(อาหารสมองเทรดเดอร์) เรายังมีแรงจูงใจในการทำกำไรอยู่หรือเปล่า

ผมเข้าใจว่าพวกเราไม่ได้เป็นคนขี้เกียจหรอก ความจริงที่พวกเรามาอ่านบทความนี้กันก็คงเป็นเพราะว่าพวกเราเป็นห่วงการเล่น หุ้นของตัวเอง อยากเล่นหุ้นให้ดีขึ้นกว่าเดิม พวกเรามีแรงจูงใจแบบนั้นใช่ไหมล่

พวกเราส่วนใหญ่คิดว่าตัวเองทำงานหนักมาพอ คิดว่าพวกเราไม่มีความขี้เกียจในการทำงาน

ปัญหาจริงๆก็คือตอนที่เราเล่นหุ้นนั่นแหละว่า เรามีแรงจูงใจในการทำกำไรหรือเปล่า ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นหรือเปล่า มีแรงจูงใจในการรับมือกับความเครียดได้มากน้อยแค่ไหน



อย่าดีแต่พูด

จริงๆแล้วในแต่ละช่วงเวลาเราก็มีการเล่นหุ้นแบบเฉพาะของตัว เองอยู่แล้ว ซึ่งใครที่มีความอดทนต่อแบบแผนระยะยาวได้ ก็แสดงว่าพวกเขาก็ทนต่อทิศทางแนวโน้มครั้งใหญ่ได้ หากใครที่ขาดความอดทนก็จะมักจะเล่นหุ้นแบบระยะสั้นมากกว่าโดยจะต้องรู้ด้วย ว่าอันไหนผิดหรือถูก

แต่นี่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญ

พวกเราไม่ค่อยเอาใจใส่กับแบบแผนในแต่ละช่วงเวลาของตัวเองมาก เท่าไร ความจริงก็คือเรามักจะวางเงินเล่นหุ้นมากเกินไป ไม่ว่าจะเล่นหุ้นครั้งไหนก็ตามแต่ เราก็ยังชอบทำแบบนี้อยู่เป็นประจำ บางทีการเคลื่อนไหวในแต่ละวันก็จะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นไม่เหมือนกันและ เราก็รู้สึกแบบนั้น แต่เราก็ยังไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป บางทีผลกำไรขาดทุนของเราก็ยังไม่มีความชัดเจน และเราก็ไม่ชอบที่จะเอาแนวคิดมาต่อสู้กับตลาดหุ้น ทำให้เราเล่นหุ้นได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น และก็ยังหวังว่าจะทำกำไรแบบนี้ได้เรื่อยๆ เดี๋ยวก่อนใจเย็นๆ อย่างน้อยเราก็รู้แล้วใช่ไหมว่าเรามีช่วงเวลาในการเล่นหุ้นที่เหมาะสมตอนไหน บ้าง

เราก็ต้องตรวจสอบช่วงเวลาอื่นๆที่เราเข้าไปเล่นหุ้นแล้วก็ทำ กำไรได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการถือหุ้นข้ามคืน หรือทำกำไรรวดเร็วในระหว่างวันนั้นๆ

หากตลาดหุ้นเหลือเวลา 90 นาทีก่อนที่จะปิดทำการ บางทีเราก็อาจจะต้องปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ไปเลยก็ได้ แต่ในแต่ละวันเราก็ยังหาแนวคิดเล่นหุ้นอะไรใหม่ๆเข้ามาไม่ได้ เราก็ต้องนั่งเฝ้าดูหุ้นต่อไปเผื่อจะมีความคิดดีๆเข้ามาบ้าง

เราไม่ชอบที่จะเฝ้าดูหุ้นเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมง เคยสงสัยไหมว่าเพราะอะไรเราถึงไม่ยอมทำกำไรออกไปก่อนในแต่ละวันนั้นๆ พอเราเข้าใจปัญหาหลังจากที่เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว เราก็มักจะรู้สึกเสียดายภายหลังว่าทำไมไม่ยอมขายหุ้นออกมาก่อน แต่ด้วยความโลภของเราและแรงจูงใจในการทำกำไรเยอะๆมันก็เป็นตัวที่ทำให้เรา จ่ายค่าเล่าเรียนเรื่องนี้เยอะอยู่เหมือนกัน

ฟังแล้วดูเหมือนกับใครบางคนหรือเปล่า ก็คือตัวผมเองนี่แหละ ผมมักจะชอบทำผิดพลาดเรื่องนี้ซ้ำๆซากๆ ผมก็เหมือนกับพวกเรานั่นแหละ ไม่ต้องห่วงหรอกว่าไม่มีเพื่อน



จริงๆแล้วทุกๆคนก็ขี้เกียจกันทั้งนั้นแหล่ะ

สำหรับผมแล้วยับยั้งชั่งใจในการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องในการ เล่นหุ้น ก็คือความขี้เกียจในตัวผม ซึ่งถือเป็นเชื้อร้ายแรงที่สุดที่คร่ามนุษย์ให้ล้มเหลวมานับไม่ถ้วน แต่ละช่วงเวลาผมก็จะต้องจัดความคิดตัวเองให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆที่ เกิดขึ้น ทำให้ผมไม่เคยเป็นคนขี้เกียจนับแต่นั้นมา เพราะว่าผมมักจะคิด หาอะไรทำอยู่เสมอ ผมชอบความรู้สึกที่ตัวเองทำอะไรจนเสร็จสิ้นแล้ว และเมื่อตลาดหุ้นเปิดทำการ ผมก็รู้ว่าอาชีพของจะต้องทำอะไรบ้าง เล่นหุ้นยังไงบ้างหรือไม่ก็ลองถามตัวเองอีกทีนึง

ในความจริงอาชีพของผมในฐานะเป็นเทรดเดอร์ก็คือจะต้องลงเงิน ตามความเสี่ยงที่ได้รับเมื่อจังหวะโอกาสเข้าหาผม แล้วการนำเงินที่ทำกำไรได้เข้ากระเป๋าผม

อาชีพของผมไม่ใช่เอาแนวคิดมั่วซั่วมาผสมปนเปกับบัญชีของผม เล่นหุ้นทุกๆตัวที่เคลื่อนไหวไปมา หรือเล่นหุ้นที่มี Volume ตามเป้าหมายอย่างเดียว ผมเองก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล จ่ายค่านั่น ค่านี่ต่างๆนาๆ และก็ต้องสร้างความมั่งคั่งจากการเล่นหุ้นให้มากๆ นี่แหละคือสิ่งที่ผมต้องทำ ง่ายๆไม่ซับซ้อน แต่มันก็ง่ายที่จะลืมเลือนเมื่อเราทำกำไรได้เร็วหรือไม่ก็ต่อสู้กับตลาดหุ้น เป็นเวลานานจนไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องอื่นๆ

มันก็น่าแปลกอยู่ที่ว่า ความขี้เกียจของเทรดเดอร์ก็อาจจะอยู่ที่การมัวแต่นั่งอยู่กับโต๊ะ คอมพิวเตอร์เมื่อเรากำลังทำอะไรสักอย่างหนึ่ง มันก็ยากที่เราจะลุกขึ้นและไปเดินเล่นเตล็ดเตร่เคลื่อนไหวไปมา ซึ่งเราจะต้องขับเคลื่อนตัวเองในช่วงเวลาที่เรานั่งอยู่กับที่ด้วย



คำแนะนำ 3 ข้อในการเดินหน้า

มีแนวทาง 3 ข้อที่ทำให้พวกเราเดินหน้าในการเล่นหุ้นได้ ลองมาดูดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1. จำเป้าหมายที่ตัวเองได้ตั้งเอาไว้ ก็ แน่นอนอยู่แล้ว แต่การรื้อฟื้นเป้าหมายของตัวเองจนช่วยให้เราเล่นหุ้นได้ดียิ่งขึ้น บางทีเราก็เก็บรูปถ่ายครอบครัวตัวเองโดยที่เราก็ยังลืมเลือนวันนั้นไม่ลง และมันก็ช่วยให้เราลืมเลือนเหตุการณ์แย่ๆได้เป็นอย่างดี หรือบางทีเราก็เก็บรูปภาพเรือของเล่นที่เราได้ซื้อมาเล่น มันก็ทำให้เราพุ่งเป้าหมายไปที่กราฟหุ้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

มันจะดีมากหากเราเดินหน้าด้วยความยืดหยุ่น ควบคู่กับเป้าหมายที่เราจะต้องเดินหน้าที่เราเก็บเอาไว้ในใจ อย่างไรก็ตามหากเรายังจดจำเป้าหมายที่ตัวเองได้ตั้งเอาไว้ เราก็ไม่มีทางที่จะพลัดหลงในการเล่นหุ้นแต่ละวันได้หรอก

2. รู้อาชีพที่ตัวเองทำอยู่ คำ ว่า “เทรดเดอร์” ฟังดูแล้วมันเหมือนกับเป็นอาชีพทั่วๆไป แต่เมื่อเราได้ทำอาชีพนี้ก็จะต้องเดินหน้าในการเล่นหุ้น ซึ่งก็ต้องมีขอบเขตเป็นของตัวเอง แล้วก็ต้องสั่งสมประสบการณ์เอาไว้ให้มากๆ ทำให้เราอยู่ในเกมได้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะยังไงก็ตามแต่ สำคัญมากก็คือจะต้องเล่นหุ้นให้ได้ตามสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นให้ได้

ปัจจัยต่างๆที่มีอยู่ในตลาดหุ้น เราก็ต้องมาดูในส่วนผลกำไรขาดทุนในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือนด้วย (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาการเล่นหุ้นของเรา) อย่างเช่น เทรดเดอร์ที่เล่นแบบ Day Trade บางทีเราก็ต้องมาดูการขาดทุนแต่ละวัน ที่อาจจะขาดทุน $ 500 -5000 ต่อวัน แต่ยังไงเราก็ต้องอย่าทำระบบของตัวเองพังและก็หลีกเลี่ยงการลงเงินมากเกิน เหตุ

เราสามารถออกแบบเป้าหมายการทำกำไรขึ้นด้วยตัวเองได้ ว่าจะทำกำไรออกมาเมื่อไร จากนั้นเราก็ยืนยันเป้าหมายทำกำไรของเราอีกทีนึง สมมุติว่าเราอยากทำกำไรให้ได้ $ 1000 ต่อวัน เราก็ต้องตั้งเป้าหมายขั้นต่ำไว้ที $ 500 ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นหุ้นตัวไหน เราก็ต้องรักษาแนวทางนี้เอาไว้และก็ค่อยๆปรับเพิ่มระดับมากขึ้น (หากว่าเดินมาถูกทางแล้ว) แต่เราก็ต้องดูในส่วนที่เรามองข้ามไปด้วย จะช่วยให้เรารักษาเงินทุนกับความเชื่อมั่นตัวเองได้เป็นอย่างดี

3. หาอะไรทำฆ่าเวลาในการเล่นหุ้นบ้าง ง่ายๆ ก็คือหากเราได้วางแนวทางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเราก็มีเหตุผลต่างๆมากมายที่เจอกับผลกำไรและขาดทุนในแต่ละวัน เห็นทีว่าจะนั่งอยู่กับคอมพิวเตอน์มันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร เราก็สามารถไปหาอะไรทำก่อนก็ได้ หมายความว่าเราก็ไปซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้านอะไรพวกนี้ หรือทำกิจกรรมต่างๆเช่นปั่นจักรยานหรือนั่งอ่านหนังสือไปพรางๆก่อน ไม่สำคัญหรอกว่าจะทำอะไร แต่ยังไงก็ขอให้ทำกิจกรรมอื่นๆเมื่อเราเห็นว่าการเล่นหุ้นเวลานี้มันยากมาก ซึ่งเราทำได้ทุกที่ ทุกเวลาได้อยู่แล้วและก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงการลงเงินมากเกินไปได้

สรุปแล้วเราจะต้องเล่นหุ้นให้มีความรัดคุม รอบคอบไม่ว่าตลาดหุ้นมันจะเป็นแบบไหนก็ตามแต่ แต่จะต้องจำไว้อยู่เรื่องหนึ่งก็คือ อย่าไปหาเรื่องใส่ตัวกับการเล่นหุ้น จะต้องรู้ว่าเป้าหมายของเราจะต้องทำยังไงกับสถานการณ์เวลานี้ แล้วจะเล่นหุ้นครั้งต่อไปได้ยังไงและก็หาเหตุผลที่ทำไมเราจะต้องเข้าไปเล่น และถอยหนีออกมา

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘