"ออดิโอบุ๊ก" แรงไม่หยุด ยอดกระฉูดสวนกระแส "อีบุ๊ก"

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยอดขายของสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลกต่างลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า เป็นผลจากความแพร่หลายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรืออีบุ๊ก ซึ่งมีข้อได้เปรียบเหนือกว่าหนังสือธรรมดาหลายอย่าง โดยเฉพาะความสะดวกทั้งการหาซื้อแบบออนไลน์ และพกพาไปอ่านผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงยังมีราคาถูกกว่าหนังสือเล่มอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสถานการณ์ของตลาดสิ่งพิมพ์โลกเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง เมื่อยอดขายอีบุ๊กในตลาดใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เริ่มตกต่ำลง พร้อมกับที่ออดิโอบุ๊ก หรือหนังสือเสียง ที่ใช้การฟังแทนการอ่านกำลังเติบโตสวนทางขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ

โดยผลสำรวจตลาดหนังสือทั้งในสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เมื่อปีที่แล้วพบว่า ยอดขายอีบุ๊กหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ สมาคมผู้จัดพิมพ์หนังสือของสหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดขายอีบุ๊กลดลง 12.3% เช่นเดียวกับฝั่งอังกฤษ ที่นิตยสารธุรกิจ "เดอะ บุ๊กเซลเลอร์" (The Bookseller) ระบุว่า ยอดขายอีบุ๊กของ 5 ร้านหนังสือหลักบนเกาะอังกฤษ ลดลง 2.4% มาอยู่ที่ 47.8 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะเดียวกันนี้ ออดิโอบุ๊กกลับเติบโตขึ้น โดยปีที่ผ่านมาตลาดออดิโอบุ๊กโลกมีมูลค่าประมาณ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีหนังสือออกใหม่กว่า 43,000 เรื่อง เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 36,000 เรื่องในปี 2014 และ 20,000 เรื่องเมื่อปี 2013 สอดคล้องกับรายงานของสมาคมผู้จัดพิมพ์หนังสือของสหรัฐระบุว่า ออดิโอบุ๊กเป็นเซ็กเมนต์ที่เติบโตสูงสุดในช่วง 8 เดือนแรกของปีที่แล้ว โดยมียอดขายสูงขึ้น 37.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เช่นเดียวกับยอดดาวน์โหลดที่โตขึ้น 38.1%

ด้านสำนักวิจัยมินเทลได้อธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า ราคาซึ่งเคยเป็นจุดเด่นของอีบุ๊กที่เหนือกว่าหนังสือเล่มนั้นเริ่มส่งผลลบกับตนเอง ด้วยการทำให้ผู้บริโภคเสพติดหนังสือราคาถูก โดยประมาณ 1 ใน 3ของผู้อ่านอีบุ๊กจะเลือกซื้อเฉพาะเล่มที่มีราคาต่ำกว่า 4.23 เหรียญสหรัฐเท่านั้น ตรงกันข้ามกับออดิโอบุ๊ก ที่มีจุดขายเรื่องการสามารถรับสื่อได้โดยการฟัง ซึ่งไม่รบกวนการทำกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ ขับรถ อาบน้ำและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงทั่วโลก

เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับความเห็นของ "เทรซี มาร์กแฮม" ผู้จัดการประจำประเทศสหรัฐอเมริกาของออดิเบิล ผู้ให้บริการออดิโอบุ๊กรายใหญ่ ซึ่งกล่าวว่า ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ฐานสมาชิกเติบโตเร็วถึง 40% ต่อปี และปีที่แล้วมีการฟังออดิโอบุ๊กถึง 1.6 ล้านชั่วโมง เพิ่มจาก 1.2 ล้านชั่วโมงในปีก่อน เป็นผลจากผู้บริโภคเริ่มเข้าใจถึงความสะดวกของออดิโอบุ๊ก

เทรนด์นี้ส่งผลให้ตลาดออดิโอบุ๊กคึกคักขึ้นทั้งจำนวนผู้เล่น และกลยุทธ์ อาทิ "สคอลาสติก" (Scholastic) ผู้ให้บริการออดิโอบุ๊กที่เน้นนำเสนอหัวหนังสือที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ อาทิ ฮังเกอร์เกมส์ (Hunger Games) และกูสบัมป์ (Goosebumps) โดยให้ลูกค้าทดลองฟังเล่มแรก ๆ ของซีรีส์ฟรี เพื่อจูงใจให้จ่ายเงินเพื่อฟังเล่มต่อ ๆ ไป

"ลินดา ลี" รองประธานของบริษัทสคอลาสติก อธิบายว่า แม้การสมัครสมาชิกรายเดือนจะเป็นกลยุทธ์หลักของตลาดออดิโอบุ๊ก แต่ขณะเดียวกันไม่เป็นมิตรกับผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ๆ ที่ไม่เคยสัมผัสสื่อนี้มาก่อน บริษัทจึงได้เลือกใช้โมเดลให้ทดลองฟังฟรีก่อน และชูหนังสือที่ถูกทำเป็นภาพยนตร์ เพื่อขยายฐานลูกค้าโดยไม่ต้องแข่งกับผู้เล่นเดิมในตลาด

ทั้งนี้ต้องรอดูกันต่อไปว่า ออดิโอบุ๊กจะสามารถเติบโตขึ้นมาเทียบชั้นกับอีบุ๊กได้หรือไม่ และผู้ให้บริการจะมีกลยุทธ์ใหม่ ๆ แบบไหนบ้าง

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘