หลักการสำคัญของสามเซียนด้านการเงิน

“แม้ว่า Warren Buffett (Investor), Dennis Gartman (Trader) และ Puggy Pearson (Gambler) จะมีวิธีและหลักการที่แตกต่างกันมาก  แต่พวกเขาก็สามารถประสบความสำเร็จในด้านการเงินการลงทุนได้เหมือนกัน…
ซึ่งคุณสมบัติที่พวกเขามีร่วมกันก็คือ ‘วินัยที่เคร่งครัด’ ในการทำตามกฏและหลักการที่พวกเขาตั้งเอาไว้นั่นเอง”

หลังจากที่เราเกิดขึ้นมาได้ไม่นาน พวกเราได้เริ่มเรียนรู้กฏของชีวิต ซึ่งกฏหลายๆข้อนั้น เราเรียนรู้ผ่านการลองผิดลองถูกและจดจำข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ขณะที่กฏอื่นๆทั่วไปก็เรียนรู้ผ่านทางพ่อแม่ของเรา ซึ่งการเรียนรู้จากผู้อื่นนั้นน่าจะง่ายกว่า แต่ก็ดูเหมือนว่า คนเราจะจดจำบทเรียนที่ได้รับจากความผิดพลาดของตัวเองได้ดีกว่าเรียนรู้จาก ผู้อื่น
ในฐานะนักลงทุนก็เช่นกัน เรามีทั้งการเรียนรู้ผ่านการลองผิดลองถูกและหนทางที่ยากลำบาก ด้วยความตั้งใจว่าจะสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว โดยที่ไม่เจ๊งหมดตัวไปเสียก่อน และก็ต้องเรียนรู้จากคำสอนของเหล่าเซียนผู้ประสบความสำเร็จ อย่างเช่นทั้งสามท่านนี้…
‘The World’s Greatest Investor’ : Warren Buffett
Warren-Buffett12-300x239
.
Warren Buffett ผู้ได้รับฉายา “เทพพยากรณ์แห่ง Omaha” ซึ่งหลายๆคนยกให้เขาเป็นนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขาได้มอบเงินบริจาค 4 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับมูลนิธิของ Bill & Malinda Gates ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆทางด้านสุขภาพและการศึกษา
Buffett มีกฏการลงทุนที่ยอดเยี่ยมอยู่หลายข้อ ซึ่งหากคุณสนใจก็สามารถอ่านได้จากรายงานประจำปีของบริษัทของเขา (Berkshire Hathaway) และหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนของเขา ซึ่งเป็นแหล่งความรู้ที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการหาความรู้ด้านการลงทุน ระยะยาว
หลักการสำคัญ 3 ข้อของ Buffett มีดังต่อไปนี้ :
  • กฏข้อที่ 1 : ห้ามขาดทุน, กฏข้อที่ 2 : ห้ามลืมกฏข้อที่ 1
- ถ้าหากคุณขาดทุนจากการลงทุนเท่าไร คุณก็จะต้องทำผลตอบแทนให้มากกว่า % ที่คุณขาดทุน เพื่อทำให้กลับมาเท่าทุนอีกครั้ง ดังนั้น ยิ่งขาดทุนมากเท่าไร โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ
- จงลดความเสี่ยงด้วยการค้นหาบริษัทที่ดีมีคุณภาพ แต่ราคาหุ้นกำลังซื้อขายอยู่ ณ ราคาที่ดูต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับศักยภาพของธุรกิจในระยะยาว และหาแนวทางการบริหารเงินทุนของคุณให้ดี
- การที่เราขาดทุนนั้นจะทำให้เสียทั้งเวลา เงินทุน และกำลังใจ ถ้าหากคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ คงถึงเวลาที่ต้องปล่อยวาง รีบตัดขาดทุน ยอมรับความผิดพลาดและก้าวต่อไปครับ
  • ตลาดหุ้นถูกออกแบบมาเพื่อเคลื่อนย้ายเงินจากคนที่ใจร้อนไปยังผู้ที่มีความอดทน
- ผลตอบแทนที่ดีนั้น จะเป็นของผู้ที่สามารถรอให้เกิดโอกาสที่ดีที่สุดเสียก่อนที่จะเข้าไปลงทุน ส่วนคนที่ชอบไล่ตามหุ้นร้อนแรง (ในระยะสุดท้าย) ก็มักจะจบลงด้วยการขาดทุนมากกว่ากำไร
- อดทนและใจเย็นสำหรับการซื้อขาย แต่ตื่นตัวสำหรับการวิเคราะห์หาโอกาสอยู่เสมอ คอยมองหาบริษัทที่มูลค่าในระยะยาวมีโอกาสสูงกว่าปัจจุบันหลายเท่า และอดทนรอให้ราคาหุ้นนั้นลงมาถึงจุดที่ควรจะเข้าไปซื้อ
  • สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนคือ “ภาวะอารมณ์” ไม่ใช่ “ความฉลาดส่วนตัว”
- คุณจำเป็นที่จะต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกกดดันหรือตื่นกลัวเกินเหตุ ไม่ว่าเวลาที่คุณอยู่ฝั่งเดียวกับคนส่วนใหญ่ หรือเมื่อคุณอยู่ตรงข้ามกับพวกเขาเหล่านั้น
- การคิดอย่างอิสระและมีความมั่นใจในสิ่งที่คุณตัดสินใจนั้น สำคัญยิ่งกว่าการเป็นคนฉลาดที่สุดในตลาดเสียอีก โดยส่วนใหญ่แล้ว โอกาสที่ดีที่สุดคือเวลาที่คนอื่นๆกลัวมาก และหนีออกไปกันหมดแล้ว
- อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจเกินเหตุโดยไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริง (Ego สูง) ก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของการลงทุนเช่นกัน

‘The Great Trader’ : Dennis Gartman
dennis-gartman
.
Dennis Gartman ได้เผยแพร่กฏการเทรด 15 ข้อของเขาผ่านทางหนังสือ Futures เขาคือเทรดเดอร์ผู้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเคยมีทั้งประสบการณ์กำไรอย่างมหาศาล และการสูญเสียเกือบทุกอย่างจากการขาดทุน เขาได้ตีพิมพ์ The Gartman Letter นิตยสารรายวันสำหรับนักลงทุนสถาบัน และเหล่านักลงทุนมากมายมาหลายสิบปีจนถึงปัจจุบัน
และนี่คือกฏการเทรดที่สำคัญ 3 ข้อของ Gartman :
  • แมลงสาบไม่เคยมีอยู่แค่ตัวเดียว  (There is never one cockroach.)
- เมื่อคุณเริ่มเห็นข่าวร้าย พื้นฐานที่เริ่มแย่ลง หรือปัญหาการทุจริตในบริษัทใดๆก็ตาม เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าได้เลยว่าจะมีปัญหาต่างๆอีกมากมายตามมาแน่นอน เพราะข่าวร้ายมักจะก่อให้เกิดข่าวร้ายอื่นๆตามมาอยู่เสมอ
- ดังนั้น ถ้าคุณเริ่มพบเบาะแสหรือสัญญาณอะไรก็ตามที่บ่งชี้ถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น จงหลีกเลี่ยงหุ้นตัวนั้นและขายมันออกไปให้หมด
  • ตลาดขาขึ้นให้ Long เท่านั้น, ตลาดขาลงจง Short อย่างเดียว  (In a bull market only be long. In a bear market only be short.)
- ประมาณ 60% ของหุ้นในตลาด จะเคลื่อนไหวไปตามสภาวะตลาดโดยรวม ดังนั้น จงลงทุนหรือเทรดไปในทางเดียวกันกับเทรนด์ของตลาดเสมอ อย่างที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่า ”The trend is your friend.”
  • อย่าเพิ่งเข้าเทรดจนกว่า ทั้ง พื้นฐานและเทคนิคอล จะยืนยันไปด้วยกัน  (Don’t make a trade until the fundamental and technical agree.)
- เพราะว่ามุมมองด้าน ‘พื้นฐาน’ จะช่วยให้เราค้นหาบริษัทที่มีคุณภาพ มีแนวโน้มเติบโตสูง แต่ยังคงเทรดที่ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
- ในขณะที่ ‘เทคนิคอล’ จะช่วยบอกเราว่า เวลาไหนที่ควรเริ่มเข้าซื้อ, จุดที่ควรตัดขาดทุน, และจุดไหนที่ควรเก็บกำไร (trailing stop)
- ดังนั้น ลองคิดให้เหมือน ‘Fundamentalist’ และเทรดอย่าง ‘Technician’
- เมื่อคุณเข้าใจถึงเหตุผลด้านพื้นฐานที่จะสามารถผลักดันราคาหุ้นขึ้นไปได้ และเริ่มเห็นสัญญาณทางเทคนิคอลมายืนยันปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้น นั่นละคือเวลาที่คุณควรจะเริ่มเข้าเทรด!

‘The Gambler’ : Puggy Pearson
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
.
สำหรับกฏชุดสุดท้ายที่พวกเราควรจะปฏิบัติตามนั้น มาจากแชมป์โป๊กเกอร์ระดับโลก 2 สมัย ‘Puggy Pearson’ เขาเคยกล่าวไว้ว่า “การพนันต้องการเพียงสามสิ่งคือ กฏ 60/40, การบริหารหน้าตัก (money management), และ การรู้จักตัวเอง” ซึ่งหลักการเหล่านี้สามารถนำมาใช้กับการลงทุนได้เช่นกัน
และนี่คือหลักการพนันทั้ง 3 ข้อของ Pearson :
  • กฏ 60/40
- การเข้าใจถึงโอกาสที่จะจั่วได้ไพ่แต้มสูงนั้นสำคัญมากๆในการเล่นโป๊กเกอร์ กฏ 60/40 คือ ความเป็นไปได้ 60% ที่จะชนะ (เพราะไพ่เราสูง) และ มีโอกาส 40% ที่จะแพ้ โดยตามสถิติ หากคุณเล่นโป๊กเกอร์แล้วมีอัตราเสี่ยงเท่านี้ หรือดีกว่านี้ โอกาสชนะก็เป็นของคุณแล้วครับ
- ในฐานะนักลงทุน เราควรพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เรามีแต้มต่อที่ดีในทุกๆการเทรด หรือมีแต้มต่อในหุ้นที่เราเลือกลงทุน (the odds in our favor)
- โดยการจะได้อัตราเสี่ยง 60/40 สำหรับการลงทุนนั้น คุณจะต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นหา และมันก็มีหลากหลายวิธีที่จะค้นหาหุ้นดีเพื่อลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกหุ้นรายตัวโดยใช้หลัก Top-Down หรือ Bottom-Up, การวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือทางพื้นฐาน หรือการผสมผสาน, การประเมินมูลค่าที่แท้จริง, การพิจารณา Growth Stock, การเลือกหุ้นจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็น Mega-Trend ฯลฯ
- ประเด็นคือ นักลงทุนต้องตั้งใจและมีความพยายามในการค้นหาหุ้นที่ดี รับรู้ถึงโอกาสต่างๆที่จะผ่านเข้ามาแล้วคว้ามันไว้ ซึ่งก็เหมือนกับการที่คุณต้องจั่วได้ไพ่ดีเสียก่อน จึงจะกล้าเดิมพันเพิ่ม เพราะคุณเริ่มมีแต้มต่อที่ดีนั่นเอง
  • การบริหารเงินทุน  (Money Management)
การบริหารเงินทุน (หน้าตัก) เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติเสมอไม่มีหยุด หลักการแรกคือ ‘จำกัดการขาดทุนให้น้อยที่สุดในทุกเกม (poker) หรือทุกการเทรด’
ข้อดีสำหรับนักลงทุนคือ คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก่อนเพื่อที่จะดูไพ่ (ต่างจากการเล่น poker) แต่มันก็แลกกับการที่นักลงทุนจะต้องทุ่มเทอย่างหนักเพื่อที่จะหาหุ้นที่ดี ที่สุดในขณะนั้น เมื่อคุณจั่วได้ไพ่(หุ้น)ที่ดีได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องตัดสินใจว่าควรจะลงเงินเท่าไหร่สำหรับไพ่ในมือนี้
สิ่งที่หัวข้อนี้ต้องการจะสื่อก็คือ ต้องวิเคราะห์ Risk / Reward ในแต่ละการเทรดของคุณให้ดี จริงอยู่เมื่อคุณใส่เงินลงไปในหุ้นตัวนึงมากเท่าไร ผลตอบแทนที่คาดหวังก็ยิ่งมากเท่านั้น แต่อย่าลืมว่าความเสี่ยงย่อมเพิ่มตามขึ้นไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม “หากคุณไม่เล่น คุณก็ไม่มีวันชนะ” ดังนั้น จงเล่นอย่างมีสติ บริหาร positon size ให้เหมาะสม และวิเคราะห์ Risk / Reward อยู่เสมอ
ตามปกติแล้ว การให้น้ำหนักเงินลงทุนอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่อมองเห็นโอกาส(ต่อความ เสี่ยง)ที่ดีมาก และให้น้ำหนักเงินลงทุนน้อยๆ สำหรับการลงทุนที่ดูไม่ดีเท่าอันอื่นๆนั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด
เช่นเดียวกับการเล่นโป๊กเกอร์ นักลงทุนส่วนใหญ่จะได้กำไรจากการค่อยๆเพิ่มสัดส่วนในหุ้นที่เป็น Big winner ของเขา ซึ่งการจะทำอย่างนั้นได้ ก็จำเป็นที่จะต้องประเมินโอกาสและความเสี่ยงในการลงทุนอยู่เสมอ โดยเปรียบเทียบเหตุการณ์ปัจจุบันกับเหตุการณ์ที่คล้ายกันในอดีต เพราะว่า ‘ประสบการณ์ คืออาจารย์ที่ดีที่สุดของนักลงทุน’
นอกจากนี้ หากโอกาสการลงทุนที่คิดไว้ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ นักลงทุนก็ยังสามารถใช้จุด stop-loss เพื่อช่วยลดความรุนแรงของการขาดทุนในแต่ละครั้ง และรักษาเงินลงทุนส่วนใหญ่เอาไว้ ซึ่งน่าเสียดายที่นักพนันไม่มีเครื่องมือดีๆเช่นนี้! (การเล่น poker หรือการพนันอื่น เมื่อลงเงินไปแล้วจะไม่มี stop loss เพื่อรักษาเงินที่เหลือในกองเอาไว้)
  • รู้จักตนเอง  (Knowing Yourself)
- กฏการพนันข้อสุดท้ายคือ ‘การรู้จักตนเอง’ หมายถึงการทำทุกอย่างที่คุณทำได้ โดยยึดอยู่กับวินัยของตัวเองเป็นหลัก เช่น ในการเทรดแต่ละครั้ง หากโอกาสในการลงทุนที่คุณวิเคราะห์อยู่นั้นไม่เหมาะสมกับ Risk / Reward ที่คุณยอมรับได้ จงบังคับตัวเองให้ปล่อยผ่านโอกาสนั้นไปเสีย
- แม้ว่าคุณอาจจะพลาดโอกาสทำกำไรไปบ้างก็ตาม แต่นั่นจะช่วยป้องกันคุณจากการขาดทุนหนักๆได้เช่นกัน การทำตามวินัยของตัวเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดทั้งกับนักพนันและ นักลงทุน คุณจะต้องอดทนเป็นพิเศษเพื่อโอกาสสำคัญที่คุณรอคอย และเมื่อโอกาสนั้นมาถึง อย่าลังเลที่จะคว้ามันเอาไว้!
.
กล่าวโดยสรุป นักลงทุน, เทรดเดอร์ และนักพนัน ผู้ชาญฉลาดทั้งสามท่านที่กล่าวถึงไปนั้น ต่างก็มีความยอดเยี่ยมและความชำนาญที่แตกต่างกันออกไป และด้วยการทำตามหลักการที่แต่ละคนตั้งเอาไว้ จึงทำให้พวกเขาทั้งสามประสบความสำเร็จ ในขณะที่มีคนจำนวนมากล้มเหลวในตลาด
และแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้มีความสามารถหรือปัจจัยต่างๆเหมือนกับ พวกเขาทั้งหมด แต่เราก็สามารถเรียนรู้หลักการจากเซียนทั้งสามท่านนี้ เพื่อนำไปปรับใช้ได้เช่นกัน

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘