"การบ้าน 4" ...จะซื้อหุ้นจริงๆ แล้ว เอาไงดีอ่ะ

คำถามนี้ Classic มาก "คือ บางคนอ่านหนังสือมาหลายเล่ม ศึกษาหุ้นมาพอสมควร แต่ไม่กล้าซื้อซักที เพราะ กลัวว่า จะซื้อผิดตัว กลัวๆ ๆ ไปหมด ...คำถามคือ ก็อยากจะเริ่มแล้ว จะซื้อยังไงดี"

ตอบ ตรงประเด็นเลยว่า "ซื้อเป็น Port" คือ การเล่นหุ้นอย่างน้อย 5 ตัว เพื่อกระจายความเสี่ยง ...และที่เด็ดกว่านั้นคือ ไม่ใช่เจอ 5 ตัวแล้วกระโดดเข้าไปซื้อทันที เพราะ ถ้าทำแบบนั้น จะเป็นอย่างที่ผมเกริ่นๆ มาในการบ้านครั้งก่อนๆ คือ หุ้นที่คุณเลือกมา มักจะเป็นหุ้นที่แพง แล้วใกล้จะติดดอยเต็มที่แล้ว ...การกระโดดเข้าไปซื้อทันทีสำหรับมือใหม่ โดยไม่มีการวางแผนถือว่า "ผิดอย่างแรง" เพราะมันการันตีความซวย คือ "ติดดอยแน่นอน"

โอเค ทางแก้ คือ เลือกหุ้นให้มากกว่า 5 ตัว แต่เวลาซื้อจริงๆ ให้รอสัญญาณ ทาง Technical ว่าส่งสัญญาณ Bullish หรือ ไม่ ...ถ้าไม่ Bullish ก็ไม่เข้าซื้อ และ ที่ต้องทำคือ กระจายความเสี่ยง ..ที่ผมบอกว่า ให้เลือกหุ้น 5 ตัวมันคือ การกำหนดว่า การซื้อหุ้นใดก็ตาม ไม่ว่าคุณจะชอบมันมากแค่ไหน สำหรับมือใหม่ คุณห้ามซื้อเกิน 20% ของ Port -- ดังนั้น ถ้าคุณซื้อหุ้นตามสัญญาณ Technical ได้เต็ม Port คุณก็จะมีหุ้นทั้งหมด 5 ตัว นั่นเอง

"ทำไม ต้อง 5 ตัว" ...จริงๆ มันไม่มีกฏตายตัวว่าต้องกี่ตัว แต่เป้าหมายคือ การกระจายความเสี่ยง เพราะ ทางตลาดเขาสำรวจมาว่า มือใหม่ ที่ส่วนใหญ่เจ๊ง เพราะ เล่นหุ้นตัวเดียว ชอบซื้อหุ้นที่ขึ้นมาแรงๆ พร้อมข่าวลือต่างๆ นานา หรือ หุ้นปั่น ..พอเสียหายก็ เจ๊งไปเลย เพราะหุ้นปั่น ราคาอาจลงเป็นครึ่งนึงเลยก็ได้ ...แต่ในทางกลับกัน คุณอาจจะเล่นหุ้นปั่นเหมือนกัน แต่คุณลงทุนเป็น Port คือ ซื้อแต่ละตัวไม่เกิน 20% ของเงินทั้ง Port ..สมมุติเกิดเหตุการณ์อย่างเลวร้าย หุ้นลงทันที 50% ...มันจะกระทบ Port โดยรวมของคุณแค่ 10% เท่านั้นเอง --- ลองคิดตามจะเห็นได้ว่า สำหรับ "มือใหม่" แล้ว ผมจะให้ความสำคัญกับ โอกาสในการเรียนรู้ ไม่ใช่การรวยเร็ว เพราะ ตลาดหุ้นผมบอกเลยว่า "มือใหม่" ผิดพลาดมากเสมอตามสถิติจริงๆ ดังนั้น ผมถึงแนะนำให้ซื้อหุ้นใน Port 5 ตัว ซื้อตัวละไม่เกิน 20% และ ที่สำคัญ ต้องซื้อเมื่อมันเกิดสัญญาณ Bullish

"ฮึม!! ว่าแล้ว อะไรคือ สัญญาณ Bullish ล่ะ"

ครับ ในการดู Technical เราแบ่งว่า เรามองขึ้น หรือ ลง จากภาพกราฟที่เราดู ..ถ้าเรามองว่า ขึ้น เราก็เรียกว่ากราฟมัน Bullish ...แต่ถ้าเรามองลง เราก็เรียกว่ากราฟมัน Bearish ...นั่นแหละครับ ลองมาดูกัน


สมมุติ ว่า ผมเลือกหุ้นมาด้วยพื้นฐานว่าดูโอเค สัก 20 ตัว ...สิ่งที่ผมต้องรอ คือ รอซื้อเมื่อตัวใดก็ได้ ใน List ที่ผมเลือกมา เกิดสัญญาณ Bullish  

อัน นี้ยกตัวอย่าง DELTA เกิดสัญญาณ Bullish ที่จุด "ราคาตัดเส้น Moving ขึ้นมา(ตรงลูกศรสีเขียว)" -- จุดนั้นผมก็เข้าซื้อทันที ...จากนั้น ก็ถือมาเรื่อยๆ Let Profit Run ไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่ เกิดการลงแรง (ตรงลูกศรสีแดง) จุดนี้ คนที่เล่นรอบใหญ่บางคน อาจมองว่า เป็นการลงเพื่อขึ้นต่อ เพราะ ในภาพจะเห็นได้ว่า ราคายังสามารถวิ่งอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย Moving Average มาโดยตลอด ...คิดแบบนั้นก็ได้ -- แต่บางคนอาจมองว่า อยากออกเร็วหน่อย เพื่อรักษากำไร เพราะหากการลงครั้งนี้ ไม่ใช่การลงเพื่อขึ้น ก็อาจต้องขาดทุนกำไรเยอะกว่า ดังนั้น บางคนอาจเลือกออกในสัญญาณ Technical ในภาพที่เร็วกว่า ... ก็สมมุิตว่าผมเลือกออกที่จุด ลูกศรสีแดง 

จะเห็น ได้ว่า กำไรทีเกิดขึ้น เกิดจากการ "เล่นตามรอบ" ...ดูดีๆ ว่า ผมไม่ได้ซื้อในจุดที่ต่ำที่สุด แต่ผมรอให้ราคามันขึ้นมาแล้ว ถึงได้ซื้อตาม ...จากนั้น ผมก็ไม่ได้ไปขายในจุดที่สูงที่สุด แต่ผมรอให้ราคามันย่อลงมาก่อน แล้วมองว่า ไม่น่าจะขึ้นต่อทันที ก็เลยขายทำกำไรออกมา 

นั่น แหละประเด็น ...การเล่นหุ้นที่เข้าใจรอบ ต้องเข้าใจว่า "อย่าไปพยายามหา จุดต่ำที่สุด และก็อย่าพยายามไปหาจุดสูงที่สุด" แต่ให้พยายามหาจุดที่เราสามารถทำกำไรตามรอบถึงจะเรียกว่า การลงทุนอย่างฉลาดนั่นเอง

เอาล่ะครับ อันนี้เป็น "การบ้านครั้งที่ 4" ของ สัมมนา "The Stock Master มือใหม่ Day" ..ก็ฝากให้ มือใหม่ ทุกคนไปทำการบ้านที่ผมแชร์ให้ดู คือ

หนึ่ง ไปคัดหุ้นเป็น Stock Wist List ของคุณ กี่ตัวก็ได้ แต่เวลาซื้อจริง ให้ซื้อไม่เกิน 5 ตัว แล้วก็แต่ละตัวไม่เกิน 20% ของเงินใน Port 

สอง "รอสัญญาณ Technical" คือ ต้องรอว่าสัญญาณของตัวไหน Bullish ก๋อน ก็ "จัดเข้ามา" เป็นหนึ่งใน Port ...

สาม "ตรงนี้สำคัญมาก ต้องทำ" คือ วาง Stop Loss ..คือ ต้องกำหนดก่อนเลยว่า เรารับความเสี่ยงได้กี่ % หากหุ้นที่เราเลือกมันไม่ขึ้นตามที่เรามอง (คือ เราอาจมองผิด ดังนั้น เราต้องกำหนดว่า ถ้าเรามองผิด เราจะตัดขาดทุนที่กี่เปอร์เซ็นต์) ...โอเค สำหรับมือใหม่ ผมให้ไปเลย 10% ...คือ ถ้าคุณมองผิด คุณมองว่าขึ้น แล้วพอเข้าไปมันลง ลง ลงไปจนขาดทุน 10% ก็ให้คุณ Cut Loss ขายทิ้งทันที -- คิดดีๆ ถ้าคุณทำตามที่ผมแนะนำนี้ การขาดทุนสูงสุดของหุ้นแต่ละตัวใน Port 5 ตัวของคุณ จะกระทบทำให้ Port รวมคุณเสียหายไม่เกิน 2% -- แปลตรงๆว่า ผมกำลัง สอนคุณในเรื่องของ "การจำกัดความเสี่ยงในการลงทุน" ...อันนี้แหละ วิธีคิดของนักลงทุนมืออาชีพ 

สี่ "ไปทำการบ้าน" -- เดี๋ยววันสัมมนา เอาหุ้นที่คุณเลือกมาอวดกันด้วยล่ะ !!

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘