ถอดเทปสัมภาษณ์ชีวิตคุณครูไม่ใหญ่ (ตอนที่ 1) หน้า 02

เนื้อความถอดเสียงสัมภาษณ์

... นี่หนังสือโลกทิพย์เค้าลงนะ ตอนนี้มันลงเพี้ยนไปนิดหน่อย เพราะว่าเป็นเรื่องที่โยมแม่เล่าให้ฟังมากกว่า ท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ก่อนหลวงพ่อจะเกิดท่านได้ฝันไป ฝันว่าท่านไปที่ชายหาดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และท่านได้เอามือไปคุ้ยๆที่กองทราย ท่านก็ได้พระพุทธรูปเก่าๆมาองค์นึง เป็นพระพุทธรูปเก่า แล้วพอท่านขัดไปเรื่อยๆเข้าองค์พระก็โตขึ้นไปเรื่อยๆ สุกใสขึ้นไปเรื่อยๆ สุกสว่างจนกระทั่งสว่างทั้งเมืองเลย สว่างไปหมดเลย ต่อมาเมื่อคลอดเนื่องจากว่า..[เสียงรบกวน]..รู้สึกจะลำบากนิดหน่อย โยมแม่เล่าให้ฟังว่าญาติพี่น้องทั้งหมดไปจุดธูปจุดเทียนบูชาบนบานศาลกล่าวเทวดาทั้งหลายปู่ย่าตายายที่ตายไปแล้วบอกให้มาช่วย เสร็จแล้วท่าน[หมายถึงโยมแม่]ก็อยู่คนเดียว อยู่ในห้องและก็มีหมอตำแยอยู่ ท่านบอกว่าท่านเห็นคนเต็มบ้านเลย แต่ว่าเป็นคนที่แต่งตัวคล้ายๆกับรูปวาดตามฝาผนังโบสถ์ เต็มไปหมดเลยสวยๆงามๆเข้ามากันเยอะแยะ ทั้งๆที่ตอนนั้นก็มีกันอยู่ไม่กี่คน ท่านก็บอกว่า โห ทำไมคนเข้ามาบ้านทำไมเยอะแยะขนาดนี้ หมู่ญาติและหมอตำแยเค้าก็นึกว่าเพ้อ เค้าบอกว่าไม่มีใคร ไม่เห็นมีอะไร โยมแม่ก็บอกว่า นั่นไงคนเยอะแยะเลย แต่งตัวอย่างงั้นๆ โยมแม่ก็บอกไว้หมดเลย สวยงามเข้ามาเต็มไปหมด เมื่อคลอดแล้วโยมแม่ก็เข้าใจว่าไอ้สิ่งที่ท่านเห็นนั่นหนะ คงเป็นเทวดาที่ปู่ย่าตายายไปบนบานศาลกล่าวท่านให้มา ท่านเข้าใจว่าอย่างงั้นนะ ท่านบอกว่าเครื่องแต่งตัวนั่นเหมือนกันเลย เหมือนกับรูปวาดที่ผนังโบสถ์ ท่านว่านะ นี่คือสิ่งที่ท่านเล่าให้ฟัง

หลวงพ่อเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๒ เมษา พ.ศ. ๒๔๘๗ ปีวอก ขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๖ เวลาเข้าไต้เข้าไฟ แต่ว่าเห็นโยมแม่จดเวลาไว้ประมาณ ๑๘.๐๐ น. เกิดมานี่ปู่ย่าตายายที่เคยทะเลาะกันก็มาดีกันในวันนั้น ท่านมาดีกันในวันนั้น ทะเลาะกันมาตั้งหลายๆปี (หัวเราะ) เล่านี่ไม่มีมู๊ดเลย ก็มันมีเครื่องอะไรไม่รู้อยู่ข้างหน้า [ท่านคงหมายถึงเครื่องอัดเสียง] เอ้า..ซักถามมาด้วยก็แล้วกัน อ่า.. ปู่ย่าตายายนี่ก็ทะเลาะกันมาตลอดเลย เป็นตระกูลที่พิลึกอยู่ว่างๆไม่รู้จะทำอะไรก็ทะเลาะกัน และก็มาดีกันในวันนั้น ทะเลาะกันมาหลายปีเลยนะ ไม่พูดไม่จาไม่อะไรกัน ดีกันในวันที่หลานคนแรกเกิด เพราะฉะนั้นก็เป็นนิมิตดีว่าเกิดมาแล้วนี่ ยังประโยชน์สุขให้กับหมู่ญาติ ก็ดีใจที่โยมแม่เล่าให้ฟัง ว่าเอ้อตัวเราเองเกิดมาก็ยังเป็นประโยชน์ต่อหมู่ญาติ ถ้าเราไม่เกิดในวันนั้นหมู่ญาติก็คงทะเลาะกันตลอด แล้วคงอาจจะไม่มีโอกาสหันหน้าเข้ามาพูดคุยกันเหมือนเดิม นั่นคือสิ่งที่ดีใจครั้งแรกที่เกิดมา จากการได้ยินได้ฟังโยมแม่เล่าให้ฟังที่หมู่ญาติมาดีกัน

หลังจาก...[เสียงหาย]..ใช่มั้ย...หา...ชีวิตก็ระหกระเหินมาตลอด แต่การระหกระเหินของชีวิตของหลวงพ่อไม่เคยคิดว่ามันเป็นความทุกข์ทรมาน กลับคิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่จะหล่อหลอมชีวิตจิตใจของหลวงพ่อให้กลายเป็นนักสร้างบารมีที่ดีใด้ เหมือนเหล็กหล่อกว่าจะเป็นเหล็กกล้าได้ มันต้องโดนค้อนกระหน่ำแล้วกระหน่ำอีก ทุบแล้วทุบอีกกว่าจะมาเป็นเหล็กกล้าได้ ชีวิตของหลวงพ่อก็เป็นอย่างนั้นแหละ ระหกระเหินเรื่อย ตั้งแต่เกิดรูู้สึกว่าจะอยู่กับพ่อแม่ได้ไม่กี่วันมั้ง นอกนั้นคนอื่นเอาไปเลี้ยงหมด เอาไปเลี้ยงหมดเลย จนกระทั่งถึงวัยเรียนหนังสือ โยมพ่อก็เป็นคนที่รักการเรียนรักการศึกษาเนื่องจากท่านไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ ท่านก็คิดอยู่เสมอว่าท่านจะให้ลูกเรียนน่ะให้สูงที่สุด เพราะฉะนั้นจะมีโอกาสไหนที่จะสนับสนุนให้ลูกเรียนได้ท่านก็เอา ในตอนนั้นหลวงพ่ออายุได้ ๗ ขวบ โยมพ่อเมื่อพิจารณาเห็นว่า ร.ร.อัสสัมชัญ เป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดก็เลยเอาหลวงพ่อไปฝากที่โรงเรียนนั้น เอาเข้าไปฝากกับท่านอธิการ หลวงพ่อยังจำหน้าตาท่านได้เลย ท่านมีหนวดมีเคราท่านนั่งอยู่ตรงนั่นหนะ โยมพ่อท่านก็พูดว่าจะยกให้เป็นลูก คือตามธรรมเนียมไทยอะนะ การยกให้เป็นลูกนี่ก็พอเป็นพิธี ไม่ได้จะถือเป็นจริงเป็นจัง แต่ว่าท่านอธิการบดีนั่นท่านไม่ได้คิดอย่างนั้น ท่านหยุดแล้วก็มองหน้าโยมพ่อและก็ถามว่า "จริงหรือ?" พูดอย่างเสียงหนักแน่นเลย "ที่จะยกให้เป็นลูกนั่น จริงหรือ?" "ถ้าจริง จะรับไว้ในตอนนี้และจะส่งไปเรียนที่อิตาลี" โยมพ่อท่านก็หยุดกึ๊กเลย แล้วก็ไม่กลับไปที่ ร.ร.อัสสัมชัญ อีกเลยจนกระทั่งบัดนี้ วาสนาเราได้ไปเหยียบย่างที่อัสสัมชัญแค่วันเดียว จนกระทั่งบัดนี้อายุ ๔๐ กว่าแล้วยังไม่เคยไปเหยียบอีกเลย สามสิบกว่าปี ถ้าหากตอนนั้นโยมพ่อยกให้กับท่านอธิการ ป่านนี้หลวงพ่ออาจจะไม่ได้เป็นหลวงพ่อ อาจจะเป็นคุณพ่อหรือบาทหลวงอะไรก็ไม่ทราบที่มาทำหน้าที่สอนอะไรที่ไม่เหมือนกับปัจจุบัน

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘