หลักฐาน"ธรรมกาย"ทางพุทธศาสนา ( 4 )
จากคัมภีร์ และศิลาจารึก9. ปฐมสมโพธิกถา ตอนมารพันธปริวรรต ปริเฉทที่ 28 หน้า 509 ความว่า
หลังพุทธปรินิพพานมีพระสาวกองค์หนึ่ง ชื่ออุปคุตต์มหาเถระ เป็นพระอรหันต์ บรรลุอภิญญา 6 มีฤทธานุภาพมาก สามารถปราบพญามารให้ละพยศได้ จนเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย แล้วปรารถนาพุทธภูมิ พระอุปคุตต์มหาเถระ ได้ขอร้องได้ขอร้องให้พญามารเนรมิตพระรูปกายของพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยอัครสาวกซ้ายขวาดังนี้10. ขุทฺทกนิกาย อปทาน เล่มที่ 32 ข้อ 139 หน้า 443 แปลไว้ใน ขุ.เถร อรรถกถานาคิตเถรคาถา ฉบับมหามกุฏฯ เล่ม 50 หน้า 413 ความว่า
"ท่านจงได้อนุเคราะห์แก่อาตมา ด้วยสมเด็จพระศาสดา บังเกิดในโลก เสด็จเข้าสู่พระปรินิพพานเสียแล้ว เราได้เห็นแต่ธรรมกาย บมิได้เห็นซึ่งพระสรีรกาย ท่านจงสงเคราะห์นฤมิตพระรูปกายแห่งพระศาสดาจารย์ พร้อมด้วยอาการทั้งปวงสำแดงแก่เรา ให้เห็นประจักษ์กับทั้งพระอัครสาวกทั้งคู่ให้ปรากฏ…"ความเห็น : ความนี้แสดงว่า รูปกายนั้นเป็นคนละอย่างกับธรรมกาย รูปกายนั้นเมื่อปรินิพพานแล้วก็จะสลายไปตามกฏของไตรลักษณ์ แต่ธรรมกายเป็นอัตตาที่คงอยู่ในอายตนนิพพานตลอดไป
"เรานั่งอยู่ในโรงทานอันกว้างใหญ่ ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ ผู้เป็นนายกของโลก ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว ผู้บรรลุพลธรรม แวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ภิกษุสงฆ์ประมาณหนึ่งแสน ผู้บรรลุวิชชา 3 ได้อภิญญา 6 มีฤทธิ์มาก แวดล้อมพระพุทธเจ้า ใครเล่าเห็นแล้วจะไม่เลื่อมใส ในมนุษยโลกพร้อมทั้งเทวโลก ไม่มีอะไรเปรียบ ในพระญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด ใครได้เห็นพระสัมมาสัมพุทะเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีญาณไม่สิ้นสุดแล้วจะไม่เลื่อมใสเล่า ชนทั้งหลายไม่สามารถเพื่อกำจัดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด ผู้ทรงแสดงธรรมกาย และผู้เป็นบ่อเกิดแห่งพระรัตนตรัยอย่างเดียวได้ ใครเล่าเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้นแล้วจะไม่เลื่อมใส"11. คัมภีร์ ศรีมาลาเทวี สีหนาถสูตร ความว่าความเห็น : ความนี้แสดงว่าพระพุทธเจ้าท่านยิ่งใหญ่ด้วยธรรมกาย มีอานุภาพมากก็ด้วยธรรมกาย ไม่ใช่ด้วยรูปกาย และธรรมกายนั่นเองเป็นบ่อเกิดแห่งพระรัตนตรัยแต่เพียงอย่างเดียว หรือเป็นพระรัตนตรัยนั่นเอง โดยตัวธรรมกายเป็น พุทธรัตนะ ดวงธรรมของธรรมกายเป็นธรรมรัตนะ ธรรมกายละเอียดภายในเป็นสังฆรัตนะ และการที่พุทธศาสนาเราสอนให้ยึดถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง หรือที่เรียกว่าไตรสรณคมน์ ก็เพราะว่าธรรมกายนั้นพึ่งได้เพราะ มีอานุภาพ และเป็นนิจจัง สุขัง อัตตา อย่างอื่นพึ่งไม่ได้เพราะล้วนยังตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา "คมน์ " หรือ "คมน" แปลว่าแล่นไป เข้าไป เข้าถึง ดังนั้น จะเข้าพึ่งพระรัตนตรัยได้ ก็ต้องเข้าถึงธรรมกาย เพราะธรรมกายคือพระรัตนตรัย แม้แค่ระดับธรรมกายโคตรภู (ยังไม่เป็นพระอริยะ) ก็ตาม
" บุคคลใดไม่มีความสงสัยว่า ตถาคตเจ้าได้หลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงแล้ว และธรรมกายนั้น ย่อมไม่มีการเกิด ไม่มีการแก่ ไม่มีการเจ็บ ไม่มีการตาย คงที่แน่นอน สงบตลอดกาล บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ปราศจากเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง ถึงพร้อมด้วยพุทธคุณทั้งปวง จะนับจะประมาณมิได้ ประหนึ่งเม็ดทรายในท้องพระแม่คงคาฉะนั้น สมบูรณ์ไปด้วยวิมุติญาณทัสสนะ แต่ไม่ปรากฏต่อสายตาของคนทั้งปวง "ธรรมกาย" ของตถาคตเจ้า เมื่อยังไม่พ้นจากกิเลส ย่อมถูกกล่าวถึงในนามของตถาคตครรภะ12. ศิลาจารึก ปราสาทพระขรรค์ (จารึกเป็นภาษาสันสกฤต) แปลได้ความว่าธรรมกายนั้นย่อมเที่ยงแท้แน่นอนที่สุด เป็นสุขล้วนๆ เป็นตัวตนคือ เป็นอัตตาที่แท้จริง บริสุทธิ์ที่สุด ผู้ใดได้เห็นธรรมกายของตถาคตในลักษณะนี้แล้ว ย่อมถือว่าเห็นถูก"
ความเห็น : จากหลักฐานนี้แสดงว่า ความเข้าใจเรื่องธรรมกาย คนในสมัยโบราณต่างก็มีความรู้เรื่องธรรมกายเป็นอย่างดี ขาดแต่ความรู้ในวิธีการเข้าถึงเท่านั้นที่สูญหายไป จากหลักฐานนี้ก็แสดงว่า ธรรมกายนั้นเป็นนิจจัง สุขัง อัตตา เป็นบ่อเกิดของพุทธคุณทั้งปวง มีความบริสุทธิ์ล้วนๆ มีจำนวนพระธรรมกายที่ปรากฏอยู่มากมายจะนับจะประมาณมิได้ในอายตนนิพพาน ธรรมกายเป็นกายในอีกภาวะหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถแลเห็นด้วยตาเปล่าได้ สามารถเข้าถึงได้ และแม้เข้าถึงเข้าก็มิใช่ว่าจะหมดสิ้นอาสวกิเลสในทุกคน หากคนใดที่เข้าถึงได้ (กายธรรมโคตรภู กายธรรมโสดา กายธรรมสกิทาคา กายธรรมอนาคามี) ซึ่งยังไม่หมดกิเลส ก็จะเรียกว่า เป็นตถาคตครรภะ หรือหน่อเนื้อของพระพุทธเจ้า ซึ่งยังไม่ได้เป็นพุทธะ(ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) แต่กำลังเจริญเติบโตเป็นพุทธะในอนาคต ผู้ใดเข้าถึงธรรมกายได้ จึงจะกล่าวได้ว่า เห็นถูก รู้ถูก ตามพระพุทธศาสนา
" พระผู้มีพระภาคประกอบด้วย พระธรรมกาย อันพระองค์ยังให้เกิดขึ้นแล้วอย่างเลิศ ด้วยการสั่งสม (บุญบารมี) ทั้งสัมโภคกาย และนิรมานกาย"ความเห็น : แม้จารึกนี้จะบ่งบอกว่า เป็นหลักศาสนาพุทธมหายาน แต่ก็เป็นหลักฐานอีกชิ้นที่แสดงว่า การเข้าถึงธรรมกายนั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยง่าย ผู้ที่สั่งสมบุญบารมีมามากพอเท่านั้น จึงจักบรรลุ และรู้เห็นได้