เผยโฉม อดีตมหาประโยค 9 เข้ารีตอิสลาม
อ้างว่า
"จบ ป.ธ.9 จากสำนักเรียนวัดอนงคาราม กรุงเทพฯ"
ว่าแต่จริงหรือเปล่า เพราะไม่มีชื่อ
"พระมหาชลิต ภักดีบุตร"
ในสารบบประโยคเก้าเลย
นี่คือรายชื่อพระเปรียญ 9 ประโยค ตั้งแต่
พ.ศ.2474 -2541 จากวัดอนงคารามและวัดพิชยญาติการาม
ที่นายคนนี้อ้างว่าเคยศึกษาและเรียนจบที่นั่น
พ.ศ. | รายชื่อพระภิกษุ-สามเณรที่สอบได้ | นามสกุล | อายุ | สำนักเรียน-วัด |
2474 | พระมหาเล็ก ปาสาทิโก | อยู่เกษ | 33 | อนงคาราม กทม. |
2499 | พระมหากมล โกวิโท พระมหาวิจิตร วิจารโณ | ธนบุตรศรี สมบัติบริบูรณ์ | 29 27 | อนงคาราม กทม. อนงคาราม กทม. |
2501 | พระมหาถาวร ถาวรสีโล | จินดา | 28 | พิชยญาติการาม กทม. |
2509 | พระมหาสถิตย์ ถาวโร | คุณวันดี | 39 | พิชยญาติการาม กทม. |
2513 | พระมหาจันทร์ กิจฺจสาโร | อักษรทอง | 40 | พิชยญาติการาม กทม. |
2514 | พระมหาคูณ เมธิโก | โทขันธ์ | 27 | อนงคาราม กทม. |
2515 | พระมหาสมพร สุชีโว | กุหลาบ | 40 | อนงคาราม กทม. |
2516 | พระมหาปรีชา ปริญาโณ | สายสูงเนิน | 29 | อนงคาราม กทม. |
2523 | พระมหาคำเภา ฐิตวิริโย | พันธ์โสม | 25 | อนงคาราม กทม. |
2524 | พระมหายิ้ม ภทฺรธมฺโม | ศิริสุภา | 54 | อนงคาราม กทม. |
2525 | พระมหาไหล่ อุฏฺฐานวิริโย | สะอาด | 25 | อนงคาราม กทม. |
2535 | พระมหากัณหา ปิยสีโล | กรุงโคกกรวด | 44 | อนงคาราม กทม. |
2537 | พระมหาวิโชค อธิฏฺฐานเมธี สามเณรโกวิทย์ | เอกวิเชียร ราชิวงศ์ | 24 21 | พิชยญาติการาม กทม. อนงคาราม กทม. |
2539 | พระมหาถนอม ถิรจิตฺโต พระมหาอิสระ ธมฺมภาคี | สมบัติวงศ์ สิงห์เบี้ย | 2722 | อนงคาราม กทม. อนงคาราม กทม. |
2540 | พระมหาสากล ติกฺขปญฺโญ | พรหมสถิตย์ | 23 | อนงคาราม กทม. |
2541 | พระมหาสมเดช ยสธารี | ขุนณรงค์ | 26 | อนงคาราม กทม. |
ข้อมูลจาก
"ทำเนียบพระเปรียญธรรม 9 ประโยค สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พุทธศักราช 2549"
จัดพิมพ์โดยธนาคารกรุงเทพ จำกัด มหาชน ดังนั้น
จึงต้องขอให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติช่วยตรวจสอบและยืนยืนอีกที
นายชลิต ภักดีบุตร
(กดที่ภาพเพื่อชม)
วานนี้(16)
เวลาประมาณ 20.30 น.ณ อาคารอเนกประสงค์ มัสยิดคอยริสซุนนะห์ ลาดบัวขาว
ได้มีการจัดกิจกรรมค่ายการเรียนรู้วิถีชีวิตอิสลาม เป็นวันที่ 2 โดยได้เชิญ
อ.ชารีฟ วงศ์เสงี่ยม และ อ.อับดุลลอฮฺ ภัคดีบุตร ซึ่งเป็นอดีตพระมหาชลิต
เคยจำวัดในสมัยนั้นอยู่ที่ภูเก็ต ก่อนพบคำสอนในไตรปิกฏ กล่าวถึงอัลลอฮฺ
และท่านนบีมูฮัมหมัด
โดย อ.อับดุลลอฮฺเล่าว่าพ่อของท่านเสียชีวิตตั้งแต่เล็กๆ จึงมาอาศัยอยู่ข้างกำแพงวัด ก่อนจะมาเป็นเด็กวัด ก่อนที่จะขอบวชเณรเพื่อให้มีโอกาสได้ศึกษา จนจบเปรียญธรรม 9 และได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศอินเดีย
ซึ่งในสมัยที่ไปเรียนนั้นศาสนาพุทธในอินเดียได้เสื่อมไปแล้ว ไม่มีคนใส่บาตร พระต้องหุงข้าวกินแอง แต่ด้วยความที่เป็นคนสนใจในการอ่าน และมีความสนใจในภาษาบาลี จึงไปอ่านไตรปิฏกของอินเดียที่เป็นภาษาดั่งเดิมและพบในคำสอนของไตยปิฏกที่กล่าวว่า "ฉันไม่ใช่ศาสดาคนแรก และคนสุดท้าย แต่จะมีศาสดาท่านสุดท้าย โดยจะเกิดในทะเลทราย ขี่อูฐ กำพร้าพ่อ-แม่"
นอกจากนั้นในคำสอนของพุทธเจ้ายังได้สอนให้มนุษย์รู้จักผู้สร้าง เช่น ตอนที่ท่านอธิฐานหลังกินข้าวมธุปายาท "หากโลกนี้มีพระผู้สร้างจริง หากมีผู้ที่สร้างฉันมาจริง ขอให้ถาดนี้ลอยทวนกระแสน้ำ" นั่นคือต้นทางของประวัติศาสตร์ที่ว่า ตรัสรู้
และในการเทศนาของท่าน จะบอกกับคนว่า "ความรู้ของฉันเปรียบเหมือนใบมะขามในกำมือนี้ พร้อมเด็ดใบมะขามไว้ในกำมือ แต่ความรู้ของผู้ทรงสร้างเปรียบเหมือนใบมะขามบนต้น"
ขณะที่ในคำสอนของไตยปิฏกยังระบุถึงคำกล่าวของพุทธเจ้าอีกว่า "ศาสนาของนี้จะมีอยู่ไปอีก 1,123 ปีต่อจากนั้นจะสลายไป"
จากนั้นอ.อับดุลลอฮฺเล่าต่อว่า ท่านก็ยังไม่เข้าใจคำสอนดังกล่าวในตอนนั้น จนมาได้พบกับการสอนศาสนาที่มัสยิดแห่งหนึ่ง ซึ่งสอนเกี่ยวกับผู้สร้างโลก และศาสดาท่านสุดท้าย จึงคิดว่าได้ว่า ทั้งหมดนี้เราเคยเรียนมาแล้ว และศาสดาองค์สุดท้ายก็ได้เกิดขึ้นแล้ว หลังจากได้รับความรู้เพิ่มเติมในส่วนนี้จนกระจ่างชัดแล้ว จึงได้ประกาศเข้ารับอิสลามในเวลาต่อมา
โดย อ.อับดุลลอฮฺเล่าว่าพ่อของท่านเสียชีวิตตั้งแต่เล็กๆ จึงมาอาศัยอยู่ข้างกำแพงวัด ก่อนจะมาเป็นเด็กวัด ก่อนที่จะขอบวชเณรเพื่อให้มีโอกาสได้ศึกษา จนจบเปรียญธรรม 9 และได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศอินเดีย
ซึ่งในสมัยที่ไปเรียนนั้นศาสนาพุทธในอินเดียได้เสื่อมไปแล้ว ไม่มีคนใส่บาตร พระต้องหุงข้าวกินแอง แต่ด้วยความที่เป็นคนสนใจในการอ่าน และมีความสนใจในภาษาบาลี จึงไปอ่านไตรปิฏกของอินเดียที่เป็นภาษาดั่งเดิมและพบในคำสอนของไตยปิฏกที่กล่าวว่า "ฉันไม่ใช่ศาสดาคนแรก และคนสุดท้าย แต่จะมีศาสดาท่านสุดท้าย โดยจะเกิดในทะเลทราย ขี่อูฐ กำพร้าพ่อ-แม่"
นอกจากนั้นในคำสอนของพุทธเจ้ายังได้สอนให้มนุษย์รู้จักผู้สร้าง เช่น ตอนที่ท่านอธิฐานหลังกินข้าวมธุปายาท "หากโลกนี้มีพระผู้สร้างจริง หากมีผู้ที่สร้างฉันมาจริง ขอให้ถาดนี้ลอยทวนกระแสน้ำ" นั่นคือต้นทางของประวัติศาสตร์ที่ว่า ตรัสรู้
และในการเทศนาของท่าน จะบอกกับคนว่า "ความรู้ของฉันเปรียบเหมือนใบมะขามในกำมือนี้ พร้อมเด็ดใบมะขามไว้ในกำมือ แต่ความรู้ของผู้ทรงสร้างเปรียบเหมือนใบมะขามบนต้น"
ขณะที่ในคำสอนของไตยปิฏกยังระบุถึงคำกล่าวของพุทธเจ้าอีกว่า "ศาสนาของนี้จะมีอยู่ไปอีก 1,123 ปีต่อจากนั้นจะสลายไป"
จากนั้นอ.อับดุลลอฮฺเล่าต่อว่า ท่านก็ยังไม่เข้าใจคำสอนดังกล่าวในตอนนั้น จนมาได้พบกับการสอนศาสนาที่มัสยิดแห่งหนึ่ง ซึ่งสอนเกี่ยวกับผู้สร้างโลก และศาสดาท่านสุดท้าย จึงคิดว่าได้ว่า ทั้งหมดนี้เราเคยเรียนมาแล้ว และศาสดาองค์สุดท้ายก็ได้เกิดขึ้นแล้ว หลังจากได้รับความรู้เพิ่มเติมในส่วนนี้จนกระจ่างชัดแล้ว จึงได้ประกาศเข้ารับอิสลามในเวลาต่อมา
ข่าว :
พันทิป-ยูทู๊ป
23 พฤษภาคม 2554
23 พฤษภาคม 2554