห็น และได้ลำดับเรื่องของวัดพระธรรมกายว่า ได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วรวม ๔ ครั้ง คือ
ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ เลขาธิการ มส. นำเรื่องของวัดพระธรรมกายให้มส. พิจารณาเมื่อ พิจารณาแล้วมีมติมอบหมายให้เจ้าคณะภาค ๑ ไปพิจารณา
ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ ทางกระทรวงศึกษาส่งเรื่องวัดพระธรรมกายให้ มส. พิจารณา เมื่อพิจารณาแล้วมีมติมอบหมายให้เจ้าคณะภาค ๑ ไปพิจารณา
ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๒ ทางคณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้สรุปประเด็นที่สำคัญกรณีวัดพระธรรมกายที่ประชุมกัน ๖ ครั้ง ทูลถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช ทรงพิจารณา พระองค์ส่งเรื่องให้ มส. พิจารณา เมื่อพิจารณาแล้วมีมติมอบหมายให้เจ้าคณะภาค ๑ ไปพิจารณารวมเป็นสำนวนเดียวกัน
ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๔๒ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง นำรายงานของ เจ้าคณะภาค ๑ ที่ มส. มีมติให้ท่านเป็นผู้พิจารณานำเข้าที่ประชุม มส. เมื่อพิจารณาแล้ว มีมติว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ให้มส. แต่ละรูปไปศึกษาแล้วทำบันทึกความเห็นเสนอต่อที่ประชุมพิจารณาต่อไป
ในครั้งต่อไปเลขาธิการมหาเถรสมาคมจะนำเรื่องราวทั้งหมด เสนอในการประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมาคมเรื่องกรณีวัดพระธรรมกาย ในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๒ ซึ่งในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้น ลิขิตพระสังฆราช เป็นมหากาพย์ศึกวัดพระธรรมกายที่ลือลั่นในขณะนี้ ขอจบก่อนนะครับ สนใจก็ติดตามต่อไป นมัสเต ครับ
ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ออกมาชนกับโฆษกมหาเถรอย่างจัง หลวงพ่อโฆษก ( พระพรหมเมธี )ก็เลยโดนอาวุธลับของพวกมือที่มองไม่เห็นซัดเข้าให้ บ้างก็บอกว่าท่านคงได้อามิสจากวัดพระธรรมกาย แต่ขอให้เชื่อผมก็แล้วกัน ถึงอย่างไรมหาเถรสมาคมท่านก็มีหลักคิดของท่าน คือถือเอาพระธรรมวินัยเป็นหลัก ทางโลกจะตัดสินอย่างไรมันคนละส่วนเสมือนคนละโลก คือทางโลกกับทางธรรม ขอให้รู้ไว้นะครับ ฐิทิพระ มานะกษัตริย์ ยังใช้ได้และทันสมัยเสมอแหละครับ ไม่เชื่อไปถามท่านมหาวันชัย สอนศิริ จะได้คำตอบอย่างชัดเจนที่สุด
วันนี้ผมขอนำสืบให้รู้ว่ากรณีวัดพระธรรมกายนั้น มหาเถรสมาคมท่านคิดอ่านแก้ไขกันอย่างไร เมี่อแก้แล้วมันมีเรื่องอะไรตามมา เพราะเหตุใดจึงมีพระลิขิตออกมา เหตุการณ์บ้านเมืองตอนนั้นมันเป็นอย่างไร หลายคนคงลืมไปแล้ว แต่ผมจะทบทวนให้ฟังกันจะๆ
เอาเรื่องเหตุการณ์ทางโลกก่อนก็แล้วกัน ตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ เป็นต้นมา มีสื่อที่เสนอข่าวกรณีวัดพระธรรมกาย คือหนังสือพิมพ์ มีอยู่ ๒ ภาษาคือฉบับภาษาไทยกับฉบับภาษาอังกฤษ เอาเฉพาะฉบับภาษาไทยแทบทุกฉบับเสนอข่าวรุมถล่มวัดพระธรรมกายแบบไม่มีดีก็ แล้วกัน มีเพียงฉบับเดียวที่เสนอข่าวในทางสร้างสรรค์ทางวัดพระธรรมกายคือหนังสือ พิมพ์ไทย ส่วนทีวีก็แนวเดียวกันเป็นไปตามกระแสสังคมยิ่ง ไอทีวี ยิ่งแล้วใหญ่ ถ้าคิดไม่ออกก็เหมือนเหตุการณ์ในปี ๒๕๕๘ นี้แหละ
ส่วนเหตุการณ์ทางธรรม นั้นนับ แต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ที่นายพิภพ กาญจนะ เลขาธิการมหาเถรสมาคมในตอนนั้นได้ประมวลเรื่องกรณีวัดพระธรรมกาย เสนอให้มหาเถรสมาคมพิจารณาแล้ว ยังมีของกระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เสนอเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๒ เรื่องทั้งหมดนี้ มหาเถรสมาคมมีมติให้ พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ เป็นผู้พิจารณาแล้วรายงานเสนอมหาเถรสมาคมผ่าน สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ( วัดชนะสงคราม )
การพิจารณากรณีของวัดพระธรรมกาย คณะปกครองสูงสุดหรือมหาเถรสมาคม พิจารณากันอย่างไร
พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ ได้พิจารณาเรื่องของวัดพระธรรมกายทั้งหมดแล้วจึงได้ทำรายงานเสนอต่อ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ( วัดชนะสงคราม ) หนังสือที่ ๑๗/๒๕๔๒ ลงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๒ เมื่อทราบแล้วท่านได้แจ้ง อธิบดีกรมศาสนา ให้นำเสนอต่อมหาเถรสมาคมรับทราบต่อไป
เมื่อเลขาธิการมหาเถรสมาคมได้รับรายละเอียดที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ( วัดชนะสงคราม )แจ้งให้นำเข้าที่ประชุม มหาเถรสมาคมแล้ว นายพิภพ กาญจนะ ได้รีบนำเข้าที่ประชุม มหาเถรสมาคมโดยมิชักช้าคือการประชุม ครั้งที่ ๑๐/๒๕๔๒ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๔๒ ในที่ประชุมได้พิจารณาและรับทราบการชี้แจงประกอบรายงานโดยละเอียด โดยพระพรหมโมลีท่านเป็นผู้ชี้แจง แล้วมส.จึงมีมติที่ ๑๐๑/๒๕๔๒ เรื่องรายงานการพิจารณาดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี ว่า
“ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพื่อความรอบคอบ ให้กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูปนำรายงานการพิจารณาดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย ของเจ้าคณะภาค ๑ ไปพิจารณารวมกับเอกสารข้อมูลของคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลกรณีวัดพระธรรมกาย ของกระทรวงศึกษาธิการ และข้อมูลสรุปประเด็นกรณีวัดพระธรรมกายของคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ว่าการสรุปของเจ้าคณะภาค ๑ เป็นการเพียงพอหรือไม่ถ้าไม่เพียงพอ จะเพิ่มเติมอะไรบ้าง หรือมีความเห็นอย่างไร ก็ให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอมหาเถรสมาคม”
เมื่อที่ประชุมมหาเถรสมาคมมีมติออกมาชัดเจนเช่นนี้ กรรมการมหาเถรสมาคมแต่ละรูปต่างก็ได้บันทึกความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรมีข้อ ปลีกย่อยแตกต่างกันไปได้ แต่โดยสรุปแล้วก็เห็นชอบตามที่พระพรหมโมลีเจ้าคณะภาค ๑ ได้ดำเนินการไปแล้ว ดังเช่น :-
สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ได้บันทึกความเห็นสั้นๆว่า “เห็นชอบตามที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ ได้นำเสนอแล้ว แต่เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ เห็นควรมอบหมายให้ท่านควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดในฐานะเจ้าคณะปกครอง”
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ได้บันทึกความเห็นว่า “กรณีวัดพระธรรมกาย เจ้าคณะภาค ๑ ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ชอบแล้ว ส่วนผู้ที่ไม่พอใจในการดำเนินในส่วนนี้ก็ดี หรือในส่วนอื่นก็ดีจะต้องฟ้องร้องกล่าวโทษโจทผู้กระทำผิดตามวิธีที่ท่าน กำหนดไว้ โดยหลักเกณฑ์และวิธีการจึงจะชอบด้วยวิธีการ”
พระสุเมธาธิบดี วัดมหาธาตุ ได้บันทึกความเห็นโดยสรุปว่า “เรื่องวัดพระธรรมกายนี้ ไม่มีโจทก์กล่าวฟ้องโดยตรง เพียงแต่สื่อต่าง ๆ นำข้อเสนอสังเกตุของคณะกรรมมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎรบ้าง จากกรมการศาสนาบ้าง มาวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความปราถนาดีมิได้กล่าวโทษเป็นโจทก์ฟ้องวัดพระธรรมกาย แต่ประการใด
เมื่อว่าโดยรัฐประศาสนศาสตร์ พระพุทธเจ้าก็ทรงยอมรับฟังเสียงท้วงติงและทรงรับสั่งประชุมสงฆ์ พิจารณาชี้แจงจัดพุทธบัญญัติตามควรแก่กรณีนั้น ๆ แต่ก็ควรให้เป็นไปตามความชอบตามกระบวนการยุติธรรมของคณะสงฆ์ที่ มส. พิจารณาเป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว”
พระอุดมญาณโมลี วัดสัมพันธวงศ์ ได้บันทึกความเห็นเป็นเชิงเทศนาโวหารแล้วสรุปลงว่า “เท่าที่สื่อสารมวลชนได้ลงข่าวแสดงความเห็นไปในทัศนะต่าง ๆ นั้น แม้จะความหวังดี แต่อย่าประมาท ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย ควรระมัดระวังอันตรายที่ออกจากปาก เพราะข่าวคราวที่ออกจากปากคนแล้วสามารถขยายเป็นภัยใหญ่หลวง จนไม่สามารถป้องกันแก้ไขได้ อดีตกาลเป็นครูสอนพวกเราอยู่แล้ว ควรสำเหนียกสำนึกระมัดระวังอย่าประมาทเป็นอันขาดต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มีประจำทุกวัน”
พระพรหมจริยาจารย์ วัดเบญจมบพิตร ได้บันทึกความเห็นว่า “เจ้าคณะภาค ๑ ได้พยายามประคับประคองให้เรื่องนี้ผ่อนคลายความร้อนลงมาอย่างสุดความสามารถ แล้ว เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน รุนแรงไปก็อาจทำให้แตกร้าวกันไปจนต่อไม่ติด สังเกตดูทางวัดพระธรรมกายก็โอนอ่อนยินดีปฏิบัติตามมิได้ดื้อรั้นด้วยทิฐิ มานะอะไร ส่วนเรื่องอื่น ๆ เช่น :-
๑. นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา มหาเถรสมาคมควรยกมาถกกัน ถ้าเห็นต่างกัน ฝ่ายใดมากกว่าก็ถือเอาตามนั้น เพื่อตัดปัญหาที่ค้างคาใจของพุทธศาสนิกชนมาเป็นเวลานาน
๒. กรรมสิทธิ์ที่ดินของวัดพระธรรมกาย ถ้าจะมีปัญหาอยู่บ้างก็เฉพาะที่มีโฉนดเป็นชื่อของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เท่านั้น ควรให้เป็นหน้าที่ของพระสังฆาธิการผู้บังคับบัญชา จะได้สำรวจตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินที่ซื้อที่ดินนั้นเป็นของวัดหรือใคร บริจาค
๓. เรื่องการอวดอุตริมนุสสธรรม เป็นของยากเพราะพระผู้พูดตามที่เห็นจริง แต่เรื่องที่เห็นจะจริงหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ฟังๆดูแล้วคลล้ายๆกับเรียนแบบมาจากจตุตถปาราชิก
๔. เรื่องมาตุคาม อ่านดูแล้วก็ยังเลื่อนลอยหาคนโจทตามพระวินัยไม่ได้
๕. แสดงตัวเป็นต้นธาตุต้นธรรม ใช้คำว่าพระบรมพุทธเจ้าด้วยวาจาของตนเอง คิดว่าคงจะมความประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง
พระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตร ท่านได้บันทึกว่า พิจารณาแล้วสมควรแยกเป็น ๒ ทาง คือ
๑. ในส่วนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของราชอาณาจักร เช่น เรื่องการถือครองที่ดินของเจ้าอาวาสพระธรรมกายทุกประการ
๒.ในส่วนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของพุทธจักร
๒.๑ ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของพระสังฆาธิการผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด เช่น เรื่องการอวดอุตริมนุสสธรรม เรื่องสตรี ๖ คน เรื่องต้นธาตุต้นธรรม เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ รื่องศาสนพิธีพิสดารเกี่ยวกับการถวายข้าวพระพุทธ ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของพระสังฆาธิการผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาลงนิคคหกรรม ตามกฎมหาเถรสมาคม
๒.๒ ที่อยู่ในอำนาจ หน้าที่ของพระสังฆาธิการผู้บังคับบัญชาระดับสูง เช่น เรื่องธรรมกายและนิพพานเป็นอัตตา เรื่องการประกาศรื้อพระไตรปิฎก เรื่องกระบวนการทำให้บุญเป็นสินค้าคือการขายบุญ เรื่องการสร้างพระธรรมกายเจดีย์ให้ใหญ่และอัศจรรย์ที่สุด เรื่องการสร้างพระพุทธรูปและพระเจดีย์รูปแบบที่คิดนึกตามใจชอบ และเรื่องการที่เป็นผู้ผูกขาดบุญ ฯลฯ
ดังนั้น จึงสรุปความเห็นว่า การดำเนินการกรณีของวัดพระธรรมกายของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ โดยแนะนำให้วัดพระธรรมกายบริหารงานทั้ง ๔ ประการ ให้ถูกต้องโดยปฎิบัติตามกฎหมายเป็นต้นนั้น ชอบแล้ว
พระวิสุทธาธิบดี วัดสุทัศนเทพวราราม ได้สรุปการพิจารณาปฎิบัติการของวัดพระธรรมกายที่ควรดำเนินการ ๓ ประการคือ
๑. เรื่องใดที่ทางวัดพระธรรมกายดำเนินถูกต้องแล้วให้ดำเนินการต่อไป
๒. เรื่องใดที่เป็นกระแสต่อต้านจากสังคม หรือทำให้สังคมเดือดร้อนซึ่งอาจจะเป็นกระแสต่อต้านจากสังคม หรือทำให้สังคมเดือดร้อน ซึ่งอาจจะเป็นจุดอ่อน ให้ดำเนินแก้ไขปรับเปลี่ยน
๓. เรื่องใดที่ผิดแผกไปจากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จะต้องแก้ไขให้ถูกต้องทั้งหมด เพื่อให้เกิดทิฐิสามัญญตา และสีลสามัญญตา
ความเห็นของกรรมการเถรสมาคมแต่ละรูปนั้น กรมการศาสนาได้ประมวลบันทึกความเห็น และได้ลำดับเรื่องของวัดพระธรรมกายว่า ได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วรวม ๔ ครั้ง คือ
ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ เลขาธิการ มส. นำเรื่องของวัดพระธรรมกายให้มส. พิจารณาเมื่อ พิจารณาแล้วมีมติมอบหมายให้เจ้าคณะภาค ๑ ไปพิจารณา
ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ ทางกระทรวงศึกษาส่งเรื่องวัดพระธรรมกายให้ มส. พิจารณา เมื่อพิจารณาแล้วมีมติมอบหมายให้เจ้าคณะภาค ๑ ไปพิจารณา
ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๒ ทางคณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้สรุปประเด็นที่สำคัญกรณีวัดพระธรรมกายที่ประชุมกัน ๖ ครั้ง ทูลถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช ทรงพิจารณา พระองค์ส่งเรื่องให้ มส. พิจารณา เมื่อพิจารณาแล้วมีมติมอบหมายให้เจ้าคณะภาค ๑ ไปพิจารณารวมเป็นสำนวนเดียวกัน
ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๔๒ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง นำรายงานของ เจ้าคณะภาค ๑ ที่ มส. มีมติให้ท่านเป็นผู้พิจารณานำเข้าที่ประชุม มส. เมื่อพิจารณาแล้ว มีมติว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ให้มส. แต่ละรูปไปศึกษาแล้วทำบันทึกความเห็นเสนอต่อที่ประชุมพิจารณาต่อไป
ในครั้งต่อไปเลขาธิการมหาเถรสมาคมจะนำเรื่องราวทั้งหมด เสนอในการประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมาคมเรื่องกรณีวัดพระธรรมกาย ในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๒ ซึ่งในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้น ลิขิตพระสังฆราช เป็นมหากาพย์ศึกวัดพระธรรมกายที่ลือลั่นในขณะนี้ ขอจบก่อนนะครับ สนใจก็ติดตามต่อไป นมัสเต ครับ