ถอดเทปสัมภาษณ์ชีวิตคุณครูไม่ใหญ่ (ตอนที่ 1) หน้า 07

และเนื่องจากว่าฐานะเราด้อยกว่าเพื่อน แต่เพื่อนไม่เคยดูหมิ่นเลยเพราะเรามีความรู้รอบตัวเหนือกว่า แปลกนะ ความรู้รอบตัวหลวงพ่อนี่เหนือกว่า เนื่องจากอ่านหนังสือมามากเนี่ยไอ้จะไปหาคำตอบสองอันเพราะฉะนั้นอ่านมันดะหมดเลย หนังสืออะไรก็ตามอ่านมันดะหมด อ่านมันไปเรื่อยๆ หมอดงหมอดูอ่านหมด แต่ไม่เคยซิ๊กซ์เซ้นซ์เหมือนติ๋ว[ไม่ทราบท่านหมายถึงใคร]งั้นนะ เพราะฉะนั้นความรู้รอบตัวมันเลยเยอะตอนช่วงนั้นถ้าเทียบกับเด็กๆรุ่นเดียวกัน เพื่อนๆข่มไม่ได้ การมีความรู้รอบตัวมันทำให้องอาจเหมือนกันนะ เพื่อนฝูงข่มไม่ได้ กลับสนับสนุนส่งเสริม แปลกดีเหมือนกันนะไอ้ความรู้รอบตัวเนี่ย จนกระทั่งบัดนี้ไอ้สูตรลูกระเบิดหลวงพ่อยังไม่ลืมเลย มันทำไมไม่ลืมก็ไม่ทราบ ยังจำได้ยังเห็นเป็นสูตรเป็นภาพหมดเลย เนื่องจากมันทดลองด้วยตัวเอง ทดลองทำ

[เสียงอุบาสิกาถาม] ... ปฏิบัติมาหลายแห่ง ปฏิบัติทั่วเพราะต้องการหาคำตอบไอ้สองอันนั่นแหละ เพราะอย่างงั้นผู้หลักผู้ใหญ่คุยเรื่องธรรมะที่ไหนก็ตาม วัดไหนดีจะลองปฏิบัติ มีอยู่คราวนึงอยากจะได้คาถาดีๆจากคนขี้เมาอยู่คนนึง หลวงพ่อลงทุนไปนอนกับคนขี้เมาในมุ้งเดียวกัน อื้อหืม.. นอนไม่หลับเลย มันเหม็นเหล้า คือเหล้าอยู่ในขวดมันก็ไม่เหม็น แต่ถ้ามันอยู่ในตัวคนแล้วมันเหม็นจังเลย ไม่ทราบจะบอกยังไง มันเหม็น เพราะไอ้เหล้าอยู่ในขวดเนี่ยหลวงพ่อคุ้น เพราะเมื่อก่อนหลวงพ่อก็อยู่ในโรงเหล้ามาก่อน มันคุ้นแล้วมันก็เฉยๆ แต่เหล้ามันอยู่ในตัวคน ทนไม่ไหว แต่อยากจะได้คาถากันงูหรือกันหมากัดเนี่ยนะ (หัวเราะ) ก็ลงทุนนอนอะนะ เพราะเค้าคุยระหว่างที่เค้ากินเหล้า เค้าคุยว่ามีคาถาดีกันหมาด้วย นี่ยังจำได้เลย "นะไอ้จอหางงอ หางเอ็งงอเหมือนข้าวฟ่าง เอ็งเอ็นดูข้าบ้าง นะไอ้จอหางงอ" เอ้อ (หัวเราะ) คาถาครูคนนี้เป็นขี้เมา เวลาไปเจอหมาดุๆที่ไหนเจอหน้ากันก็ยิ้มให้มันก่อน เค้าแนะนะ ให้มองหน้ามันแล้วยิ้ม ยิ้มแล้วให้ว่าคาถานี้แล้วมันไม่กัด อ๋อไม่ใช่เพราะว่ามองหน้ามันแล้วยิ้มให้มันมันเห็นก็รู้ว่าเราใจดี มันก็ไม่กัดอะนะ นี่ คาถานี้ใช้ได้นะ ของขี้เมา "นะไอ้จอ หางเอ็งงอเหมือนข้าวฟ่าง เอ็งเอ็นดูข้าบ้างนะไอ้จอหางงอ" (หัวเราะ) เข้าท่าดีเหมือนกันนะ

แล้วก็เริ่มศึกษาธรรมะไปเรื่อยตอนนั้น คาถาอาคมก็ศึกษาเรื่อยไปเลย มีอยู่คราวไปเรียนข้างสนามหลวงได้ครูโคนต้นมะขาม ท่านสอนวิธีเสกไม้คานวิ่งเข้าหากัน ท่านเอาไม้คานเนี่ยวางไว้บนฝ่ามือ สมมติว่าคนนี้อยากจะรู้เรื่องอะไร ก็เอาไม้คานเนี่ยใส่ฝ่ามือของคนนี้นะ แล้วหลวงพ่อก็นั่งอยู่ตรงนี้หันหน้าเข้าหากัน แล้วที่ไม้คานก็เขียนเรื่องราวที่จะถามอะไรต่างๆ แล้วหลวงพ่อก็จะนั่งว่าคาถาเองไปเรื่อยแล้วจะให้มันวื๊ดเข้าหากัน หันขึ้นลงอะไรอย่างนี้ เอ๊ะมันเป็นไปได้จริงๆนะ มันวื๊ดเข้าหากันได้ นั่นครูอยู่ที่โคนต้นมะขามนั่น ท่านให้ไปเก็บดอกไม้ไอ้ที่มันอยู่ข้างๆมาเสียค่ายกครูไป ๖ สลึงหรือเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ ถูก หน่วยกิตนั้นถูกจังเลย (หัวเราะ) ๖ สลึงไม่แพงเหมือนเดี๋ยวนี้เลย เรียนไอ้วิชาทำอย่างเนี้ย ไอ้ไม้คานอะนะ (หัวเราะ) กับวิชานั่งบนกะลาแล้วหมุนได้ (หัวเราะ) [อุบาสิกาถาม] .. ได้ ทำได้ [ถาม "มีคาถาอะไรบ้าง?"]... คาถาชักลืมๆไปแล้ว คาถาเขียนจำไม่ได้แล้วจำได้แต่คาถาเรียก เรียกก็ "ปิยัง มะมะ ปิยังมะมะ" ปิยัง มันก็มาจาก ปิโย ปิโยแปลว่าอะไรนะ ผู้เป็นที่รักใช่มั้ย มะมะ มันก็แปลว่ามานี่ เนี่ยได้มาก่อน วงอะไรนะ ดอยเต่า น่ะ "หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง มามะ" อะไรเนี่ยแหละ เนี่ยหลวงพ่อได้มาก่อนเนี่ย "ปิยัง มะมะ" ว่าไปเรื่อยแล้วเราก็มองให้เห็นภาพไม้คานวื้ดเข้าหากัน ไปนั่งอยู่กับครู เอ๊ะมันอัศจรรย์เหมือนกันนะ ไอ้ไม่คานเนี่ยวื๊ดเข้าหาได้ แล้วไอ้นั่งบนกะลา นั่งหมุนกะลาแล้วเอาไม้พาดขึ้นไปนั่งบนนั้น (หัวเราะ) ให้มันหมุน เอ๊ะมันก็หมุนได้เหมือนกันนะ จะให้หมุนทางไหนก็ได้ มันก็หมุนๆๆ นั่นครูนั่งอยู่โคนต้นมะขาม (หัวเราะ) ทำแล้วมันเลยรู้ ทำมาก่อน รู้เทคนิค แล้วก็เรียนพวกเหนียวๆคงๆ คงกระพันชาตรี มันทำได้จริงๆเหมือนกันนะ เหนียวคงอะไรเนี่ย แต่มันเจ็บ เจ็บจังเลย ไม่ได้อะไร

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘