จุดเริ่มต้นความเพี้ยนอันสุดโต่ง ถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรง คนเก่าแก่

จุดเริ่มต้นความเพี้ยนอันสุดโต่ง นายมโน
ถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรง คนเก่าแก่..
จะเล่าเรื่องนายมโน เนรคุโณ ให้ฟัง สำหรับท่านที่เพิ่งจะรู้จักเขา

แต่ก่อนเขาเป็นพระชื่อเมตตานันโท อยู่วัดพระธรรมกาย ก่อนมาบวชจบแพทย์จุฬา ผมรู้จักครั้งแรก ก็เห็นเขาบวชแล้ว ผมก็ประทับใจเขามาก คือรู้สึกทึ่งที่ขนาดจบหมอยังมาบวชตลอดชีวิต เรียกว่า เขาไปเทศน์ที่ไหน ผมจะต้องไปนั่งฟังเขาเทศน์ เพราะตอนนั้นผมกำลังสนใจในพระพุทธศาสนา อ่านหนังสือเยอะมาก พระรูปไหนดูมีความรู้ก็ชอบไปฟัง

แรกๆฟังก็สนุกดี เพราะสไตล์การเทศน์ของพระมโน คือเทศน์แบบเสียดสีคนอื่น พร้อมกับยกยอตัวเอง หัวเราะ หึๆ และทำปากเหยียดๆคนอื่น ผมยังจำหน้าตาเขาได้ดี เป็นพระที่กวนตีนดี แต่ตอนนั้นยังนับถืออยู่ ทำอะไรก็ดูน่ารักหมด

ตามไปฟังหลายที่ ก็ได้ความรู้มั่ง แต่ก็เริ่มพบความเพี้ยนและหลงตัวเองขนาดหนักของพระมโนเรื่อยๆ
ครั้งแรกฟังที่บ้านหนูแก้ว ตรงสี่พระยา ด่าวัดตัวเองว่า "บ้าบุญ" ผมก็คิดในใจ คนตั้งใจสั่งสมบุญ เรียกว่าบ้าบุญได้ไง พระพุทธเจ้า ก่อนจะตรัสรู้ธรรม ก็ต่างสร้างบุญกันอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันทั้งนั้น แล้วก็ถามพวกเราว่า ถ้าหมู่คณะกำลังจะเดินลงเหว เราจะทำอย่างไร พวกเราตอบว่า "ถ้าพวกเราเชื่อในตัวผู้นำ เราก็ต้องตามผู้นำ เพราะไม่งั้นก็ต้องไปเป็นผู้นำเสียเอง" พระมโนไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มแหยๆ

ถ้าเป็นสมัยนี้ จะย้อนถามพระมโนว่า ถ้ามาว่าญาติโยมบ้าบุญ แล้วเงินที่ญาติโยมส่งเสียให้ไปเรียนออกฟอร์ด ฮาร์วาร์ด เพื่อหวังจะได้เป็นกำลังแก่พระศาสนา คนที่กินใช้เงินญาติโยมแล้วไม่รู้คุณ นี่ยิ่งกว่าหมานะ ไม่ใช่แค่บ้า

แล้วเขาก็เล่าเรื่องที่เขาไปงานสัมมาพระพุทธศาสนาที่ไหนไม่ทราบ ซึ่งเขาชอบไปงานประเภทนี้ เขาก็เล่าว่า ที่ประชุมเชิญให้พระไทยจากที่ไหนไม่ทราบขึ้นพูด แต่ไม่เชิญเขาพูด ทั้งๆที่ภาษาอังกฤษเขาก็ดีกว่าพระรูปนั้นมาก แล้วก็ทำหน้าแบบเหยียดๆ
ครั้งที่สอง ฟังที่ สนง.กัลยาณมิตรโชคชัย 4 ก้็พูดกระแนะกระแหน วัดตัวเองอีกว่าที่พูดว่าเป็นเทวดามาจากสวรรค์ชั้นดุสิต เพื่อมากอบกู้พระศาสนา แบบหัวเราะขำๆว่าเชื่อไปได้ยังไง ผมก็คิดว่าไม่เห็นจะแปลก ก็ในพระไตรปิฎกก็มีเขียนไว้ว่าพระโพธิสัตว์ ส่วนใหญ่ ก็อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต หากพวกเราจะเป็นพระโพธิสัตว์ก็ไม่เห็นจะแปลก ขนาดฉันยังปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเลย

ครั้งที่สาม ฟังที่ดอยสุเทพ พวกเราตั้งใจไปนั่งสมาธิ แต่ถ้าพระมโนมาเป็นพระอาจารย์เมื่อไหร่ ไม่ได้นั่งหรอก เพราะแกไม่ชอบนั่ง ชอบโม้ให้ฟัง แกก็เล่าเรื่องพระเจ้าอโศก แกบอกว่า แกไม่เชื่อหรอกว่าพระเจ้าอโศกเป็นผู้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ที่ตำราบอกว่าพระเจ้าอโศก สั่งจับพระปลอมสึกเป็นจำนวนมาก แกว่าพระเจ้าอโศกต้องการกำจัดและควบคุมพระมากกว่า คงจะไม่ใช่พระปลอม เรียกว่าความคิดเขาเพี้ยนหลุดกรอบไปเยอะมาก

ครั้งสุดท้าย ที่ผมได้เจอแก คือหลังจากที่แกไปวุ่นวายกับกรณีฆ่าหมู่พระที่วัดพรหมคุณาราม รัฐอริโซ่น่า แกไม่เชื่อว่า นายโจนาธานดูดี้เป็นคนฆ่า ก็มาขอเงินจากวัดหลายสิบล้านเพื่อไปจ้างทนายมาสู้คดี แต่ทางวัดไม่ให้ เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ แกก็มาพูดกับพวกผม (นักศึกษา) ว่าวัดเหมือนทะเลคือ น้ำเยอะแต่เค็ม กินไม่ได้ จึงมาบอกบุญพวกเรา เปรียบว่าต้องมารวบรวมจากน้ำบ่อเล็กบ่อน้อย โดยขายหนังสือที่แกเขียนเกี่ยวกับคดีนี้ชื่อ "หยดเลือดบนจีวร" ขายเล่มละ 200 บาทมั๊ง ผมก็ช่วยซื้อไปไม่รู้กี่เล่ม

หลังจากนั้นไม่นาน แกก็ออกจากวัดไป และก็ได้ข่าวว่าไปอยู่วัดไหน ก็โดนไล่

จบเรื่องราวชีวิตของผม บางส่วนที่ได้เกี่ยวข้องกับนายมโน ภิกษุโมฆะบุรุษในศตวรรษนี้ เรื่องราวทั้งหมด เป็นเหตุการณ์ที่ผมไม่ได้นั่งฟังคนเดียว เพราะมีเพื่อนๆญาติโยมนั่งฟังอยู่ด้วยมากมาย บางคนอาจจะละโลกไปแล้ว บางคนอาจจะออกนอกวงโคจรไปแล้ว บางคนอาจจะลืมไปแล้ว แต่ผมยังไม่ลืม จึงเอามาถ่ายทอดเขียนเป็นประวัติศาสตร์ไว้ ที่เขียนเป็นความจริงทุกประการ

Cr:Somchet J.Mhin

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘