[บทวิเคราะห์] iPhone SE ไอโฟนจอเล็ก ทำไม Apple เชื่อว่าคนอยากกลับไปใช้มือถือจอเล็ก?

[บทวิเคราะห์] iPhone SE ไอโฟนจอเล็ก ทำไม Apple เชื่อว่าคนอยากกลับไปใช้มือถือจอเล็ก?

หลังจากมีข้อมูลหลุดออกมาก่อนงานเปิดตัวอย่างยาวนานสำหรับไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Apple ที่มีชื่อรุ่นว่า ล่าสุด iPhone SE ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย
โดยการกลับมาของไอโฟนรุ่นเล็กในครั้งนี้เรียกได้ว่า แม้จะมีขนาดหน้าจอเพียง 4 นิ้ว (แบบเดียวกับ iPhone 5s) แต่คุณสมบัติตัวเครื่องที่ Apple พัฒนามาให้นั้นสามารถเทียบเคียงกับรุ่นเรือธงอย่าง iPhone 6s ได้เลยทีเดียว ผู้ใช้หลายคนจึงอาจเกิดคำถามว่า "ทำไม Apple ถึงกลับมาทำไอโฟนจอเล็กอีกครั้ง?"
หลังจาก Tim Cook เปลี่ยนแนวทางหันมาผลิตไอโฟนจอใหญ่ที่เริ่มต้นครั้งแรกในรุ่น iPhone 6 และ iPhone 6 Plus โดยมีขนาดหน้าจอที่ 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว ตามลำดับ วันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter จึงขออาสาพาทุกท่านไปรับชมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ iPhone SE รุ่นนี้กันครับ

หากย้อนกลับไปในช่วงที่ Steve Jobs ยังมีชีวิตอยู่ และดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท Apple เขาเคยกล่าวคำพูดประโยคหนึ่งที่ตัวเขาเองเชื่อมั่นในแนวคิดดังกล่าวอย่างมาก นั่นก็คือประโยคที่ว่า "No one is going to buy a big phone (แปล - ไม่มีใครต้องการซื้อมือถือจอใหญ่)" คำกล่าวประโยคนี้เกิดขึ้นในงานเปิดตัว iPhone 4 ในปี 2010 โดยในขณะนั้น iPhone 4 มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 3.5 นิ้ว และถ้าหากย้อนกลับไปในช่วงปี 2007 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ Apple iPhone รุ่น แรกเปิดตัวมาด้วยขนาดหน้าจอเพียง 3.5 นิ้ว แต่ iPhone รุ่นดังกล่าวก็ถือว่าเป็นหนึ่งในมือถือที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดในช่วงเวลานั้น ด้วย


สาเหตุที่ Jobs ต้องเอ่ยปากออกมาเช่นนั้นเป็นเพราะ Jobs เชื่อมั่นว่าการใช้งานมือถือที่สะดวกที่สุดคือการใช้งานด้วยมือเพียงข้างเดียว (One hand use) ซึ่ง Jobs ก็ได้ออกแบบ iPhone แต่ละรุ่นในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ด้วยขนาดหน้าจอประมาณ 3.5 นิ้วทั้งสิ้น เพราะการที่มือถือมีขนาดหน้าจอประมาณ 3.5 นิ้ว จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้มือ และนิ้วเพียงไม่กี่นิ้วในการควบคุมการทำงานบนหน้าจอได้อย่างสะดวก และครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งในยุคนั้นมือถือส่วนมากยังคงมีขนาดใหญ่ และใช้งานปุ่มกดอยู่ด้วย ดังนั้น iPhone ของ Steve Jobs จึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่ปฏิวัติเทคโนโลยีในวงการมือถือให้กลายเป็นสมาร์ทโฟนจอ สัมผัส (Touch Screen) ดังที่เห็นกันในปัจจุบัน


แม้ว่า Steve Jobs ต้องจากโลกนี้ไปด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็ง แต่ Tim Cook ก็ได้เข้ามารับช่วงบริหาร Apple ต่อจาก Jobs และเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น โดยการ เปลี่ยนแปลงที่เรียกได้ว่าสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ใช้ทั่วโลกก็คือ การเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในปี 2014 ที่มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว ตามลำดับ ซึ่ง ผู้ใช้ส่วนใหญ่คิดว่า Apple กำลังดำเนินธุรกิจตามแบบสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android หลายรุ่น หลายแบรนด์ ที่เริ่มหันมาพัฒนาสมาร์ทโฟนให้มีหน้าจอใหญ่ขึ้น และทาง Apple ก็น่าจะต้านทานกระแสนิยมของผู้บริโภคไม่ไหว จึงต้องออกแบบไอโฟนให้มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วยเพื่อตอบสนองต่อความ ต้องการดังกล่าว แม้ว่าก่อนหน้านี้ Tim Cook จะปรับขนาดหน้าจอของ iPhone 5 และ iPhone 5s ให้เพิ่มขนาดเป็น 4 นิ้วแล้วก็ตาม

(ข้อมูลจากเว็บไซต์ Statista)

ผลตอบรับที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงขนาดหน้าจอของไอโฟนสามารถดูได้จากภาพข้อมูล สถิติการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ iPhone ตั้งแต่ปี 2007 - 2016 จากเว็บไซต์ Statista ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ในช่วงปี 2012 ที่เป็นช่วงเปิดตัว iPhone 5 หน้าจอขนาด 4 นิ้ว ก็มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากนั้นในช่วงปี 2014 ที่เป็นการเปิดตัว และวางจำหน่าย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ผลิตภัณฑ์ไอโฟนก็มียอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 5s ในทุกๆ ไตรมาส ซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้บริโภคเริ่มให้ ความสำคัญกับขนาดหน้าจอของสมาร์ทโฟนเพิ่มมากขึ้น และเลือกที่จะใช้งานสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่กว่า 3.5 นิ้ว เป็นหลักแล้ว


เมื่อสมาร์ทโฟนพัฒนาจากจอแสดงผลขนาดเล็กมาจนถึงหน้าจอขนาดใหญ่ จึงเกิดคำถามขึ้นว่า "ทำไมคนถึงเลือกใช้สมาร์ทโฟนจอใหญ่?" อาจเป็นเพราะข้อดีหลายๆ ด้าน เช่น จอใหญ่สามารถมองเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้ถนัด และเต็มตามากกว่าจอเล็ก, ผู้ใช้ที่มีนิ้วมือใหญ่รู้สึกว่ามือถือจอใหญ่ใช้งานได้สะดวกกว่า และสัมผัสหน้าจอได้ตรงจุดตามที่ตนเองต้องการ หรือเหล่าเกมเมอร์ที่ต้องการเล่นเกมให้ได้อรรถรสด้านภาพมากที่สุด เป็นต้น แต่ก็มีผู้ใช้บางส่วนที่มองว่ามือถือไม่ควรมีขนาดหน้าจอเกิน 3.5 - 4.0 นิ้ว เพราะจะทำให้พกพาลำบาก, ใช้งานมือเดียวได้ไม่ถนัดเท่าที่ควร และสิ้นเปลืองพลังงานเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ในปัจจุบันมีความเห็นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ชอบมือถือจอใหญ่ (ประมาณ 4.7 - 6.0 นิ้ว) และชอบมือถือจอเล็ก (ประมาณ 4.0 - 4.7 นิ้ว)


เมื่อตลาดผู้ใช้แบ่งออกเป็นสองฝ่ายเช่นนี้ Apple อาจมองเห็นช่องทางการทำธุรกิจเพิ่มขึ้นหลัง จากวางจำหน่ายไอโฟนขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว มาแล้วถึง 2 ปีในรุ่น iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ดังนั้น Apple จึงทำการพัฒนา iPhone SE ซึ่งเป็นไอโฟนที่มีหน้าจอขนาด 4 นิ้ว (แม้ว่าจะใหญ่กว่าขนาดหน้าจอ 3.5 นิ้ว ที่ Steve Jobs เคยลงความเห็นไว้ว่า "ผู้ใช้สามารถใช้งานได้สะดวกที่สุด" ก็ตาม) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคอีกกลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบการใช้งานไอ โฟนหน้าจอเล็กมากกว่าไอโฟนจอใหญ่ระดับ 4.7 นิ้ว ขึ้นไป

(ข้อมูลจากเว็บไซต์ Mixpanel)

หากพิจารณาข้อมูลในส่วนของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ไอโฟนทั่วโลกประกอบด้วยจะพบว่า ใน ขณะนี้ยังมีผู้ใช้ iPhone 5s อยู่ประมาณ 18% จากผู้ใช้ทั่วโลก ซึ่งนับว่า iPhone 5s เป็นไอโฟนรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับสองรองลงมาจาก iPhone 6 โดยผู้บริหารอย่าง Tim Cook ก็ได้เปิดเผยว่า ใน ปี 2015 ที่ผ่านมา iPhone หน้าจอ 4 นิ้วทำยอดขายได้กว่า 30 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายอดขายของ iPhone 5s ยังไม่ตก และยังมีผู้ใช้ที่ชื่นชอบไอโฟนขนาดหน้าจอ 4 นิ้วอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ถ้าหาก Apple ยังคงวางจำหน่าย iPhone 5s ต่อไป ไอโฟนรุ่นดังกล่าวก็อาจเรียกได้ว่าเป็นมือถือที่ตกรุ่นไปแล้วด้วยระยะเวลากว่า 2 ปี และแม้ว่าผู้ใช้บางส่วนที่อยากจะใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ บน iOS แต่ไม่ชอบไอโฟนจอใหญ่ ก็จึงยังไม่มีเหตุผลรองรับมากพอที่จะเปลี่ยนไอโฟนเครื่องใหม่ในตอนนี้ ดังนั้น Apple จึงอาจจะแก้ปัญหาด้วยการอัปเกรดคุณสมบัติตัวเครื่องแบบใหม่ให้กับ iPhone SE ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ตประมวลผล Apple A9 และหน่วยประมวลผลร่วม M9 Motion Co-processor แบบเดียวกับ iPhone 6s, กล้องดิจิทัล iSight ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับฟีเจอร์การถ่ายภาพ Live Photos หรือฟีเจอร์ Always-On Siri รูปแบบใหม่ ทั้ง นี้ก็เพื่อตอบสนองต่อผู้บริโภคที่ชื่นชอบการใช้งานไอโฟนจอเล็กขนาด 4 นิ้ว และต้องการอัปเกรดการใช้งานใหม่ๆ ให้กับตนเองด้วยเช่นกัน


เรียกได้ว่า iPhone SE ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อผู้ที่ชื่นชอบการใช้งานไอโฟนจอเล็กไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านความถนัด, การพกพาสะดวก หรือเหตุผลใดๆ ก็ตาม เพราะคุณสมบัติตัวเครื่องของ iPhone SE ไอโฟนจอเล็กรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ก็เทียบเคียงกับ iPhone 6s ได้เลยทีเดียว ซึ่งหากพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้ว คาดว่าทาง Apple น่าจะวางหมากให้ iPhone SE อยู่ในระดับมือถือ Mid-High ที่มีหน้าจอขนาดเล็ก ส่วนรุ่นหลักที่เป็น iPhone X (หรือ Xs) ก็เป็นมือถือเรือธงประจำค่ายตามปกติ เมื่อทราบข้อมูลอย่างนี้แล้วท่านผู้อ่านทุกท่านคิดว่าตนเองอยากกลับไปใช้มือ ถือจอเล็กกันอีกหรือไม่?

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘