สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กับวัดพระธรรมกาย
ฉบับสมบูรณ์ : สหกรณ์ฯ กับวัดพระธรรมกาย✔
ความจริงที่คุณยังไม่รู้ เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย
ความจริงที่คุณยังไม่รู้ เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย
✔1.
วัดพระธรรมกายมีส่วนเกี่ยวข้อง
ในกรณีถูกกล่าวหาว่า..ยักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ของ
นายศุภชัย ศรีศุภอักษร หรือไม่ ?
ตอบ
↪วัดพระธรรมกายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกรณียักยอกเงินดังกล่าว
เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น
ทางวัดได้สอบถามนายศุภชัยว่า..เงินที่นำมาทำบุญได้มาจากไหน ?
ก็ได้รับคำตอบว่า..กู้ยืมมาจากสหกรณ์ฯคลองจั่น และได้ชำระคืนแล้ว
โดยมีหลักฐานคือ การตรวจสอบบัญชีประจำปี และรายงานต่อที่ประชุมใหญ่สหกรณ์ฯ
แล้ว
✔2. ยอดเงินบริจาคมากถึงหลายร้อยล้านบาท ทำไม..ทางวัดถึงไม่สงสัยที่มาของเงินบ้าง?
ตอบ
↪นายศุภชัย ไม่ใช่ผู้ที่มาบริจาคทำบุญมากที่สุดของวัด
ยังมีผู้ที่บริจาคทำบุญมากกว่านายศุภชัยอีกหลายท่าน
เพราะศาสนสถานที่ก่อสร้างเพื่อรองรับคนเรือนล้านต้องใช้งบประมาณมาก
ดังนั้นเมื่อนายศุภชัยมาทำบุญจำนวนมาก และบอกว่า ได้ทำธุรกิจหลายอย่าง
ได้ผลกำไรดีมาก จึงเอามาทำบุญ ทางวัดจึงไม่ได้สงสัยอะไร
✔3. วัดพระธรรมกายนำเงินครั้งนี้ไปทำอะไร ?
ตอบ
↪นำไปใช้ก่อสร้างศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาค
เนื่องจากมีประชาชนมาปฏิบัติธรรมที่วัดจำนวนมาก
คราวละนับล้านคนในงานบุญใหญ่
จึงจำเป็นต้องมีการสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่รองรับ
ซึ่งการสร้างศาสนสถานรองรับคนจำนวนมากนี้
ก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเช่นกัน
✔4. เพราะเหตุใด ทางวัดพระธรรมกายจึงคืนเงินบริจาคของนายศุภชัย จำนวน 684 ล้านบาท ให้แก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ?
ตอบ
↪ทางวัดได้รับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต
และนำเงินบริจาคไปสร้างศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาคหมดแล้ว
ซึ่งตามกฎหมายแล้วทางวัดไม่สามารถนำเงินของผู้บริจาครายอื่นที่มาบริจาคทำ
บุญในวัตถุประสงค์อื่นมาคืนให้แก่สหกรณ์ฯได้ แต่เมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น
ทางคณะศิษย์ของวัดพระธรรมกายเห็นว่า
หากมีการต่อสู้คดีกันต่อไปก็จะกินเวลานาน
และเกิดความเสียหายทั้งต่อชื่อเสียงของวัด
และต่อสมาชิกสหกรณ์ผู้ฝากเงินที่เดือดร้อน
จึงได้ตั้งกองทุนรวบรวมเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนแก่
สมาชิกผู้ฝากเงินสหกรณ์ โดยมีเงื่อนไขว่า หากอนาคตมีการพิสูจน์ได้ว่า
เงินที่ทางนายศุภชัยนำมาบริจาคแก่วัดนั้น
มาจากการกู้ยืมและได้คืนไปหมดแล้ว
ตามที่นายศุภชัยได้แถลงข่าวแก่สื่อมวลชน
ทางสหกรณ์ก็จะคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่คณะลูกศิษย์วัด
✔5. ขณะนี้ปัญหาระหว่างสหกรณ์ฯ กับวัดพระธรรมกายเป็นอย่างไรบ้าง ?
ตอบ ↪
ทางสหกรณ์ฯได้มีหนังสือขอบคุณมายังคณะลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย
ที่มีน้ำใจจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเยียวยาแก่ทางสหกรณ์ฯ และสมาชิกสหกรณ์ฯ
ที่เดือดร้อนครบจำนวน ทั้งที่ตามกฎหมายแล้ว
เมื่อทางวัดรับเงินบริจาคโดยสุจริตเปิดเผย
และนำเงินไปก่อสร้างศาสนสถานซึ่งเป็นประโยชน์สาธารณะตามเจตนาของผู้บริจาค
เสร็จสิ้นไปแล้ว ถือเป็นเรื่องไม่ผิดกฎหมาย ดังตัวอย่าง
ที่นายศุภชัยก็ได้นำเงินไปบริจาคให้แก่วัดและโรงเรียนอื่น ๆ อีกหลายแห่ง
ซึ่งก็ไม่ต้องคืนเงินแต่ประการใด แต่ทางคณะลูกศิษย์วัดยึดหลักมนุษยธรรม
จึงจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือเยียวยาแก่สมาชิกสหกรณ์ฯ ที่เดือดร้อน
ดังนั้นเรื่องราวระหว่างสหกรณ์ฯ กับทางวัดจึงจบลงแล้วด้วยดีทุกประการ
และเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2558 ทางวัดก็ได้ไปให้ข้อมูลกับทาง DSI
ในฐานะพยานยืนยันว่า ทางวัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นใด ๆ กับนายศุภชัย
ในคดียักยอกเงินของสหกรณ์ฯ คลองจั่นแต่อย่างใด
✔6.
นักวิชาการบางท่านได้ความคิดเห็นว่า การบริจาคเงินให้แก่วัด
ควรมีวิธีการที่โปร่งใสและเปิดเผยมากกว่านี้
โดยควรระบุแหล่งที่มาของเงินนั้นๆ ในการบริจาคด้วย ทางวัดพระธรรมกาย
เห็นด้วยกับความคิดเห็นดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร ?
ตอบ ↪
วัดหรือมูลนิธิหรือองค์กรสังคมสงเคราะห์ต่าง ๆ
ที่ดำเนินการอยู่ได้ด้วยเงินบริจาค การจะไปถามผู้บริจาคว่า
เอาเงินมาจากไหน ? ในเชิงปฏิบัติจริงทำได้ยาก
เพราะจะเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง เหมือนเป็นการดูถูกผู้บริจาค
แต่ทางวัดเห็นด้วยกับหลักการความโปร่งใสในการบริจาคทาน
ดังนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดหาวิธีการที่ปฏิบัติได้จริงมานำเสนอ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทุกวัด ทุกมูลนิธิ และทุกองค์กรการกุศลสืบไป
ดังนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดหาวิธีการที่ปฏิบัติได้จริงมานำเสนอ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทุกวัด ทุกมูลนิธิ และทุกองค์กรการกุศลสืบไป
✔7. ในความเชื่อที่ว่า "ยิ่งบริจาคมาก ยิ่งได้บุญมาก ชีวิตในชาติหน้าจะดียิ่ง ๆ ขึ้นไป” ท่านมีความเห็นอย่างไร?
ตอบ
↪พระพุทธเจ้าตรัสว่า ในการบริจาคทานนั้น หากผู้บริจาคมีจิตเลื่อมใสมาก
แม้บริจาคน้อยก็ได้บุญมาก และทรัพย์ที่นำมาบริจาคนั้น
ต้องเป็นทรัพย์ที่ได้มาด้วยความสุจริตด้วย จึงจะได้บุญมาก
“คนเราควรให้ทานเต็มกำลังศรัทธาของตนเอง โดยไม่ให้เดือดร้อนตนเอง และไม่ให้เดือดร้อนผู้อื่น”