(อาหารสมองเทรดเดอร์) ตลาดหุ้นที่ดีนั้นเป็นอย่างไร

ตลาดหุ้นภาพรวมเราจะต้องมีการวางแผนประเมินไว้ตลอด ทั้งการเทขาย การปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีอะไรที่ไม่แน่นอนอีกมาก ทางรัฐบาลเองก็ได้เข้ามาแทรกแซงกิจการตรงส่วนนี้อีก ที่เข้ามาค้ำจุนบริษัทอยู่หลายแห่ง รวมทั้งการวางแผนทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย


ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราจะต้องคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยว่า มันส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นยังไงบ้าง ทั้งการปรับตัวเพิ่มขึ้นลงและก็ภาพรวมตลาดหุ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกกับเทรดเดอร์อย่างพวกเราอยู่ แล้ว



ตลาดหุ้นที่ดีมันมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร


มันไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นไปกว่าการเล่นหุ้นแบบ Day Trade ที่ ทำให้เราต้องเฝ้าหน้าจอดูการเคลื่อนไหวของหุ้นทั้งวัน อย่างไรก็ดีทุกๆคนก็จะมีช่วงเวลาในการเล่นหุ้นและมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ออกไป


การดูการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น โดยส่วนตัวผมนั้นจะดูตอนที่มันปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบถือหุ้นข้ามคืน จึงเลือกที่จะจับตาดูการเล่นหุ้นแบบ Day Trade มากกว่า บริหารจัดการความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด บางครั้งก็ต้องใช้แนวทาง Swing Trade ในการปรับตัวครั้งใหญ่


ผมก็มีประสบการณ์แบบเดียวกับเทรดเดอรึนอื่นๆ ทั้งการซื้อขายหุ้นที่ดูเหมือนจะซื้อขายแบบเดียวกัน ตามความเห็นของผู้คนส่วนใหญ่ที่ทำให้ผมสูญเสียความเชื่อมั่นตัวเอง และด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องพยายามเล่นหุ้นด้วยตัวเองหรือเดินตามกรอบของตัวเอง จนกว่าจะมีสัญญาณทางเทคนิคเข้ามาและทำให้ตลาดหุ้นดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายไปเสียทั้งหมด


แต่ในเวลานี้ ผมจะมาพูดคุยกับพวกเราในเรื่อง ตลาดหุ้นที่ดีนั้นเป็นอย่างไร



การจดบันทึก VS การปฏิบัติ


ในการจดบันทึกก็อาจจะให้คำตอบกับเราดีอยู่เกี่ยวกับ ทิศทางแนวโน้มตลาดหุ้น บางทีมันก็อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่านี้ได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีและอาจจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาและก็รู้บางจุดที่ยัง คลุมเครือบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราเดินหน้าได้ตลอดรอดฝั่งหรอก เราจะต้องหาความจริงมากขึ้นและปฏิบัติมากขึ้นเพื่อพัฒนาการเล่นหุ้นของเรา ซึ่งมีแนวทางดังนี้คือ



ขจัดความไม่แน่นอนของเราออกไป


การเริ่มเล่นหุ้นผมก็จะพยายามขจัดความไม่แน่นอนออกไป จากตลาดหุ้นเสียก่อน ทั้งความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ได้รับ มันเป็นเรื่องดีที่เราจะต้องทำแบบนั้น อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นมันก็มีเหตุการณ์ไม่แน่นอนวันข้างหน้า เราก็ต้องพยายามอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมกับตัวเอง อย่างเช่นหุ้นกลุ่มธนาคารมีวิกฤตเข้ามา ทำให้เราจะต้องหาหุ้นตัวอื่นที่มีการเคลื่อนไหวที่ดีกว่านี้ (โดยใช้หลักอุปสงค์ อุปทานมากกว่าที่จะดูตลาดหุ้นภาพรวม) มันยังมีจังหวะโอกาสต่างๆมากมายในตลาดหุ้น เห็นถึงความเสี่ยงที่แน่นอนในแต่ละวัน



อย่าไปเจาะลึกตลาดหุ้นมากไป


ผมเป็นเทรดเดอร์มากว่า 10 ปี แต่ผมก็ยังไม่เคยเห็นทางรัฐบาลเข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงมากขนาดนี้มาก่อน ผมเองก็ไม่ไปพยายามพูดเรื่องประเด็นการเมืองหรอกว่าสิ่งที่รัฐบาลทำนั้นมัน ถูกหรือผิด ผมจึงไม่ไปเจาะลึกตรงส่วนนี้ จุดสำคัญก็คือเมื่อไรที่ตลาดหุ้นมันเริ่มมีความมั่งคง ผู้คนเริ่มมีความเชื่อมั่นแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่เราเข้าไปเล่นหุ้นได้ ในแต่ละครั้งเราจะเห็นจังหวะโอกาสในการเล่นหุ้นแต่ละวัน เมื่อมีอัตราดอกเบี้ยและนโยบายในการดำเนินเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เวลานี้เราก็ต้องมาให้ความสำคัญกับภาวะเศรษฐกิจกับข้อมูลทางบริษัทให้มาก ขึ้นและก็ประเมินดู ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วพวกเราจะคาดการณ์ทิศทางราคาหุ้นได้แน่นอน


อย่าขี่บนหลังม้านานเกินไป

เมื่อตลาดหุ้นมีการเคลื่อนไหวผันผวนหนักหน่วงทั้ง ปัจจัยข้อมูลข่าวสารและกระแสเงินสดที่ไหลเข้าออกในวันต่อวัน การวิเคราะห์ทางเทคนิคเองก็จะทำให้เรากลับไปประเมินทิศทางใหม่ได้ ไม่เพียงแค่เป็นเรื่องยากหนักหนาสาหัสเท่านั้น แต่เป็นเรื่องยากที่ทำให้เราใช้หลักการตัดสินใจที่ยากอีกด้วย ปัจจัยภาพรวมเหล่านี้ทำให้เราต้องกลับไปครุ่นคิดให้ดีๆก่อนที่จะเข้าไปเล่น ซึ่งจะต้องวางแผนหลายด้านให้รัดกุม ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีสัญญาณภาวะกระทิงให้เห็น เราก็ต้องหาเหตุผลก่อนว่าทำไมหุ้นถึงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ ตลาดหุ้นภาพรวมมันยังปรับตัวลดลงอยู่ ทำให้พวกเรารู้ว่าโอกาสจังหวะมันมีอยู่เสมอ


ใช้หลักจิตวิทยาให้มาก สนใจข้อมูลข่าวสารให้น้อยลง


นี่แหละคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมหลีกเลี่ยงการเล่น หุ้นที่มีการประกาศผลประกอบการออกมา เทรดเดอร์มือใหม่อาจจะใช้จังหวะโอกาสนี้เข้าไปทำกำไรอย่างรวดเร็ว แต่จริงๆแหล่งข่าวมันก็เข้าหูผู้คนจำนวนมากแล้ว ทำให้ราคาหุ้นไม่สะท้อนต่อความเป็นจริง ปัจจัยอื่นๆก็คือความโลภ ความกลัว ความเชื่อมั่นและความไม่แน่นอนในการเล่นหุ้นเพราะว่าผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อย ให้ความสนใจจิตวิทยากันมากนัก เราจะต้องเข้าใจการต่อสู้ในตลาดหุ้นว่า มันเป็นการต่อสู้กันทางด้านความคิด ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยไหนก็ตาม เราจะต้องให้ความสำคัญกับจิตวิทยาให้มากๆ พวกเราจะต้องเจอกับอารมณ์ที่เจ็บปวดบ้างเช่นความโลภ ความกลัว ทำให้เราเข้าใจตัวเอง หาจังหวะโอกาสดีขึ้นกว่าเดิม แต่อารมณ์หลักๆของเราส่วนใหญ่ก็คือ ความไม่แน่นอน (เหมือนกับที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้) มัน ก็เป็นเรื่องยากที่เราจะทำการประเมินตรงส่วนนี้ได้ เทรดเดอร์มือใหม่ที่ตอนแรกทำกำไรมันมือ สักพักก็เจอเรื่องนี้แน่ๆ ทันทีที่ทุกคนได้เข้ามาเล่นหุ้นมากขึ้น ตลาดหุ้นมันก็จะมาถึงช่วงเวลาที่ดีเอง



มองไปข้างหน้า


แน่นอนว่าปัจจัยอื่นๆก็มีผลกระทบการเล่นหุ้นของเรา แน่ๆ แต่ผมอยากให้พวกเราสังเกตสภาพแวดล้อมปัจจุบันให้ดีๆว่าเป็นบวกลบมากแค่ไหน หากมีใครไม่เข้าใจตรงไหน ก็ขอความกรุณาแสดงความคิดเห็นกันด้วยนะครับ


ข่าวดีก็คือพวกเราสามารถพัฒนาการเล่นหุ้นได้ในแต่ละ วัน ในตลาดหุ้นน้อยวันมากที่จะมีการเปลี่ยนแปลง มีเวลาที่เราปัดฝุ่นตัวเองแล้วกลับเข้าไปเล่นใหม่ได้เร็วๆนี้


มันเป็นเรื่องแปลกที่คู่รักมักจะชอบเดินบนถนนเส้นเดิม แต่แน่นอนว่าถนนบางครั้งมันก็ไม่เหมาะสมที่จะเดิน เราจึงต้องมองอนาคตข้างหน้า เพราะว่าเราจะต้องรู้ก่อนที่คนอื่นจะรู้ และก็ฝึกฝนวิสัยทัศน์เรื่องนี้ให้ดีๆ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘