"การบ้าน 3" ..ก้าวแรกสู่การดู Technical เพื่อเข้าใจจังหวะในการซื้อขาย

เรื่องของ Technical ขอทำความเข้าใจกับ นักลงทุนมือใหม่ทุกท่านก่อนว่า มันอยู่ที่คุณ "บางคนมองว่ายาก ก็คือยาก ส่วนคนมองว่าง่ายก็คือง่าย"

ดัง นั้น ง่ายๆ ผมจะมาแนะนำวิธีที่ง่าย ...เริ่มแรกต้องเข้าใจว่า Technical คือ การดูสถิติของราคาที่เอามา Plot เป็น Chart ...ดังนั้น การใช้ Technical มันไม่มีอะไร "เป๊ะ 100%" แต่มันคือ การเข้าใจสถิติ และ การใช้ "ความน่าจะเป็น" เข้ามาช่วยในการอ่าน Trend ของราคาว่า ขึ้น หรือ ลง

คิดง่ายๆ เลย การเล่นหุ้นให้ได้กำไร คือ เรารู้ว่า ราคามันขึ้นหรือลง แล้วก็ซื้อตามนั้น ....ลองมาดูกัน


อัน นี้ผมจะแนะนำการดู Chart แบบง่ายๆ ซึ่งในวันสัมมนา "The Stock Master มือใหม่ Day" เราจะมี กูรูเน๊ต ที่จะมาแนะนำการใช้ กราฟที่บัวหลวงแจกให้ลูกค้าใช้ฟรี ว่าจะเปิดอย่างไร ตั้งค่าอย่างไร ... "คือ เราจะแจกเครื่องมือการดู Chart หุ้นนั่นเอง สำหรับมือใหม่ทุกท่าน" ..แต่ก่อนอื่น สิ่งที่สำคัญคือ คุณต้องเข้าใจก่อนว่า มันใช้อย่างไร

จาก Chart ที่ผม ยกขึ้นมาให้ดู เราจะเริ่มดูจาก Trend ใหญ่ ...ผมเลือกเวลาหรือ Time-Frame ในการดู เป็น Week (ในการเลือกดูกราฟ แต่ละแท่ง Candlestick ของราคา มันแทนช่วงเวลา ...ยกตัวอย่าง ถ้าผมเลือก กราฟ Day แต่ละแท่งก็จะ เป็นตัวแทนของ หนึ่งวัน ราคาเปิดปิดสูงต่ำ ของแต่ละวัน ... ถ้าผมเลือกดูกราฟ Week แต่ละแท่ง ก็จะแสดง ราคาเปิดปิดสูงต่ำ ของแต่ละ Week ... จุดนี้ ขึ้นอยู่กับเราว่า เราต้องการดูภาพใหญ่ หรือภาพเล็ก -- ทั้งหมด ให้คุณจินตนาการภาพของน้ำทะเล ...ถ้ามีใครถามคุณว่า คุณมองภาพไหน เช่น บางคนมองเพียงฟองคลื่น ...บางคนมองคลื่นลูกใหญ่ ...บางคนมองคลื่นลูกเล็ก ...ซึ่งบอกตรงๆ ว่า ในการเล่นหุ้น มันไม่มีใครมองภาพเดียวกัน -- คุณสามารถเลือกช่วงเวลาในการดู และ การลงทุนที่แตกต่างกัน ...เช่น คนที่ต้องการเล่นหุ้นเร็วๆ ก็อาจเลือกกราฟ Day หรือ Intra-day ...ส่วนคนที่เลือกเล่นหุ้นในจังหวะที่ช้าลง อาจเลือกภาพ Week แล้วค่อยมาดูกราฟ Week ละหนึ่งครั้ง) -- ครับ !! ลองทำความเข้าใจง่ายๆ ก็ตามนั้น คือ ทุกคนมีจังหวะและมุมมองในการลงทุนที่แตกต่างกัน ...ในคลื่นใหญ่ มีคลื่นกลาง ในคลื่นกลางมีคลื่นเล็ก ...ความแตกต่างคือ คลื่นใหญ่ หรือ ภาพใหญ่ เราก็เห็น Trend ว่าขึ้นหรือลงที่ชัดเจนกว่าภาพเล็ก ก็เท่านั้นเอง ... ส่วนภาพเล็ก เราก็เห็น Trend ที่ให้สัญญาณเร็วกว่า แต่ก็อ่านยาก แล้วขึ้นๆ ลงๆ ผันผวนมากกว่า

อย่างในภาพนี้ ผมยกหุ้น THCOM ขึ้นมา ....จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ผมใช้ใน Chart มีไม่กี่เครื่องมือ 

เครื่อง มือที่หนึ่ง ผมใช้ Moving Average คือ "ค่าเฉลี่ยของราคา" ....การดูว่า หุ้นตัวนี้ อยู่ใน Trend ขาขึ้น หรือ ขาลง มองได้ง่ายมาก ...คือ ถ้าราคาวิ่งอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย Moving Average ก็แปลว่า หุ้นอยู่ใน Trend ขาขึ้น -- การซื้อตามแล้วขายในราคาที่สูงขึ้นก็สามารถทำกำไรได้  .....อย่างในภาพนี้ เราจะเห็นได้ว่าใน Chart Week ของ THCOM ยังอยู่ในขาขึ้น ....คนที่เล่น "ซื้อแล้วถือ" ก็กำไรได้ไม่ยากเพราะหุ้นอยู่ในขาขึ้น

เครื่องมือ ที่สอง Trendline เป็นแค่เส้น ที่เราเอามาลากเพื่อหา Trend เหมือนกัน ...แต่ความยากของ Trendline คือ เราต้องลากเอง ..."การลากที่ถูกต้องคือ เมื่อลาก Trendline แล้ว ส่วนของราคาที่วิ่งอยู่เหนือ Trendline เราก็แปลง่ายๆ ว่าอยู่ในขาขึ้น ... ส่วนราคาที่อยู่ใต้ Trendline ก็คือ อยู่ในขาลง -- เครื่องมือนี้ มีความแม่นยำ แต่ต้องฝึกลาก ด้วยการลองใช้จริงๆ 

ผมใช้สองเครื่องมือ ก็มองได้ว่า ณ จุดที่ดู หุ้นTHCOM ยังเป็น Trend ขาขึ้น -- ก็แปลง่ายๆ และ ทำกำไรง่ายๆ คือ ซื้อแล้วถือ ...คำถามคือ จะถือไปถึงเมื่อไหร่ ...ก็ง่ายๆ ก็ถือ ไปจนเรามองว่า ไม่เป็นขาขึ้น ก็ให้ขายทำกำไร ... ประเด็นนี้ ในสัมมนา เราต้องทำความเข้าใจให้ลึกขึ้น เช่น เราอาจเข้าในภาพใหญ่ แล้วออกในภาพเล็กก็ได้ ต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจครับ



มาดูตัวอย่าง หุ้นใน Trend ขาลงบ้าง ...ลองดู BANPU ...จะเห็นได้ว่า ภาพมันตรงกันข้ามกับ THCOM เลย 

อย่าง BANPU จะเห็นได้ชัดเจนว่า ราคาวิ่งอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ย Moving Average มาตลอด ...ก็แปลง่ายๆ ว่า BANPU ยังอยู๋ใน Trend ขาลง

เอา ล่ะครับ !! ...ลองไปทำการบ้านกันดูครับ ใครที่เปิด Chart เป็นแล้ว ลองไปเปิดกราฟ Week ของหุ้นที่คุณสนใจ ทุกตัว แล้วลองวิเคราะห์ซิว่า ภาพของหุ้นแต่ละตัวที่คุณสนใจ มันอยู่ในขาขึ้น หรือ ขาลง

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘