ตำนานน้ำส้มสายชู(หมัก) โดย หมอชาติ พชรไพฑูรย์
การทำน้ำสมสายชูหมัก คนโบราณในภาคพื้นเอเชียทำกินกันมานานมากแล้ว
ในสมัยพุทธกาลได้นำเอาน้ำส้มสายชูหมักมาทำเป็นน้ำกระสายยา เพื่อเพิ่มสรรพคุณทางยาทำให้ยามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ใน ตำรายาของท่านอาจารย์ชีวก โกมารภัจ เรียกมันว่า สุรามฤต (คือกระบวนการหมักคลายการหมักเหล้าแต่ไม่มีแอลกอฮอล์ มีสรรพคุณในการรักษาโรคที่มีเชื้อร้ายแรงหลายชนิดโดยไม่มีผลข้างเคียงที่ เป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์และสัตว์)โดยมากจะเข้ายาที่รักษาโรคเรื้อน มะเร็ง ฝีภายในต่างๆ โรคโลหิตสตรี โลหิตทุจริตโทษ
ในสมัยที่ผู้ เขียนยังเป็นเด็กๆอยู่ การหมักน้ำส้มสายชูทำกินทำใช้กันเองในครัวเรือนทั่วไป บางบ้านทำไว้มากๆ ก็นำมาใส่ขวด (ขวดน้ำปลา) แบ่งขายให้เพื่อนบ้านที่ทำไม่เป็น หรือ ไม่ได้ทำไว้กิน สนนราคาตอนนั้นก็ประมาณขวดละ ๗๕ สตางค์ ไม่ว่าน้ำปลา ซีอิ้ว น้ำส้ม เต้าเจี้ยว กระเทียมดอง ล้วนแล้วแต่ทำกินกันตามบ้าน ตามชุมชนทั่วไป ต่างสูตร ต่างรสชาติกันไป แต่ที่ไม่ต่างกันคือความปลอดภัย และวัฒนธรรมที่สวยสดงดงามไร้สารเคมี บริสุทธิ์ไร้สีสันแต่งแต้ม
จน กระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง มีบริษัทยักษ์ใหญ่บริษัทหนึ่งผลิตน้ำส้มสายชูกลั่น 5 % จากกรดส้ม(Acetic acid) ออกวางจำหน่ายในท้องตลาดทั่วประเทศ แล้วก็มีประกาศ จาก กระทรวงสาธารณสุข (ในสมัยนั้น) ว่าน้ำส้มสายชูหมัก เป็นน้ำส้มสายชูเทียม ไม่สะอาด ไม่ปลอดภัยเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ห้ามมิให้มีการผลิตเพื่อบริโภคไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม
ใกล้ๆบ้านของผู้ เขียนมีครอบครัวชาวจีนครอบครัวหนึ่งเปิดร้านค้าขายสินค้าเบ็ดเลต (ร้านชำ)หัวหน้าครอบครัวชื่อเส็ง ชาวบ้านย่านนี้รู้จักเจ๊กเส็งดีทุกคน จากความขยันขันแข็งและน้ำใจอันโอบอ้อมอารีร้านของเจ๊กเส็งขายตั่งแต่สากเบือ ยันเรือป๊อกกันเลยทีเดียวเชียว(เรือป๊อกของเล่นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดใน สมัยนั้น)เจ๊กเส็งจะรับซื้อสินค้าจากชาวบ้านทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ กุ้ง หอย ปู ปลา เครื่องจักรสาร งานต่างๆที่ชาวบ้านทำ ขนมข้าวต้มนำมาขายในร้านของแก หากขายไม่หมดหรือมีของที่รับซื้อมากเกินไปก็จะนำมาแปรรูปขาย เช่น ปลาถ้ามีมากก็ทำปลาเค็มบ้าง หมักน้ำปลาบ้าง ผักทำเป็นผักดอง กุ้งฝอยนำมาทำกุ้งแห้งหรือกะปิ เป็นต้น บ้านร้านค้าของเจ๊กเส็งอยู่ติดริมคลองมหาสวัสดิ์ฝั่งตรงข้ามเป็นท่าเรือของ สถานีรถไฟฉิมพลีจึงเป็นแหล่งรวมผู้คนผ่านไปผ่านมามากมายนับว่าเป็นย่าน เศรษฐกิจชุมชนเลยทีเดียวเชียว คนที่จะต้องเข้ากรุงเทพจะต้องมาลงเรือหางยาวสาย ประตูน้ำ – ท่าช้าง หรือมาข้ามฟากไปขึ้นรถไปสถานีฉิมพลี สาย บางกอกน้อย – สายใต้ที่นี่ สมัยที่ผู้เขียนยังเป็นเด็กๆชุมชนย่านนี้จะมีทีวีที่บ้านของเจ๊กเส็ง เครื่องเดียว ผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียงโดยเฉพาะวันเสาร์หรืออาทิตย์เด็กๆจะมานั่งดูทีวีที่ บ้านเจ๊กเส็งกันทั้งวัน ที่หลังบ้านของเจ๊กเส็งจะเป็นโรงเรือนขนาดใหญ่ ใช้สำหรับหมักน้ำปลาทำกะปิหมักน้ำส้มสายชูและดองผักดองผลไม้และอีกทั้งยัง เป็นที่ใช้แปรรูปสิ้นค้าต่างๆอีกด้วย โดยมีลูกบ้างหลานบ้างพี่ๆน้องๆของเจ๊กเส็งจะอยู่รวมทำธุรกิจกันที่นี้เรียก ว่าธุรกิจในครัวเรือนก็ว่าได้เวลาเดินผ่านโรงเรือนของเจ๊กเส็งจะได้กลิ่นหอม ของน้ำปลาที่กำลังต้มให้สุกหอมกรุ่นน้ำปลาแท้กลิ่นอบอวนชวนหิวข้าวยิ่งนัก
ในสมัยพุทธกาลได้นำเอาน้ำส้มสายชูหมักมาทำเป็นน้ำกระสายยา เพื่อเพิ่มสรรพคุณทางยาทำให้ยามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ใน ตำรายาของท่านอาจารย์ชีวก โกมารภัจ เรียกมันว่า สุรามฤต (คือกระบวนการหมักคลายการหมักเหล้าแต่ไม่มีแอลกอฮอล์ มีสรรพคุณในการรักษาโรคที่มีเชื้อร้ายแรงหลายชนิดโดยไม่มีผลข้างเคียงที่ เป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์และสัตว์)โดยมากจะเข้ายาที่รักษาโรคเรื้อน มะเร็ง ฝีภายในต่างๆ โรคโลหิตสตรี โลหิตทุจริตโทษ
ในสมัยที่ผู้ เขียนยังเป็นเด็กๆอยู่ การหมักน้ำส้มสายชูทำกินทำใช้กันเองในครัวเรือนทั่วไป บางบ้านทำไว้มากๆ ก็นำมาใส่ขวด (ขวดน้ำปลา) แบ่งขายให้เพื่อนบ้านที่ทำไม่เป็น หรือ ไม่ได้ทำไว้กิน สนนราคาตอนนั้นก็ประมาณขวดละ ๗๕ สตางค์ ไม่ว่าน้ำปลา ซีอิ้ว น้ำส้ม เต้าเจี้ยว กระเทียมดอง ล้วนแล้วแต่ทำกินกันตามบ้าน ตามชุมชนทั่วไป ต่างสูตร ต่างรสชาติกันไป แต่ที่ไม่ต่างกันคือความปลอดภัย และวัฒนธรรมที่สวยสดงดงามไร้สารเคมี บริสุทธิ์ไร้สีสันแต่งแต้ม
จน กระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง มีบริษัทยักษ์ใหญ่บริษัทหนึ่งผลิตน้ำส้มสายชูกลั่น 5 % จากกรดส้ม(Acetic acid) ออกวางจำหน่ายในท้องตลาดทั่วประเทศ แล้วก็มีประกาศ จาก กระทรวงสาธารณสุข (ในสมัยนั้น) ว่าน้ำส้มสายชูหมัก เป็นน้ำส้มสายชูเทียม ไม่สะอาด ไม่ปลอดภัยเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ห้ามมิให้มีการผลิตเพื่อบริโภคไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม
ใกล้ๆบ้านของผู้ เขียนมีครอบครัวชาวจีนครอบครัวหนึ่งเปิดร้านค้าขายสินค้าเบ็ดเลต (ร้านชำ)หัวหน้าครอบครัวชื่อเส็ง ชาวบ้านย่านนี้รู้จักเจ๊กเส็งดีทุกคน จากความขยันขันแข็งและน้ำใจอันโอบอ้อมอารีร้านของเจ๊กเส็งขายตั่งแต่สากเบือ ยันเรือป๊อกกันเลยทีเดียวเชียว(เรือป๊อกของเล่นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดใน สมัยนั้น)เจ๊กเส็งจะรับซื้อสินค้าจากชาวบ้านทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ กุ้ง หอย ปู ปลา เครื่องจักรสาร งานต่างๆที่ชาวบ้านทำ ขนมข้าวต้มนำมาขายในร้านของแก หากขายไม่หมดหรือมีของที่รับซื้อมากเกินไปก็จะนำมาแปรรูปขาย เช่น ปลาถ้ามีมากก็ทำปลาเค็มบ้าง หมักน้ำปลาบ้าง ผักทำเป็นผักดอง กุ้งฝอยนำมาทำกุ้งแห้งหรือกะปิ เป็นต้น บ้านร้านค้าของเจ๊กเส็งอยู่ติดริมคลองมหาสวัสดิ์ฝั่งตรงข้ามเป็นท่าเรือของ สถานีรถไฟฉิมพลีจึงเป็นแหล่งรวมผู้คนผ่านไปผ่านมามากมายนับว่าเป็นย่าน เศรษฐกิจชุมชนเลยทีเดียวเชียว คนที่จะต้องเข้ากรุงเทพจะต้องมาลงเรือหางยาวสาย ประตูน้ำ – ท่าช้าง หรือมาข้ามฟากไปขึ้นรถไปสถานีฉิมพลี สาย บางกอกน้อย – สายใต้ที่นี่ สมัยที่ผู้เขียนยังเป็นเด็กๆชุมชนย่านนี้จะมีทีวีที่บ้านของเจ๊กเส็ง เครื่องเดียว ผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียงโดยเฉพาะวันเสาร์หรืออาทิตย์เด็กๆจะมานั่งดูทีวีที่ บ้านเจ๊กเส็งกันทั้งวัน ที่หลังบ้านของเจ๊กเส็งจะเป็นโรงเรือนขนาดใหญ่ ใช้สำหรับหมักน้ำปลาทำกะปิหมักน้ำส้มสายชูและดองผักดองผลไม้และอีกทั้งยัง เป็นที่ใช้แปรรูปสิ้นค้าต่างๆอีกด้วย โดยมีลูกบ้างหลานบ้างพี่ๆน้องๆของเจ๊กเส็งจะอยู่รวมทำธุรกิจกันที่นี้เรียก ว่าธุรกิจในครัวเรือนก็ว่าได้เวลาเดินผ่านโรงเรือนของเจ๊กเส็งจะได้กลิ่นหอม ของน้ำปลาที่กำลังต้มให้สุกหอมกรุ่นน้ำปลาแท้กลิ่นอบอวนชวนหิวข้าวยิ่งนัก