ประวัติแกงเขียวหวาน

ประวัติแกงเขียวหวาน เริ่มๆ มาจาก แกงป่า แกงเผ็ด ตามลำดับ จนเรามาใช้พริกขี้หนูสดเขียวๆ ทำน้ำพริกแกงแทนกันนี่เอง แกงเขียวหวานจึงเกิดขึ้นมา จนได้รับความนิยมไปทั่ว
ประวัติแกงเขียวหวาน มีความเป็นมาอย่างไร มีใครรู้บ้าง? ได้ยินเสียงโป๊กๆ มาแต่ในครัว ตามที่คุยกันไว้เมื่อคืนว่าวันนี้เราจะทำแกงเขียวไก่อร่อยๆ ทานกับขนมจีนกันนี่ เครื่องพริกแกงถูกตำจนละเอียดสีเขียวเนียนสวยเชียว ไก่บ้านตัวโตๆ สับเป็นชิ้นๆ มะเขือเปราะเอาไว้หั่นใส่เลยจะได้ไม่ดำ ปรุงรสออกเค็มตัดหวานนิดๆ ใบมะกรูดฉีก ใบโหระพาเพิ่มความหอม เติมสีให้น่าทานๆ กันซักหน่อยด้วย พริกชี้แดง พริกชี้ฟ้าส้ม พริกชี้เขียว แล้วแต่จะชอบ ราดบนเส้นขนมจีน ได้ไข่ต้ม โรยด้วยพริกผงหน่อยๆ ทานแกล้มกับ ถั่วฝักยาว ถั่วพู โหระพาสดๆ ช่างอร่อยๆเหลือคณา จนมันอดคิดไม่ได้เลยว่า “ประวัติแกงเขียวหวานมีความเป็นไปเป็นมาอย่างไร?

ประวัติแกงเขียวหวาน มีความเป็นไปเป็นมาอย่างไร?

ประวัติแกงเขียวหวาน มีความเป็นไปเป็นมาอย่างไรไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่จัดว่าเป็นแกงไทยโบราณที่มีชื่อเสียงไปไกลทั่วโลก เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับชาวต่างชาติในนาม Thai Green Curry ตามสีของน้ำแกงนั่นเอง
ย้อนๆ หลังไป ไทยเรายังไม่ได้เอากะทิมาทำกับข้าวกันหรอก น้ำพริกแกงเผ็ดที่ถูกตำขึ้นมาก็เพื่อทำแกงป่ากันเป็นเสียส่วนใหญ่ น้ำพริกแกงที่เน้นตำจากพริกแห้งสีแดงๆ จนได้พริกแกงละเอียดๆ สีแดงๆ ต้มในน้ำให้เดือด ใส่เนื้อสัตว์ลงไป พอสุกปรุงรสใส่ผัก และขาดไม่ได้คือ พริกไทยอ่อน กระชายซอยเส้น ใบโหระพาเพิ่มความหอมให้แกงป่าถ้วยโปรด อ้อขาดไม่ได้กับพริกชี้ฟ้าเพิ่มสีสันให้น่าทานอีกซักหน่อย
ประวัติของแกงเขียวหวาน ก็มาเริ่มๆ เมื่อคนไทยเริ่มนำกะทิมาทำกับข้าวนี่แหละ หัวกะทินำมะเคี่ยวร้อนๆ จนแตกมัน ก็น้ำมันที่แตกออกมานี่แหละเป็นภูมิปัญญาไทยใช้ผัดน้ำพริกแกงให้หอมๆ มีรสชาติดีขึ้น ตามด้วยการใช้กะทิแทนน้ำตามแบบฉบับแกงป่า ผักกลิ่นแรงๆ อย่าง กระชาย พริกไทยอ่อนถูกตัดออกไป แต่ก็ยังใส่กันบ้างเพื่อกลบความคาวสำหรับเมนูปลาต่างๆ ปรุงสันเติมแต่งรสชาติจนได้ “แกงเผ็ด” แกงไทยชื่อเสียงชื่อเสียงก้องไกลในนาม Thai Red Curry
เริมเข้าสูยุกต์ประวัติแกงเขียวหวานกันหละ เมื่อแม่ครัวไทยช่างสร้างสรรค์หันไปใช้พริกขี้หนูสดๆ สีเขียวๆ มาใช้โขลกทำพริกแกงแทนพริกแห้งได้ “น้ำพริกแกงเขียวหวาน” สีเขียวนวลสวย.... เมื่อนำไปใช้ทำแกงกะทิ ผัดน้ำพริกแกงเขียวหวานด้วยกะทิแตกมันจนหอมฉุย ตามด้วยเนื้อสัตว์ ปรุงรส เติมผัก ใบมะกรูด ใบโหระพา ฯลฯ ได้น้ำแกงกะทิสีเขียวนวลสวยเชียว ตรงสีเขียวๆ นวลๆ สวยๆ ของน้ำแกงนี่หละที่ทำให้คนไทยเราตั้งชื่อให้แกงกะทิถ้วยอร่อยนี้ว่า “แกงเขียวหวาน” ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมไปทุกสารทิศ
ดีใจนะที่ได้รู้ “ประวัติแกงเขียวหวาน” กันเสียที อย่างน้อยก็ช่วยๆ ลบความเข้าใจผิดที่คิดว่า แกงเขียวหวานคือแกงกะทิสีเขียวมีรสชาติหวาน แต่จริงๆ แล้วแกงเขียวหวานเป็นแกงกะทิมีรสชาติเค็มนำตัดหวานนิดๆ ส่วนชื่อแกงเขียวหวานนั้นจริงๆ แล้วได้มาจากสีของน้ำแกงเขียวๆ หวานๆ นวลๆ กันต่างหาก

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘