"The Curse" คำสาบของทรัพยากร

ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่กำลังเข้าใจเรื่องของ ทรัพยากร ในมุมที่ผิด ...ผมไปอ่านบทความนึงที่เขียนเกี่ยวกับ The Curse of Resources ..ดูชื่อเรื่องน่ากลัวมาก แปลว่า "คำสาบของทรัพยากร" ...อ้าว!! ประเทศมีทรัพยากรเยอะๆ น้ำมัน เพชร แร่ธาตุ ป่าไม้ เหล็ก ...มีเยอะๆ ไม่ดียังไง !!

มันมีงานวิจัย ที่เข้ามาศึกษาในเรื่องนี้ ปรากฏว่า ประเทศที่มีทรัพยากรมีค่ามาก กลับมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าลง ...ฮึม!! ฟังดูไม่ค่อย Make Sense ..ผมเลยมานั่งคิดว่า ถ้าย้อนกลับมามอง "ตัวเรา" ..มันเป็นแบบประเทศหรือเปล่า -- การที่เราเกิดมารวย จำเป็นไหมว่า พ่อแม่เรารวย เราจะรวยเหมือนพ่อแม่ ...หรือ เราเกิดมาจน พ่อแม่เราจน เราจะจนเหมือนพ่อแม่

คุณคิดว่า เราถูกกำหนด ให้เป็นเหมือนพ่อแม่ ทั้งหมดหรือเปล่า ... "ไม่ใช่!!" ถ้าดูกันดีๆ ส่วนใหญ่ใช่ แต่มันก็มีบางคนที่สามารถทำได้ ..บางคนที่พูดถึง ก็คือ คนที่สามารถสร้างตัวมาแบบ Self-made คือ พ่อแม่จน แต่ลูกเป็น Billionaire ..และที่น่าสนใจคือ ประเทศที่คนรวยจาก Self-made แบบสร้างตัวเองใน Generation เดียว "กูมาเอง" มากที่สุด ก็คือ อเมริกา ..วันนี้ประเทศที่ Self-made มากตามมาแบบติดๆ ก็คือ จีน , รัสเซีย ...

หลาย คนอาจสงสัยว่า ..อ้าว!! จีน เป็นคอมมิวนิสต์นี่ ทำไม คนยังสร้างตัวจากมือเปล่าได้อยู่ ...อย่าง Robin Li วันนี้อายุ 40 ต้นๆ ..เกิดจากครอบครัวที่ยากจน แต่ตัวเองมีความสามารถ ...วันนี้เขาเป็น Billionaire เจ้าของ Baidu ..ตัว Search Engine ที่ชนะ Google ในประเทศจีน และ ครองตลาด Search เกือบทั้งหมดในจีน ...เขานำบริษัทของเขาเข้าจดทะเบียนในตลาด NASDAQ ในอเมริกา ...





ประเด็น ที่ผมจะชี้ คือ คนส่วนใหญ่หลงประเด็น คิดว่า การสร้างความมั่งคั่งของประเทศ มันขึ้นอยู่กับ ประเทศว่าร่ำรวยทรัพยากรเท่าไหร่ ..หรือ ขึ้นกับว่าคนนั้นๆ เกิดมารวยเท่าใด ...จริงๆ มันแทบจะตรงข้าม ในโลกแห่งความเป็นจริง... วันนี้ผมว่า เราต้องมองใหม่ คือ มองที่ "ตัวเรา" เป็นจุดเริ่ม ไม่ใช่มองที่ "แต้มต่อ" ...แน่นอน!! ประเทศที่มีทรัพยากรเยอะ อาจมี "แต้มต่อ" ที่ดีกว่าประเทศที่ไม่มีทรัพยากร ...แต่ในทางปฏิบัติ กลับกลายเป็นว่า ประเทศที่มีทรัพยากร จะยิ่งล้าหลัง เพราะ ผู้นำมัวแต่แย่งทรัพยากรกัน บางประเทศรบกันเลย อย่างในแอฟริกา ...ในแอฟริกาถ้าเรามาดูดีๆ ประเทศเหล่านี้ รวยน้ำมัน เพชร และ แร่ธาตุ ที่มีค่ามหาศาล แต่ประชากรส่วนใหญ่อดอยาก ..จริงๆ เรื่องนี้อธิบายได้ไม่ยาก เพราะ ดูง่ายๆ ก็เห็นเลยว่า ประเทศเหล่านี้ คนที่ได้ประโยชน์จากทรัพยากร มีเพียงผู้นำทหาร หรือ เผด็จการ ซึ่งเขาขายทรัพยากรแลกเงิน ...เอาเงินมาซื้ออาวุธ ให้กองกำลังตัวเองแข็งแรง ..เงินส่วนใหญ่ก็ฝากไว้ต่างประเทศ .."มันได้ใช้ สักเท่าไหร่ ...คิดดีๆนะ (พวกนี้ไม่ได้ฉลาดนะ เขาเป็นเครื่องมือของประเทศที่ฉลาดมากกว่า)

ปัญหา ที่ตามมาของประเทศที่มีทรัพยากรมาก คือ "ค่าเงิน" มักจะแข็ง ...พอ "ค่าเงิน" แข็ง ...คุณคิดว่า ประเทศนั้นๆ จะสามารถผลิตสินค้าและบริการที่เป็นประโยชน์ อย่างเช่น อาหารการกิน ของใช้ต่างๆ ให้แข่งขันกับตลาดโลก ก็เป็นเรื่องยาก เพราะ ยกตัวอย่าง ประเทศที่ค่าเงินแข็งเพราะน้ำมัน จะปลูกข้าว ผลิตสินค้าขาย ...ก็คงส่งออกไม่ได้ เพราะ "มันแพง" ใครจะไปซื้อ ...ในทางกลับกัน เขาขาย ทรัพยากรได้เงินมาก ...เขาก็เอาเงินไปซื้อ "ของกิน ของใช้" จากประเทศอื่น เพราะ มันถูกกว่า -- สุดท้ายก็กลับมาวงจรอุบาทว์ คือ "ส่งออกแต่ทรัพยากร และ ก็นำเข้า อาหารและของใช้ต่างๆ" ...สรุปคนในประเทศ ไม่ต้องทำอะไร เพราะ เปิดกิจการอะไร เพราะมันแข่งขันไม่ได้

"คำถามคือ วิธีแก้ มีไหม" ..มีซิครับ!! ..ก็คือ ส่งออกพลังงานให้มันน้อย ...แล้วมาเน้น ที่การสร้างประเทศ ผลิตสินค้า และ บริการ ให้ทุกคนมีงานทำ ..."ผมมองประเด็นเรื่องพลังงานของเมืองไทยแล้วรู้สึกเสียวแทน ว่า ถ้าเราดันเจอน้ำมันมากจริงๆ (อย่างที่ตอนนี้หลายๆคนออกมาพูดกัน) -- คิดดีๆนะครับ ประเทศเราจะซวยขนาดไหน ...ไม่ใช่ดีนะครับ ...จะซวย!! ..เพราะ แค่นี้ประเทศก็ทะเลาะกันจะตายอยู่แล้ว ...ถ้าดันเจอว่า เราคือ ซาอุแห่งเอเชีย มีหวัง เกิดสงครามกลางเมืองแน่นอน ...พวกฝรั่งมันก็นั่งมอง ประเทศด้อยพัฒนาอย่าง ขำขัน ว่าคนเหล่านี้ช่างโง่จริงๆ เพราะ แท้จริงแล้ว การสร้างความมั่งคั่ง มันไม่ใช่ประเด็นว่า มีมากมีน้อย แต่มันขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการ "จัดสรรค์" ต่างหาก"

ใช่ !! คนเรา จะรวย ...ประเทศ เราจะรวย ...ไม่ใช่เรามีมากมีน้อย ...แต่ขึ้นกับการจัดสรรค์ และ แบ่งกันอย่างฉลาด ..."ทุกคนมั่งคั่งได้หมด" ...ดูอย่างอเมริกา วันนี้เขาพูดเรื่อง North Dagota


 ..ตอน นี้เจอน้ำมันเยอะมาก แถมเป็นน้ำมันที่คุณภาพดีมาก ...นอกจากนี้เขาเจอ Shale Gas เยอะมากๆ ...แต่ทำไม เขาไม่เห็นต้อง ทะเลาะเกิดสงครามกลางเมือง ...ผมว่า ประเด็นนี้น่าสนใจมาก ..เพราะ อเมริกา คนเขาค่อนข้างฉลาด ...จริงๆ ประเทศที่พัฒนาแล้ว เขารู้ว่า กลไก ของความมั่งคั่ง ไม่ได้ขึ้นกับ ทรัพยากร แต่ขึ้นกับการจัดสรรค์ ...การที่อุตสาหกรรม อย่างทรัพยากร จะเจริญ ก็คือ มันเป็นแค่หนึ่งในอุตสาหกรรม ที่เขามี ...ดังนั้น ความเจริญ ในจุดนี้ ก็จะกระจายตัวสู่ อุตสาหกรรมอื่นๆ ...มีการจ้างแรงงาน และ ใช้เทคโนโลยี ...พูดง่ายๆ ว่า ความเจริญของเขา มันเป็น สมดุลย์ ดังนั้น ไม่ว่าอุตสาหกรรมอะไรจะเจริญ มันก็จะช่วยดึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ให้เจริญตาม ..ยกตัวอย่าง ผมอยู่ในอุตสาหกรรมการเงิน ...ผมก็สามารถเข้าไปช่วย บริษัทพลังงาน ระดมทุนในตลาด ...ออกหุ้นกู้ ...ก็สร้างเงินหมุนเวียนในระบบ ...คนที่อยู่ใน IT ก็สามารถเข้าไปเป็นหนึ่งใน Supplier ของบริษัทพลังงาน ...หรือ อย่างบริษัทสร้างบ้าน ก่อสร้าง ก็สามารถเข้าไปสร้างชุมชน ที่รองรับ อุตสาหกรรมพลังงาน และ ชุมชนบริเวณนั้น เพื่อรองรับ คนงานจำนวนมาก ...ซึ่งมีทั้งแรงงานราคาถูก ไปถึง แรงงงานระดับวิศวะ ขั้นสูง , ผู้บริหาร , บริษัทต่างชาติ ..แล้ว เดี๋ยว 7-11 และ Central ก็จะตามไปเปิดร้านค้า โรงแรม ...แล้ว Major ก็จะไปเปิดโรงหนัง ...จากนั้นบริษัทต่างๆ ก็จะแห่ไปทำธุรกิจ ...เรียกได้ว่า จริงๆ แล้วมูลค่าที่เกิดมันเกิดโดยรวม หากผู้มีอำนาจแบ่งผลประโยชน์ลงตัวเท่านั้นเอง

...ผม เห็นตัวอย่าง อย่าง Australia ผมเข้าไปอยู่ค่อนข้างนาน ...เลยเห็นภาพเลยว่า การที่ประเทศเขามีทรัพยากร อันดับต้นๆ ของโลก ในทุกอย่าง ...แต่ด้วยการ จัดสรรค์ ที่ดี มีกฏระเบียบ มันเลยไม่มีใครทะเลาะกัน ...จากนั้น เมื่อ Project เกิด มันก็สร้างชุมชน สร้างธุรกิจเกี่ยวเนื่องมากมาย ...

ครับ!! ผมว่า ท้ายสุด เราต้องหันมามองที่ "ตัวเอง" ..เพราะ การที่เราจะสร้างความมั่งคั่ง มันไม่ใช่เรามี "แต้มต่อ" เท่าไหร่ (อาจจะช่วยในเบื้องต้น แต่ในระยะยาว ผมว่า มันอยู่ที่ตัวเรานะ ไม่ได้อยู่ที่แต้มต่อ) ...วันนี้ประเทศเรา และ เพื่อนบ้าน ดำเนินมาค่อนข้างสวย เพราะ คิดดีๆ นะ เอเชียเราคือ "โรงงานผลิต สินค้า และบริการที่กินได้ ใช้ได้" มากที่สุดในโลก ..แค่ในเมืองไทย เราผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค อันดับหนึ่งของโลกมากมาย หลายอุตสาหกรรม ...มองง่ายๆ ถ้าโลกเรามีวิกฤต เราอยู่ได้นะ เรามีอาหาร น้ำ เรามีพลังงาน  ...แต่อย่างอาหรับ จะให้มันกินน้ำมัน แทนข้าวจะไหวไหม ..หรือ อย่างยุโรป จะให้มันกิน Louis Vuitton แทนอาหาร คงจะไม่ดี -- เรามาถูกทางแล้ว เพียงแต่เราเข้าใจ "จุดแข็งของตัวเอง" แล้วพัฒนาจากจุดแข็ง ต่อยอด เป็นเรื่องที่สำคัญ ... อย่าหลงประเด็น!!

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘