ถอดเทปสัมภาษณ์ชีวิตคุณครูไม่ใหญ่ (ตอนที่ 1) หน้า 05

....ระหกระเหินของชีวิตพอชีวิตเริ่ม..... ว่าเอ๊ เราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต ใครจะตอบคำถามสองข้อของเรานี้ได้ หลวงพ่อก็เริ่ม....หนังสืออ่าน .....อ่านเรื่อยเลย เจอะไหนอ่านเรื่อย... สนามหลวงเมื่อก่อน....มี....ดูหนังสือ หาหนังสือ... หาคำตอบสองข้อ....ไม่มีเงินซื้อหนังสือ ....เลือกยืนดู...แผงหนังสือ.... พอเรายืนดูกำลังดีๆอยู่นั่น เจ้าของร้านก็เอาไม้ปัดขนไก่มาปัดๆๆๆเรื่อยเลย พอปัดจะมาถึงก็มาถามว่า "ซื้อรึเปล่า?" แล้วเราก็ปิดที ก่อนปิดเราก็ดูหน้า เอาหมายเลขหน้า แล้วก็ไปอีกแผงนึง อ่านต่อ สมมติว่าแผงนี้ถึงหน้า ๕๔ เราก็ไปเปิดหน้า ๕๔ พอเจอก็ .... ถึงตัวเรื่อย ไอ้ไม้ปัดขนไก่น่ะ พอจะถึงก็ปิดแล้วก็ไปเปิดอีกร้านนึง พอแผงสุดท้ายก็จบเล่มพอดี ด้วยวิธิการอย่างเงี้ย ทำอย่างนี้มาเป็นปีๆ เป็นเวลาหลายปี แต่ก็ไม่เคยพบคำตอบที่ถูกใจสองข้อนี้เลย ในตำรับตำราตอบไม่ได้เลยสองข้อ หรือตอบออกมาแล้วเนี่ย มันก็ไม่ถูกใจ ก็เลยแสวงหาสิ่งเหล่านี้เรื่อยๆมา มีหนังสือหนังหาอะไรก็ไปอ่าน มีครูบาอาจารย์ที่ไหนดีก็ไปกราบไหว้ศึกษาเพื่อจะหาคำตอบไอ้สองอันเนี่ย แต่ก็ไม่เคยเจอเลย


จนกระทั่งอายุได้ ๑๖ ปี ในตอนนั้นหลวงพ่อได้ไปอ่านหนังสืออยู่เล่มนึงชื่อหนังสือ วิปัสสนาบันเทิงสาร ในหนังสือเล่มเนี้ย บังเอิญเค้าลงเกี่ยวกับเรื่องของคุณยายอาจารย์กับคุณยายทองสุข แล้วเค้าก็ถ่ายภาพมาด้วย ภาพคุณยายอาจารย์ คุณยายทองสุขและก็ครูญานีผู้ได้วิชชาธรรมกายทั้งหลาย เค้าพูดถึงในนั้นเค้าพูดถึงเรื่อง... [เทปตัด] ... แล้วก็พูดถึงการปัดลูกระเบิดของคุณยายจันทร์ เอาพอมาถึงตอนเนี้ยทำให้หลวงพ่อสะดุดใจแล้วชอบ เอ๊ ถ้าคุณยายปัดลูกระเบิดได้ต้องตอบปัญหาของเราได้ไอ้สองข้อเนี่ย ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต ท่านต้องตอบให้เราทราบได้ เพราะฉะนั้นใจตอนนั้นมันทุรนทุรายกระวนกระวายอยากจะไปหาท่าน แต่ก็ไม่รู้จะไปหายังไง แม้อยู่ที่... [เทปตัด]


... ท่านให้นั่งหลับตา ทำภาวนา แต่เนื่องจากว่าท่านมีเมตตาน่ะ ตอนนั้นหลวงพ่อเอาอะไรก็เอาน่ะ ท่านก็เอาด้วย ท่านก็สนุกไปด้วย ก็แปลกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นในตอนช่วงนั้นน่ะ ท่านจะทราบหรือไม่ทราบยังไงก็ไม่ทราบ แต่ว่าท่านให้ความเมตตาว่าตาม.... และรวมทั้งการสั่งวิชชาสั่งงานอะไรต่างๆ ไม่ยอมใครเลย แต่ว่าให้หลวงพ่อสั่งงานให้ได้ แล้วหลวงพ่อก็ไปเรียนกับท่านอยู่อย่างนั้นแหละ ไปมันทุกวัน เมื่อเรามาถึงวิชชาขนาดนี้แล้วเนี่ย เป็นวิชชาลึกซึ้ง ซึ่งวิชาทางโลกนี่จะให้อย่างนี้ไม่ได้น่ะ เพราะฉะนั้นเลยเกิดความรู้สึกว่าวิชาทางโลกมันไม่ได้อะไร ไม่เห็นมีคุณค่าอะไร เรียนไปแล้วปัดลูกระเบิดก็ไม่ได้ ดับดาวก็ไม่ได้ ช่วยทุกข์มนุษย์ก็ไม่ได้ ไปนรกไปสวรรค์ก็ไม่ได้ ไปนิพพานก็ไม่ได้ อะไรไม่ได้ซักอย่างเลยเนี่ย เพราะฉะนั้นก็เลยเบื่อไม่อยากจะเรียน เพราะเรียนไปแล้วก็ไม่ได้อะไร เปรียบเทียบกันอย่างเห็นได้ชัดเลยในตอนช่วงนั้นเนี่ย เพราะฉะนั้นตอนช่วงนั้นอยากจะบวช ตอนอายุ ๑๙ อยากจะบวชทีเดียว ไม่อยากจะเรียนหนังสือหนังสือหนังหา เพราะมาพบวิชชาที่สูงส่ง แล้วท่านก็ให้คำตอบได้สองข้อ คำตอบสองข้อท่านให้ได้เป็นที่ถูกใจเลยตั้งใจที่จะบวชในตอนนั้น แต่ท่านไม่ยอมให้บวช ท่านบอกว่า "ต้องเป็นบัณฑิตในทางโลก แล้วเป็นนักปราชญ์ในทางธรรม" คือให้ไปเรียนให้จบซะก่อนแล้วค่อยมาเป็นนักปราชญ์ในทางธรรม อย่างนี้ท่านเห็นด้วย บวชแล้วจะได้เป็นประโยชน์ต่อพระศาสนา ไม่ใช่มาพึ่งพระศาสนาอย่างเดียว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘