ประวัติและปฏิปทา พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

ประวัติและปฏิปทา
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

วัดญาณเวศกวัน
ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม

พระ พรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) มีนามเดิมว่า ประยุทธ์ อารยางกูร เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2481 ที่ตลาดศรีประจันต์ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวน 9 คน ของนายสำราญ - นางชุนกี อารยางกูร ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย และมีกิจการโรงสีไฟ พระพรหมคุณาภรณ์ได้รับอิทธิพลดำเนินชีวิตด้วยครรลองคลองธรรมจากบิดามารดามา แต่เยาว์

การศึกษาเริ่มศึกษาจากโรงเรียนอนุบาล ที่ตลาดศรีประจันต์ เรียนประถมศึกษาที่โรงเรียนประชาบาลชัยศรีประชาราษฎร์ เมื่อจบประถมศึกษาแล้ว โยมบิดาพาไปจังหวัดพระนคร เพื่อเข้าศึกษาต่อโรงเรียนมัธยมที่โรงเรียนวัดปทุมคงคา แต่พักอยู่ที่วัดพระพิเรนทร์ ได้รับทุนเรียนดีของกระทรวงศึกษาธิการ จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ความใส่ใจของท่านเรื่องของการศึกษา แม้จะยังเป็นเด็กอยู่ แต่เมื่อ ด.ช.ประยุทธ์กลับบ้านขณะปิดเทอม ได้นำวิชาความรู้มาสอนน้องๆ จนสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

สุขภาพของ ท่านไม่ดีมาแต่เด็ก เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จึงกลับไปบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 ที่วัดบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ โดยมีพระครูเมธีธรรมสาร เจ้าอาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นจึงศึกษาเล่าเรียนทางพระปริยัติธรรม พ.ศ. 2496 ได้กลับกรุงเทพฯ มาสังกัดวัดพระพิเรนทร์ สอบไล่ได้นักธรรมเอก และเปรียญธรรม จนได้เปรียญธรรม 9 ประโยคขณะเป็นสามเณร จึงได้รับพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาล ปัจจุบัน ให้อุปสมบทในฐานะ นาคหลวง ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2504 โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (กิตติโสภณมหาเถร) วัดเบญจมบพิตร สมเด็จพระสังฆราชขณะนั้น ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้นามฉายาว่า "ปยุตฺโต" แปลว่า ประยุกต์ หรือประกอบ, ผู้เชี่ยวชาญวิทยาการ


ภายหลังศึกษาต่อจนรับปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ. 2505 และสอบได้วิชาชุดครู พ.ม. เมื่อ พ.ศ. 2506 ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากสถาบันการศึกษา 10 สถาบันรวม 11 ปริญญาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยร่วม 10 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2507-2517 เป็นเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ระหว่าง พ.ศ. 2515-2519

พระ พรหมคุณาภรณ์เป็นพระเถระที่ศึกษาดี มีจรรยาวัตรงดงาม สมบูรณ์ด้วยศีล มีนิสัยใฝ่รู้เป็นปราชญ์ ได้รับรางวัลและการประกาศเกียรติคุณเป็นอันมาก ทั้งในฐานะผู้คุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา วงการศึกษา วัฒนธรรม และการศึกษาเพื่อสันติภาพของโลก

บนเส้นทางชีวิตของพระคุณเจ้าพระ พรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) จาก ด.ช. ประยุทธ์ อารยางกูร ที่รูปร่างค่อนข้างจะบอบบาง ขี้โรค มีอุปนิสัยช่างสังเกต นุ่มนวล ประณีต รักงานช่าง และ มีจิตใจที่อ่อนโยนเป็นกุศล จากครอบครัวที่มีฐานะปานกลางของอำเภอศรีประจันต์ ที่มีพ่อเป็นผู้ที่สนใจใฝ่ธรรม ส่งเสริมในแนวทางที่ลูกมีใจรักและศรัทธา และได้บวชเรียนให้ตั้งแต่อายุ 13 ปีด้วยความขยันหมั่นเพียรและศรัทธาในพระพุทธศาสนา

เส้นทางในชีวิต บรรพชิตจึงเรียบง่าย นุ่มนวล งดงาม และสงบ ประสบความสำเร็จอย่างน่าพิศวง จากการทำงานหนักทั้งในการศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นชัดถึงสัจธรรมที่ว่า "ความเพียรอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" และคำพังเพยที่ว่า "ฝนทั่งให้เป็นเข็ม"

จาก ประวัติชีวิตย่อมแสดงให้เห็นความเป็น "คนที่หาได้ยากยิ่ง" ที่จะประสบความสำเร็จได้สูงสุด เป็นสามเณรเปรียญธรรม 9 ประโยค เป็นพุทธศาสตร์บัณฑิตขั้นยอดเยี่ยมย่อมแสดงถึงความรู้ความคิดที่ปราดเปรื่อง แตกฉาน มีความเพียรพยายามที่ถูกต้องเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในการศึกษาเล่าเรียนที่ควร เป็นแบบอย่างที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง 2 ปี หลังจากจบการศึกษาจากมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ 1 ปี หลังจากสอบวิชาชุดครู พ.ม. ก็ได้ทำงานในตำแหน่งรองเลขาธิการณ์มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยต่อเนื่องมาอีก 10 ปี

เพราะประสบการณ์ในการเป็นผู้บริหารสถาบันการศึกษาสงฆ์ที่ยาว นาน และอยู่ในช่วงของการบุกเบิกวางรากฐานและการแก้ ปัญหาหนักนานาประการ เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าและความเป็นปึกแผ่นให้กับสถาบันซึ่งสืบทอดต่อ เนื่องมาเป็นมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยจนปัจจุบันนี้ ท่านจึงเป็น "หนึ่งในครูที่มีค่ายิ่งในวงการสงฆ์ไทย"

เส้นทางที่ ต้องเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของสงฆ์ ที่เริ่มก้าวเข้าสู่ยุคสมัยที่ต้องเปิดตัวให้กับปัญหาสังคมของบ้านเมืองของ โลกมากขึ้น การผสมผสานความคิดฝ่ายเปรียญธรรมดั้งเดิมให้เข้ากับการศึกษาวิชาการทางโลก และการเปลี่ยนแปลงในสังคมเพื่อให้หลักสูตรการศึกษาทางพุทธศาสนามีคุณค่า มีความงดงาม เหมาะสม และกลมกลืนกับยุคสมัย เป็นความรับผิดชอบและความจำเป็นที่ส่งเสริมให้ต้องทำงานหนักยิ่งขึ้น ต้องใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา และแสวงหาแนวทางที่ถูกต้อง เหมาะสม และมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา และคงมีส่วนสำคัญที่หล่อหลอมให้ต้องทำงานหนักอย่างยิ่ง ต้องใคร่ครวญครุ่นคิดทั้งลุ่มลึกและกว้างไกลในศาสตร์ต่างๆ จนมีความรู้แจ้งในปัญหาต่างๆ ได้อย่างอัศจรรย์

จากความสำเร็จของ สถาบันที่ท่านมีส่วนรับผิดชอบและวางรากฐานในตำแหน่งรองเลขาธิการมหา จุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย จากการเป็นเจ้าอาวาสวัดพิเรนทร์ จากการบรรยายธรรมในโอกาสต่างๆ จากการอภิปรายร่วมกับนักคิด นักวิชาการในวงการต่างๆ จากการที่ได้รับเชิญจากสถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ ในต่างประเทศให้ไปปาฐกถาธรรม จากการแสดงทัศนะต่อปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างตรงไปตรงมาด้วยเหตุ ด้วยผล ด้วยความรอบคอบ รัดกุมที่เปี่ยมไปด้วยสาระในแนวทางที่เป็นกลาง ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ เป็นมัชฌิมา และเมตตาต่อทุกฝ่ายได้มีส่วนในการทำให้เกิดแสงสว่างแห่งปัญญา ในการมองปัญหาได้อย่างแจ่มแจ้งจนนำไปสู่การยุติปัญหาและข้อโต้แย้งปรับ บรรยากาศในสังคมจากความขัดแย้ง รุนแรง ร้อนระอุเป็นเย็นสงบ

ดังที่ ได้เคยปรากฏและทราบกันอยู่แล้วหลายครั้ง จากหนังสือตำราต่างๆ ที่ได้ร้อยกรองไว้มากมายจนแทบไม่น่าเชื่อทั้งส่วนที่ถือเป็นตำราแม่บทที่ใช้ อ้างอิงได้ในวงการพุทธศาสนาเช่น หนังสือ "พุทธธรรม" ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "เพชรน้ำเอก" ของวงการพุทธศาสนาของโลก ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่มีคุณค่ายิ่งและยากยิ่งที่จะร้อยกรองได้ จากหนังสือเล่มนี้แสดงถึงสภาวะของการใช้ความพากเพียรอย่างยิ่ง การมีศรัทธาอย่างแก่กล้ามีพื้นฐานที่หนักแน่น เหมาะสม มีการวางแผนการเขียนอย่างรอบคอบ รัดกุม ความอดทนทำงานหนัก ความมีวินัยที่จะทำตามแผน การสู้งาน และความเพียรพยายามอย่างยิ่งเพื่อให้งานที่ยากยิ่งนี้สำเร็จได้

นอกจาก นี้ยังมีหนังสืออื่นอีกร่วม 300 เล่ม และมีปาฐกถาธรรมอีกมากมายนับพันเรื่อง ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ทั้งโดยการอ่าน การฟังธรรมบรรยาย และการฟังเทปบันทึกเสียงหนังสือจำนวนมากได้รับการพิมพ์เผยแพร่เล่มละหลายๆ ครั้งตามความเหมาะสม และมีหลายเล่มได้มีการพิมพ์เผยแพร่เป็นภาษาต่างประเทศ เฉพาะหนังสือธรรมนูญชีวิตมีการพิมพ์กว่า 200 ครั้ง และมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

เพราะผลงานที่มีคุณค่ายิ่งดังที่ กล่าวโดยสรุปนี้ และเพราะเป็น "พระผู้ให้ ผู้มีเมตตาสูง" ยึดแนวมัชฌิมาปฏิปทาในการมองและวิเคราะห์ปัญหา มีโยนิโสมนสิการที่เฉียบคม มีความเป็นกัลยาณมิตรกันคนทั้งหลาย และเป็นกัลยาณมิตรที่ให้ปัญญาให้ธรรมะ เป็นแสงสว่างของชีวิตอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย

แม้สุขภาพของ พระคุณเจ้าจะไม่สู้เข็งแรงนัก แต่ก็ดูประการหนึ่ง "งานเป็นโอสถวิเศษ" ตลอดเวลาเกินกว่า 50 ปี ในเพศบรรพชิตท่านได้อุทิศตนเพื่อประกาศพุทธธรรมเพื่อเป็นแสงสว่างแก่ มนุษยชาติ เพื่อขจัดอวิชชา เพื่อการแก้ปัญหา เพื่อลดละกิเกสตัณหา เพื่อสามัคคีและเมตตาธรรม เพื่อความสุขสงบเย็นของผู้รับ ของหมู่ชน และสังคมส่วนรวมทั้งในระดับชาติและประชาคมโลก แนวทางในการสอนและจริยวัตรอันงดงาม เรียบง่ายของพระคุณเจ้าจึงเป็นไปในเส้นทางของการศึกษาเพื่อสันติภาพโดยแท้

จาก ความลุ่มลึกกว้างไกลในศาสตร์ต่างๆ ซึ่งครอบคลุมปัญหาทั้งหลาย และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตลอดเส้นทางเดินของพระคุณเจ้า ได้มีส่วนสร้างสรร สั่งสม ข้อคิด ข้อปฏิบัติที่เหมาะสมและมีคุณค่ายิ่งบนรากฐานของพุทธธรรม เป็นปัญญา เป็นแสงสว่าง เป็น "หยาดเพชร หยาดธรรม" เกิดประโยชน์มหาศาลแก่มนุษยชาติ และได้รับเรียกขานว่าเป็นปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาแห่งสยาม

ต้องถือ ว่าเป็นโชคดีของชาติไทยและของโลก ที่มีคนที่ทุ่มชีวิตจิตใจศึกษาพุทธธรรมอย่างลึกซึ้งจริงจัง ทำงานหนักด้วยศรัทธาอย่างต่อเนื่องไม่ท้อถอย ประพฤติปฏิบัติตนเป็น "พุทธสาวกที่มีคุณค่าและหาได้ยากยิ่ง" ที่ได้พากเพียรอย่างยิ่งในการปฏิบัติภารกิจเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนาที่ถูกต้อง ให้แก่มวลมนุษยชาติ จนได้รับรางวัลอันมีคุณค่าและมีเกียรติยิ่ง คือ รางวัลการศึกษาเพื่อสันติภาพ จากยูเนสโก ซึ่งยืนยันว่าผลงานของพระคุณเจ้าในการเผยแพร่พุทธธรรมได้รับการยอมรับใน ระดับโลก พระคุณเจ้าเองก็เป็นพระสงฆ์องค์แรกในโลกและเป็นคนไทยคนแรกในโลกที่ได้รับ รางวัลนี้

และย่อมถือได้ว่าพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) นั้นเป็นคนสำคัญยิ่งคนหนึ่งของโลกในการปฏิบัติงานอย่างจริงจังต่อเนื่องตลอด มา เพื่อให้เกิดสันติภาพโดยใช้กระบวนการการศึกษา เป็นการชี้ทางเลือกอันสำคัญและมีคุณค่ายิ่งให้แก่โลกอีกทางหนึ่งที่มนุษชาติ ควรแสวงหาแนวทางให้การศึกษาเพื่อสร้างสันติภาพโลก เพราะคุณค่าของผลงานที่ได้กระทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอเป็นปกติพระคุณเจ้า พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) จึงได้รับมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากสถาบันการศึกษาชั้นสูงถึง 10 แห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และได้รับรางวัลอันมีเกียรติและน่าชื่นชมอีกเป็นอันมาก

พระเดช พระคุณท่าน เป็นบุคคลตัวอย่างที่สามารถยืนยันแก่ชาวโลก ผู้ร่วมสมัยได้อย่างชัดเจนว่า หลักพุทธธรรมของพระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ร่วม 2,600 ปีแล้วนั้น ยังคงเป็นอมตะ และเป็นอกาลิโก สามารถน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติให้เกิดผลดีอย่างแท้จริงได้ ทั้งแก่ส่วนบุคคล สังคมประเทศชาติ มนุษยชาติ ตลอดจนธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ได้ตั้งแต่ในอดีตจนถึงทุกวันนี้

ในมหามงคลวโรกาส ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา เมื่อวันที่ 12 ส.ค. พ.ศ. 2547 นี้ ท่านได้รับพระราชทานสถาปนาเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัณยบัฏ ที่ พระพรหมคุณาภรณ์ สุนทรธรรมสาธก ตรีปิฎกปริยัติโกศล วิมลศีลาจาร ศาสนภารธุราทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

พระพรหม คุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เป็นเจ้าอาวาส วัดพระพิเรนทร์ ระหว่างปี พ.ศ. 2515-2519 ต่อมาท่านได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส เป็นเพียงพระลูกวัดธรรมดา และในปี พ.ศ. 2537 จนถึงปัจจุบัน ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน ตำบลบางกระทึก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งท่านได้จัดสภาพแวดล้อมของวัดให้ร่มรื่นด้วยไม้นานาพรรณ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาในรูป แบบต่างๆ ให้ผู้มาวัดรู้สึกสบายใจกับบรรยากาศของวัด สมกับเป็นวัดในพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ซึ่งต้องทำหน้าที่เป็นแหล่งเผยแพร่ความดีและปัญญา ตลอดจน ความสงบร่มเย็นสันติสุขให้แก่ชุมชนและประชาชนทั่วไป

ปัจจุบันท่าน เจ้าคุณเป็นเจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน ตำบลบางกระทึก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และดูแลสถานสำนักสงฆ์สายใจธรรม บนเทือกเขาสำโรงดงยาง ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘